ซิล·เดียร์ชากำลังยืนซุ่มในซอยมืดมิดและเปล่าเปลี่ยว โดยไม่ต้องเงยหน้า หญิงสาวมองเห็นอาคารใหญ่ ยอดหอคอยสูง และสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิกจำนวนมากในจุดห่างออกไป ระดับความสูงจากน้ำทะเลในแถบนี้ถือเป็นอันดับหนึ่งของกรุงเบ็คลันด์
นี่คือย่านพักอาศัยของราชวงศ์ออกัสตัสแห่งโลเอ็น
ทั่วทวีปเหนือใต้ เกียรติยศและความยิ่งใหญ่ของวังหลวงโลเอ็น มักถูกจัดให้อยู่ในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าพระราชวังเมเปิลขาวแห่งอินทิส และพระราชวังเออร์เมียแห่งจักรพรรดิฟุซัค
อย่างไรก็ตาม ชื่อของวังหลวงโลเอ็นกลับมิได้ฟังดูน่าเกรงขาม หรือสุนทรีย์เท่ากับวังหลวงของราชวงศ์อาณาจักรอื่น
วังโซเดอร์แล็ค ในภาษาฟุซัคโบราณมีความหมายว่า ‘สมดุล’
ซิลเบือนหน้าหนีจาก ‘ระฆังประกาศิต’ อันโด่งดัง สายตาจ้องมองไปยังอีกฝั่งของซอยเปลี่ยวและคับแคบ
ท่ามกลางเงามืดซึ่งแสงจากเสาตะเกียงส่องไปไม่ถึง บุคคลผู้หนึ่งย่างกรายออกมาอย่างเงียบงัน
อีกฝ่ายสวมหน้ากากสีทองปกปิดครึ่งใบหน้าส่วนบน ไม่ใช่ใครนอกจากชายปริศนาผู้ขายสูตรโอสถเจ้าพนักงานให้ซิล และยังคอยมอบภารกิจให้เธอทำอย่างต่อเนื่อง
หลังจากซิลและฟอร์สถกเถียงกันอย่างจริงจัง พวกเธอมีความเห็นตรงกันว่า ชายคนนี้น่าจะเป็นสมาชิกของ MI9
“มีความคืบหน้าบ้างไหม” ชายสวมหน้ากากถามอย่างเป็นกันเอง
ซิลส่ายหัว
“ไม่มี ฉันค่อนข้างมั่นใจว่า ไม่มีใครบาดหมางกับคาพินก่อนเกิดเหตุ”
เธอเว้นวรรค ก่อนจะซักถามอย่างไม่เต็มใจ
“ฉันยังต้องสืบเรื่องนี้ต่อไหม”
ชายสวมหน้ากากเงียบสักพัก
“ไม่ต้องแล้ว แต่ถ้าบังเอิญได้รับเบาะแสเพิ่มเติม ให้รีบรายงานผมทันที สำหรับวันนี้ ผมมีภารกิจใหม่ให้ทำ”
“ภารกิจอะไร” ซิลกำลังอยู่ในโหมดนักล่า เธอพร้อมรับความเสี่ยงทุกรูปแบบ
ชายสวมหน้ากากหัวเราะ
“ภารกิจไม่ซับซ้อน และคุณคงฝันอยากจะทำมันมานานแล้ว กว้านซื้อวัตถุดิบหลักของโอสถเจ้าพนักงานและนักสอบสวนทั้งหมดจากชุมนุมลับในแวดวงของคุณ โดยเฉพาะวัตถุดิบชนิดพิเศษซึ่งสามารถใช้แทนวัตถุดิบหลักได้ ถ้ามีใครเสนอขาย ทางเราจะออกเงินให้เอง”
“วัตถุดิบเหล่านั้นจะกลายเป็นของฉัน?” ซิลโพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้น
เธอกำลังคาดหวัง
“เปล่า คุณคิดว่าภารกิจง่ายดายเช่นนี้ จะมอบรางวัลตอบแทนสูงเทียบเท่าวัตถุดิบหลักโอสถเชียวหรือ แต่ถ้าคุณสามารถตามหาเป้าหมายหลักขอพวกเราพบ บางที คุณอาจได้รับคะแนนผลงานสูงมาก จนสามารถนำมาแลกเป็นวัตถุดิบหลักโอสถได้” ชายสวมหน้ากากกล่าวพลางอมยิ้ม
“แต่ฉันยังไม่ทราบว่าวัตถุดิบหลักของโอสถนักสอบสวนคืออะไร คงหาซื้อให้ไม่ได้” ซิลออกท่าทางลังเล
“ผมจะบอกคุณหลังจากตกลงรับทำภารกิจแล้ว ให้คิดเสียว่าเป็นค่าจ้างล่วงหน้า และถึงคุณจะไม่พบเบาะแสใดเลย แต่ก็จะได้ทราบชื่อของวัตถุดิบหลักโอสถลำดับ 7 ทั้งสองเป็นการตอบแทน ซึ่งตามปรกติแล้ว ข้อมูลนี้จะมีมูลค่าสูงถึงหกร้อยปอนด์ คงเห็นแล้วใช่ไหมว่าพวกเราจริงใจกับคุณแค่ไหน” ชายสวมหน้ากากพยายามโน้มน้าว
จ่ายหนักเอาเรื่อง…เป้าหมายของพวกเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงยอมจ้างราคาแพงเพื่อพลิกแผ่นดินตามหา? จริงสิ… แต่ถ้าเขาเป็นสมาชิก MI9 จริง การรวบรวมวัตถุดิบหลักในเส้นทางผู้ตัดสินก็ไม่ใช่เรื่องแปลก กองทัพพยายามควบคุมจำนวนผู้ตัดสินอย่างเข้มงวดมาตลอด และเรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหา…
ในฐานะนักล่าค่าหัวมืออาชีพ ซิลมักไตร่ตรองความสมเหตุสมผลของภารกิจอยู่เสมอ
หลังจากจัดระเบียบความคิดสักพัก เธอพยักหน้าและกล่าวเสียงเรียบ
“ตกลง ฉันจะทำ”
“ต้องอย่างนั้น” โทนเสียงของชายสวมหน้ากากผ่อนคลายลงเล็กน้อย สายตาชำเลืองรอบตัวก่อนจะเล่าต่อ “วัตถุดิบหลักโอสถนักสอบสวนประกอบด้วย เขาของอสรพิษดำสายฟ้า และละอองของพรายทะเลสาป”
หลังจากกล่าวจบ ชายลึกลับเริ่มกลมกลืนไปกับเงามืดด้านหลังทีละนิด จนกระทั่งไม่หลงเหลือกลิ่นอายหรือตัวตนอีกต่อไป
“เขายอมบอกวัตถุดิบหลักของโอสถนักสอบสวนกับเราง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ…”
ซิลกำลังตะลึง
สิ่งนี้ทำให้เธอก็มั่นใจหนึ่งเรื่อง องค์กรเบื้องหลังชายสวมหน้ากาก จะต้องให้ความสำคัญกับภารกิจในคราวนี้มากแน่นอน
พวกเขากำลังหมายหัวใครอยู่? และถ้าเราจับใจความไม่ผิด ฝ่ายนั้นกำลังเน้นไปยังวัตถุโอสถชนิดพิเศษ ซึ่งสามารถทดแทนวัตถุดิบหลักโอสถตามปรกติได้…
คิดมาถึงจุดนี้ ซิลพลันเย็นสันหลังวาบ
เธอหวนนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ขณะกำลังเตรียมเลื่อนลำดับเป็นเจ้าพนักงาน เพื่อนสนิทของตน ฟอร์ส ได้มอบของขวัญเป็นวัตถุดิบโอสถชนิดพิเศษ โดยระบุว่าซื้อมาจากชุมนุมลับ เป็นวัตถุดิบประเภทนำไปปรุงเป็นโอสถได้ทันที!
หรือว่า… นี่คือเป้าหมายของพวกเขา?
ซิลตัดสินใจปิดตายเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดกาล ไม่คิดแพร่งพรายสิ่งใดออกไปโดยเด็ดขาด
หญิงสาวใช้ขวามือลูบแก้มยุ้ย สองขาขยับเดินไปยังถนนด้านนอกตรอกเปลี่ยว เตรียมโดยสารรถม้ากลับบ้านเช่าในเขตเชอร์วู้ด
ทันใดนั้น รถม้าสีน้ำตาลคันใหญ่วิ่งผ่านหน้าซิลกะทันหัน เธอรีบเหลือบมองตราประจำตระกูลด้านข้างรถตามสัญชาตญาณ
ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วยภาพของดอกไม้และแหวนสองวง ไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่ซิลกลับยืนจ้องเช่นนั้นด้วยสายตาเหม่อลอยเป็นเวลานาน ราวกับถูกแช่แข็งกะทันหัน
จนกระทั่งรถม้าลับสายตา หญิงสาวเบือนหน้ากลับมาด้วยอารมณ์ดำดิ่ง และไม่ดีขึ้นเลยแม้ว่าจะเดินทางกลับถึงบ้านแล้วก็ตาม
เมื่อเห็นเพื่อนสนิทกำลังหดหู่ ฟอร์สรินไวน์ใส่แก้วสองใบ มือขวาเลื่อนใบหนึ่งไปทางซิล
“เกิดอะไรขึ้น” ฟอร์สนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม มือซ้ายหยิบแก้วตัวเองขึ้นมาจิบ
ซิลจ้องแก้วไวน์แดงเป็นเวลานานโดยไม่ปริปากกล่าวคำใด บรรยากาศเงียบงันปกคลุมอยู่ราวสองนาทีเต็ม จนกระทั่งเธอยอมเล่าด้วยเสียงแหบพร่า
“ระหว่างทางกลับ ฉันบังเอิญพบคนรู้จัก”
“ใครกัน” ฟอร์สถามอย่างกระตือรือร้น
“ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด” ซิลตอบห้วน ไม่คิดอธิบายให้ยืดยาว
ฟอร์สก้มหน้าตรึกตรอง
“หัวหน้าองค์รักหลวง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ