ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 421

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 421 : วัตถุดิบราคาแพง
ราชันเร้นลับ 421 : วัตถุดิบราคาแพง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ประตูหน้าของบ้านเจสัน·แพทริคถูกเปิดเสียงดังโครม เหยี่ยวราตรีหลายคนในโค้ทสีดำรีบวิ่งกรูเข้ามายังด้านใน

ทุกคนแสดงสีหน้าตื่นตระหนกและหวาดระแวง คล้ายกับเตรียมเผชิญหน้าศัตรูสุดแสนทรงพลังในอีกไม่กี่อึดใจ

กึก กึก กึก

ชายสวมชุดเกราะเต็มอัตราศึกสีเงินย่างกรายผ่านกรอบประตูเข้ามา

มองผิวเผินดูเหมือนชุดเกราะตัวนี้มีน้ำหนักมหาศาล ลวดลายเล็กน้อยทั้งหมดสื่อถึงความเก่าแก่โบราณ ช่วงสะพายแล่งจากไหล่ซ้ายจนถึงช่องท้องเปื้อนเปรอะด้วยคราบเลือดแห้งกรังสีแดงเข้ม ลักษณะคล้ายกับไม่มีวันถูกลบออก รอบบริเวณยังมีหยดเลือดสีแดงเกาะติดอีกหลายจุด มอบความวิจิตรพิสดารเกินพรรณนา ดูคล้ายกับการตกแต่งสุดพิเศษอันยากจะลอกเลียนแบบ

ผู้ปลอบวิญญาณ โซสต์ ล้วงนาฬิกาพกออกมาตรวจสอบ

“เปลี่ยน”

เกราะเงินพลันหยุดกึก มือข้างหนึ่งถูกเลื่อนขึ้นมาเปิดกะบังหน้า เผยให้เห็นดวงตาเขียวมรกต ใบหน้าหล่อเหล่า และเส้นผมยุ่งเหยิงแซมเล็กน้อย

“เลียวนาร์ด น้ำร้อนถูกเตรียมไว้แล้วในห้องนอนใหญ่บนทั้งสอง อย่ามัวรีรอเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นได้ไปเข้าเฝ้าองค์เทพธิดาแน่นอน!” โซสต์พูดกระตุ้น

“รับทราบ หัวหน้าโซสต์”

ด้วยความช่วยเหลือจากเหยี่ยวราตรีสองคนรอบตัว เลียวนาร์ด·มีเชลสามารถถอดเกราะเปื้อนเลือดได้ไม่ยากเย็น

มันไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม ไม่มั่วลังเลแม้แต่หนึ่งอึดใจ เลียวนาร์ดรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านโดยยังสวมถุงมือแดงทั้งสองข้าง

มันถอดเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและทิ้งตัวลงไปนอนแช่ในอ่างน้ำร้อนจนมิดร่างกาย ไม่แม้แต่จะนำจมูกโผล่พ้นขึ้นมาหายใจ

ทันใดนั้น ผิวหนังเลียวนาร์ดพลันกลายเป็นสีล็อบสเตอร์ถูกต้ม ตามลำตัวเริ่มผุดเส้นตรงสีเงินลักษณะคล้ายแผลขึ้นมาหลายจุด

เส้นโลหะสีเงินทั่วร่างบรรจงแผ่ออกจากผิวหนังชายหนุ่มทีละนิด ก่อนจะจับตัวเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำร้อนและสลายไป

ผ่านไปไม่ถึงสิบวินาที ฟองผิวน้ำเริ่มเลือนหาย แต่ความเย็นจัดได้จับตัวกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งบาง ผนึกอ่างน้ำร้อนไว้โดยสมบูรณ์

เมื่อเส้นโลหะสีเงินเริ่มสลายตัว เลียวนาร์ดพักหายใจหายคอคล้ายกับมีอาการหอบแดด

จากนั้น มันเอียงคอเล็กน้อยประหนึ่งกำลังฟังเสียงจากใครบางคน จากนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบ

“ตาแก่ พอจะรู้ต้นกำเนิดของ 1-42 ไหม”

เสียงชราดังก้องในหัวอีกฝ่าย

“พักหลัง เจ้าเริ่มไม่มีสัมมาคารวะขึ้นทุกที…ข้าไม่ทราบต้นกำเนิดของขุดเกราะประหลาดตัวดังกล่าว”

โดยไม่รอให้เลียวนาร์ดพูดแทรก มันส่งสุขุมเสียงพลางหัวเราะคิกคัก

“แต่ข้าพอจะทราบว่าใครเป็นเจ้าของเลือดบนชุดเกราะ”

“ใคร?” เลียวนาร์ดรีบซักถาม

เสียงแผ่วเบาของชายชราได้ทำให้ไคลน์เย็นยะเยือกไปถึงกระดูก

“หนึ่งในเทพบรรพกาลก่อนเกิดยุคมหาภัยพิบัติ”

ย่านทิศใต้ของสะพาน ถนนกุหลาบ

ณ วิหารฤดูเก็บเกี่ยว

เมื่อไคลน์ย่างกรายเข้าไป มันได้พบกับหลวงพ่อยูทรอฟสกี้และเอ็มลิน·ไวท์ กำลังนั่งสวดมนต์ในแถวหน้าสุดและรองลงมา ฝ่ามือของทั้งคู่ประสานกันด้านหน้าปากและจมูก

นี่คือท่าสวดมนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของโบสถ์พระแม่ธรณี

ปัจจุบัน สีหน้าแววตาของเอ็มลินทั้งอ่อนโยนและสุภาพจนน่าเหลือเชื่อ ปราศจากร่องรอยความฉุนเฉียวและไม่เต็มใจเหมือนทุกที

มุมปากไคลน์พลันกระตุก ก่อนจะวาดสัญลักษณ์สามเหลี่ยมกึ่งกลางหน้าอกเป็นเชิงอวยพร

ชายหนุ่มนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย รออย่างใจเย็นจนกระทั่งช่วงเวลาสวดมนต์อันยาวนานจบลง จึงค่อยเดินไปนั่งข้างเอ็มลิมและกล่าวพลางฉีกยิ้ม

“ทำไมวันนี้คุณได้ถึงเคร่งศาสนานัก?”

“อะไรนะ?” เอ็มลินพลันสะดุ้งเฮือกและรีบพึมพำลนลานด้วยใบหน้าซีดเซียว

“ข้าทำอะไรลงไป…ข้าทำอะไรลงไป!”

เสียงของมันสั่นเครือราวกับเพิ่งตระหนักการกระทำของตนจนกระทั่งเมื่อครู่

“ก็ไม่เลวร้ายนักหรอก” ไคลน์พูดให้กำลังใจอีกฝ่ายพร้อมกับนั่งลงด้านข้าง

“ถึงข้าจะสัมผัสได้ว่าจิตใจตัวเองไร้แรงต่อต้านจากการชี้นำ…แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากได้ยินจากปากคนอื่นอยู่ดี!” เอ็มลินทำหน้าฉุนเฉียว ก่อนจะกลับมาทำหน้าสลดหดหู่ราวกับเป็นคนละคน “ข้าไม่อยากทรยศดวงจันทร์ ข้าควรทำอย่างไร…”

ไคลน์ไม่ถามเซ้าซี้ในประเด็นอ่อนไหวให้อีกฝ่ายหดหู่ยิ่งกว่าเก่า

“ผีดูดเลือดอย่างพวกนายยังนับถือดวงจันทร์บรรพกาลอยู่ใช่ไหม? หรือนับถือเทพบางตนที่เป็นตัวแทนดวงจันทร์? แล้วพวกท่านใช่ตัวตนเดียวกันไหม?”

“เกือบทั้งหมด” เอ็มลินเชิดคางขึ้น “สำหรับผีดูดเลือดแท้อย่างพวกข้า ทุกคนจะนับถือเหล่าทวยเทพผู้เป็นตัวแทนของดวงจันทร์ทั้งหมด แน่นอน บนโลกนี้มีเทพผู้ครอบครองพลังของดวงจันทร์อยู่ นั่นคือลิลิธ และเธอยังเป็นต้นตระกูลผีดูดเลือดของพวกเราด้วย เป็นหนึ่งในเทพบรรพกาลสุดแสนทรงพลัง…

“แต่เมื่อมนุษย์สามารถกลายมาเป็นผีดูดเลือดได้เช่นกัน พวกมันกลับเลือกจะนับถือดวงจันทร์บรรพกาล จริงอยู่ ถ้าเป็นในยามปรกติ ทั้งสองเทพจะถูกจัดให้มีระดับเท่าเทียม…แต่ในบางเวลาก็ไม่ใช่”

“มนุษย์กลายเป็นผีดูดเลือด?” ไคลน์ไม่ประหลาดใจกับการยอมเปิดเผยชื่อลิลิธ มันกลับให้ความสำคัญในรายละเอียดเล็กน้อยอย่าง : มนุษย์กลายเป็นแวมไพร์ได้อย่างไร!

จะใช่โอสถแวมไพร์ตามคำบอกเล่าของมิสเตอร์อะซิกก่อนหน้านี้หรือไม่ ชายหนุ่มพยายามเค้นสมองนึก

เอ็มลินกล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน

“ถูกต้อง มีอยู่สองประเภท แบบแรก ถูกผีดูดเลือดทำให้เป็น และประเภทสอง ดื่มโอสถดังกล่าวเข้าไป ฝ่ายหลังคือศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลผีดูดเลือดอย่างข้าโดยตรง!”

“ทำไม?” แม้จะถามออกไป แต่ไคลน์ก็พอจะพอจะทราบคำตอบ

เอ็มลินกัดฟันกรอด

“เพราะวัตถุดิบหลักสำหรับปรุงโอสถคือแก่นโลหิตของพวกเรา!”

นั่นปะไร…ไคลน์หันไปจ้องเอ็มลินด้านข้างพร้อมกับก้มมองตั้งแต่หัวจรดเท้า

สายตาชายหนุ่มทำให้เอ็มลินเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วน มันรีบพ่นลมหายใจ

“เจ้าเป็นผู้วิเศษอยู่แล้ว! ไม่มีทางเปลี่ยนเส้นทางได้ตามใจชอบ!”

เปล่าสักหน่อย แค่เพราะว่านี่เป็นครั้งแรก กับการได้เห็นวัตถุดิบโอสถเดินได้…ไม่สิ พูดได้ต่างหาก…แต่ในความเป็นจริง ผู้วิเศษทุกล้วนเป็นวัตถุดิบหลักโอสถเดินได้ทั้งนั้น…

แม้จะกล่าวติดตลก แต่หัวใจไคลน์กับรู้สึกเจ็บแปลบและอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ