เป็นของเส้นทางไหน?
เรามีโอกาสได้ทราบชื่อของโอสถลำดับ 0 อีกแล้ว…ในกรณีวิญญาณมารไม่ได้โกหก…
มันบอกว่า เจ้าของไพ่นักบวชสีชาดคนก่อนถูกแรงดึงดูดบางอย่าง นำพาให้เข้ามาในอาคารใต้ดินจนถึงแก่ความตาย…นี่คงเป็นกฎการดึงดูดระหว่างพลังพิเศษในเส้นทางเดียวกันใช่ไหม? ไม่สิ จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อผู้วิเศษกลายเป็นลำดับสูง หากถือไพ่เย้ยเทพเส้นทางเดียวกันไว้ในมือ จะสามารถสัมผัสถึง ‘วัตถุดิบ’ สำหรับโอสถถัดไปได้อย่างเลือนราง…หรือในอีกความหมายหนึ่ง ภายในห้องนั้น ห้องซึ่งวิญญาณมารถูกผนึกไว้ มีตะกอนพลังลำดับสูงของเส้นทางเดียวกับนักบวชสีชาดอยู่…บางที อาจเป็นตะกอนพลังจากศพวิญญาณมารเอง…
…ไม่ผิดแน่ การ ‘หยั่งรู้’ ถึงตะกอนพลังต้องเป็นผลจากความช่วยเหลือของไพ่เย้ยเทพแน่นอน โดยอาศัยหลักการของกฎการดึงดูดระหว่างพลังพิเศษในเส้นทางเดียวกัน…
ภายในไม่กี่วินาที ไคลน์ครุ่นคิดหลายประเด็นในสมอง จึงค่อยหันไปมองชารอนเพื่อสำรวจว่าเธอมีท่าทีตอบสนองเป็นเช่นไร ทราบเกี่ยวกับไพ่เย้ยเทพและลำดับ 0 หรือไม่
อย่างไรก็ตาม สีหน้าชารอนมิได้แปรเปลี่ยน ใบหน้าขาวซีดกึ่งโปร่งใสยังคงเรียบเฉย ประหนึ่งว่าเมื่อครู่ วิญญาณมารเพียงฉายภาพไพ่ทาโรต์แสนธรรมดาให้ดู
แต่เราคงคาดเดาอะไรไม่ได้… ในกรณีของคนปรกติ เมื่อได้ยินเกี่ยวกับลำดับ 0 เป็นครั้งแรก คงผุดคำว่า ‘คืออะไร’ อยู่ในหัวแน่นอน จะไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าหรือแววตา… ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เส้นทางผู้ชม เราคงไม่มีวันตีความการตอบสนองของชารอนออก…
ไคลน์ถอนหายใจ
เมื่อเห็นทั้งคู่เงียบพร้อมกัน วิญญาณมารจ้องไคลน์สักพัก ก่อนจะสลายภาพฉายของไพ่นักบวชสีชาดไป
มันกลับไปมองชารอนด้วยดวงตาแดงก่ำ จากนั้นก็หัวเราะและกล่าวเสียงแหบพร่า
“หรือถ้าเจ้าไม่ต้องการเป็นครึ่งเทพของเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์ ข้ายังมีสูตรโอสถลำดับ 4 ของเส้นทางนรกให้เลือก เมื่อนำแรงกระหายท่วมท้นไปรวมกับจิตฆ่าฟันอันรุนแรงยากควบคุม นับว่าสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์แบบเลยไม่ใช่หรือ”
ชารอนเพิกเฉยการโน้มน้าวของวิญญาณมาร เพียงหันมาจ้องไคลน์ รอให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายมอบคำตอบ
จากคำพูดของวิญญาณมารเมื่อครู่ เราพอจะเดาได้ว่า เส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์และเส้นทางนรกสามารถสับเปลี่ยนกันได้ในลำดับสูง… เข้าใจแล้วว่าทำไม โรงเรียนกุหลาบและนิกายบูชาโลหิตถึงได้มีการแสดงออกทางภายนอกคล้ายคลึงกันนัก…
หลังจากก้มหน้าตรึกตรองสองวินาที ไคลน์หันไปจ้องราฟเตอร์·พาวน์ชุ่มเลือด
“แล้วจะปลดผนึกแกได้ยังไง”
วิญญาณมารหัวเราะ
“ไม่ซับซ้อน จงตามหาทายาทสายเลือดแท้ของตระกูลเซารอน ไอน์ฮอร์น และเมดีซี จากนั้นก็นำเลือดของพวกมันตระกูลละสิบมิลลิลิตร เกินได้เล็กน้อย แต่ห้ามขาด ผสมเข้ากับน้ำมนต์และราดลงบนพื้นในห้องของข้า เมื่อจัดการเสร็จ ผนึกก็จะคลาย”
นี่มันไม่ง่ายและประหลาดไปหน่อยหรือ… ฟังดูไม่สมเหตุสมผล ถึงจะเป็นในแง่ของศาสตร์เร้นลับก็ตาม… ทำไมต้องเป็นทายาทสายเลือดแท้ของตระกูลเซารอน ไอน์ฮอร์น และเมดีซี? ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลสุดท้ายมาก่อน เซารอนคือราชวงศ์อินทิส และไอน์ฮอร์นคือราชวงศ์จักรวรรดิฟุซัค ทั้งสองเคยเป็นตระกูลเทวทูตจากยุคสมัย 4 คอยรับใช้ราชวงศ์ทรันซอสต์ รวมถึงยังเป็นผู้ชนะสุดท้ายของสงครามแห่งยุคสมัย 4 แต่ราชวงศ์กาสตีญ่ากับออกัสตัสก็เป็นผู้ชนะเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
จริงสิ… เซารอนกับไอน์ฮอร์นยังจุดเชื่อมโยงกันอีกหนึ่งข้อ พวกมันต่างก็ครอบครองเส้นทาง ‘นักล่า’ เหมือนกัน!
เป็นเหตุผลให้ถูกเลือกสินะ… หรือว่า…! เส้นทางนักล่าก็คือเส้นทางนักบวชสีชาด?
ขณะลองคาดเดา ไคลน์ไม่ปกปิดสีหน้าเคลือบแคลง
“ฉันรู้จักเซารอนกับไอน์ฮอร์น แต่ไม่เคยได้ยินชื่อเมดีซีมาก่อน”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น พวกมันชื่นชอบการซ่อนตัวในเงามืด เป็นตระกูลเทวทูตเสื่อมทราม แอบก่อตั้งองค์กรลับและคอยบงการโลกอยู่เบื้องหลัง” วิญญาณมารใช้น้ำเสียงเหยียดหยัน “องค์กรดังกล่าวมีชื่อว่า…
“กุหลาบไถ่บาป”
ทำไมเราถึงได้คุ้นหูนัก…
นึกออกแล้ว เดอะซันน้อยเคยเล่าว่า ภายในซากวิหารของพระผู้สร้างแท้จริงซึ่งทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์เพิ่งค้นพบเป็นแห่งล่าสุด ตรงมุมจิตรกรรมฝาผนังด้านในมีข้อความ ‘กุหลาบไถ่บาป’ เขียนไว้ ในตอนแรกถูกสันนิษฐานกันว่าเป็นชื่อของเมือง หรือไม่ก็ชื่อจิตรกร… แต่ความจริงแล้วเป็นชื่อขององค์กรลับซึ่งก่อตั้งโดยตระกูลเทวทูตเสื่อมทรามเองหรือ…
พวกมันเชื่อในพระผู้สร้างแท้จริง? มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับชุมนุมแสงเหนือ?
หลังจากครุ่นคิดสักพัก ไคลน์ตัดสินใจถาม
“เกี่ยวกับพระผู้สร้างแท้จริง?”
วิญญาณมารพลันเงียบงัน ก่อนจะซักถามเสียงต่ำ
“เจ้ารู้จักกุหลาบไถ่บาป?”
“เคยบังเอิญได้ยินชื่อ” ไคลน์เล่าความจริง
หลังจากครุ่นคิดสักพัก วิญญาณมารกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
“คาดไม่ถึงเลยว่า เจ้าจะซ่อนความลับไว้มากขนาดนี้”
เลิกพูดเรื่องนี้สักทีได้ไหม…
ขณะพยายามยับยั้งตัวเองไม่ให้หันไปมองชารอน ไคลน์จำเป็นต้องปั้นหน้าเคร่งขรึม
วิญญาณมารมองสลับระหว่างชายหญิงพลางหัวเราะ
“กุหลายไถ่บาปเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับเหตุการณ์กำเนิดพระผู้สร้างแท้จริง พวกเจ้าต้องคาดไม่ถึงแน่ว่าเคยมีคนใหญ่คนโตบางส่วนเป็นสมาชิกองค์กร แต่ตอนนี้พวกมันถอนตัวออกมานานแล้ว หากไล่ตามเบาะแสของพระผู้สร้างแท้จริงไปเรื่อยๆ สักวันเจ้าต้องได้พบกับกุหลาบไถ่บาปแน่นอน”
ฟังดูคล้ายสภานักสิทธิ์แห่งสนธยา แต่เป็นเหรียญคนละด้านกัน… ไคลน์คาดเดา
เมื่อเห็นว่าวิญญาณมารไม่เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ชายหนุ่มอมยิ้มแฝงเลศนัย
“แกคิดว่าพลังอย่างพวกเราจะทำเรื่องใหญ่ขนาดนั้นสำเร็จจริงหรือ?”
วิญญาณมารเงียบงันราวสามวินาที
“หรือบางที พวกเจ้าอาจลองเสี่ยงโชคในหมู่บ้านบินซีดูก็ได้”
“หมู่บ้านบินซี? อยู่แถวไหน?”
แต่ไม่ว่าไคลน์จะยิงคำถามสักเท่าไร วิญญาณมารก็ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลมากกว่านี้
เมื่อไม่เห็นความคืบหน้า ชายหนุ่มตัดสินใจเปลี่ยนคำถาม
“ท่ามกลางยุคสมัยที่สี่ จักรพรรดิมืด จักรพรรดิโลหิต และจักรพรรดิรัตติกาลต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งลำดับ 0 ใช่ไหม?”
หลังจากได้ยินคำถาม วิญญาณมารออกอาการชะงักชัดเจน ก่อนจะยอมมอบคำตอบด้วยรอยยิ้ม
“ตอนแรกเคยเป็นเช่นนั้น แต่ทุกสิ่งเปลี่ยนไปหลังจากอลิสต้า·ทูดอร์กลายเป็นบ้า”
มันถามเมื่อความแน่ใจ
วิญญาณมารพยักหน้ารับ
“อลิสต้า·ทูดอร์? หมายถึงจักรพรรดิโลหิต? “ถูกต้อง โลกเคยมีจักรพรรดิโลหิตเพียงผู้เดียวเท่านั้น และชื่อของมันคือ ไอ้คนวิปลาส อลิสต้า·ทูดอร์ หึหึ…ทายาทของพวกทูดอร์ล้วนสืบทอดความบ้าคลั่งและนิสัยระยำต่ำช้าของมันมาด้วย ทั้งเจ้าเล่ห์ ขี้ระแวง คดโกง และระมัดระวัง แต่ในบางสถานการณ์กลับโง่เขลาจนน่าทึ่งได้เช่นกัน” วิญญาณมารใช้นิ้วชี้หน้าราฟเตอร์·พาวน์พลางเล่าต่อ “เจ้านี่คือตัวอย่าง แต่เมื่อครู่คงได้รับบทเรียนไปแล้ว หลังจากนี้คงทำตัวสงบเสงี่ยมไปอีกพักใหญ่…ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ้านี่เป็นทายาททูดอร์คนสุดท้ายจริงหรือไม่ เพราะงั้นอย่าเพิ่งฆ่ามันทิ้งเสีย ยังมีสมบัติมูลค่ามหาศาลของอลิสต้าอีกหลายชิ้น ทั้งหมดจำเป็นต้องใช้โลหิตของทายาททูดอร์สายเลือดแท้ในการเข้าถึง”
วิญญาณมารเว้นวรรค พลางยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ