แต่ตอนนี้ ลอร์ดนีบาส…ไม่สิ ท่านบรรพชนกลับให้เรา…สิ่งนี้คือความประสงค์ของท่านจริงหรือ?
เอ็มลินยากจะทำใจเชื่อลง มันกล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม
“ภารกิจนี้อันตรายอย่างมาก…มากจริงๆ ขอรับ…”
เสียงของนีบาส·โอดราดังเล็ดลอดมาจากโลงศพเหล็กดำ
“ถูกต้อง การทำเช่นนั้นจะอันตรายอย่างมากในกรณีปรกติ แต่ใช่ว่าตัวตนลึกลับจะมีเจตนาชั่วร้ายไปเสียหมด บางรายเพียงปรารถนาการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม ยกตัวอย่างเช่น บรรดาเจ็ดแสงพิสุทธิ์แห่งโลกวิญญาณ ในเมื่อท่านบรรพชนมอบวิวรณ์มาให้ข้าเช่นนี้ หมายความว่าอันตรายจากเดอะฟูลคงไม่มากมายนัก หรืออาจไม่มีเลย และไม่ต้องกังวล ขณะเจ้าประกอบพิธีกรรม ข้าจะคอยปกป้องเคียงข้าง เจ้าไม่ต้องการขจัดการชี้นำทางใจหรืออย่างไร? รึว่ากลายเป็นสาวกของพระแม่ธรณีเต็มตัวไปแล้ว จึงลืมว่าเคยศรัทธาดวงจันทร์”
“ข้าเปล่า!” เอ็มลินปฏิเสธขึงขัง
ความเงียบงันครอบงำห้องโถงสักพัก จนกระทั่งแวมไพร์หนุ่มกัดฟันกรอด
“ข้อขอเวลาคิดก่อน”
“ไม่มีปัญหา ข้าเชื่อว่าเจ้าจะตัดสินใจได้เหมาะสมกับฐานะของผีดูดเลือดอันสูงส่ง” เสียงของนีบาสภายในโลงศพเริ่มแผ่วลงเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวล
หลังจากคาซีมี·โอดราส่งเอ็มลินกลับไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ มันย้อนกลับมายังห้องโถงสีเทาอีกและซักถามด้วยสีหน้าสับสน
“ท่านปู่ เหตุใดวิวรณ์ของท่านบรรพชนถึงระบุว่าเอ็มลิน·ไวท์เป็นกุญแจสำคัญ? เขาเป็นแค่แวมไพร์หนุ่มอ่อนแอ เพิ่งจะโตเต็มวัยเมื่อไม่นานมานี้”
เสียงของนีบาส·โอดราดังลอดผ่านฝาโลงศพหนา อากาศรอบตัวสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“เปล่าเลย วิวรณ์ของท่านบรรพชนมิได้กล่าวถึงเอ็มลิน·ไวท์แม้แต่คำเดียว ท่านบรรพชนเพียงเผยนิมิตของรุ่นอรุณวันเกิดมหันตภัย การเสื่อมสลายของดวงจันทร์ และเอ่ยถึงเดอะฟูลกับนามเต็มของเขา ในนิมิตวิวรณ์ไม่มีผีดูดเลือดปรากฏตัวแม้แต่ตนเดียว ข้าตัดสินใจกุเรื่องกุญแจสำคัญเพื่อให้เอ็มลินยอมทำภารกิจ อย่างไรก็ตาม หากเขายอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อรักษาอนาคตของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด บางที เอ็มลินอาจเป็นกุญแจสำคัญตัวจริงในพระวิวรณ์ก็ได้”
คาซีมี·โอดราพลันกระจ่าง แต่ก็เกิดคำถามตามมาในทันที
“แล้วทำไมท่านถึงเลือกเอ็มลิน·ไวท์? เขามีอะไรพิเศษกว่าคนอื่น?”
นีบาส·โอดราหัวเราะ
“ก็เขาเอาแต่รำพันเรื่องการวิงวอนหาเดอะฟูลมาตลอดไม่ใช่หรือ? และเป็นเพราะพวกเราตระกูลผีดูดเลือดไม่ยอมช่วยเหลือ โดยอ้างเหตุผลว่าไม่ต้องการขัดแย้งกับบิชอปยูทรอฟสกี้ เขาจึงพยายามมองหาความช่วยเหลือจากภายนอกมาตลอด ข้าเพียงเร่งให้มันเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม”
คาซีมีหมดคำจะกล่าวเป็นเวลานาน
เอ็มลิน·ไวท์กำลังยืนริมรั้วบนชั้นสองของคฤหาสน์ สายตาจ้องมองเหล่าพี่น้องผู้ไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยกับการเต้นรำ มือยกจิบ ‘ไวน์’ เป็นระยะด้วยสีหน้าวิตกกังวล
จนถึงวันนี้ เรายังไม่เคยได้ยินว่ามีใครตกเป็นเหยื่อของเดอะฟูล…บางที อาจเป็นไปตามคำกล่าวของท่านลอร์ดนีบาส เดอะฟูลเป็นตัวตนลึกลับและเจตนาดีเหมือนกับเจ็ดแสงพิสุทธิ์…
เดี๋ยวก่อน แล้วเจ็ดแสงพิสุทธิ์เป็นใคร? ทำไมเราถึงไม่รู้จัก? เป็นเทพนอกรีตฝ่ายดี? แล้วทำไมถึงลอร์ดนีบาสถึงไม่ให้เราวิงวอนต่อเจ็ดแสงพิสุทธิ์แทน? ช่างเถอะ เดอะฟูลคงไม่สร้างอันตรายมากนักหามีลอร์ดนีบาสคอยคุ้มครองอย่างใกล้ชิด…นี่คือโอกาสสำคัญในการขจัดการชี้นำทางใจจากหลวงพ่อ…
เอ็มลินปลอบใจตัวเองด้วยสีหน้าคาดหวัง
…
เข้าวันจันทร์ ถนนเชอร์วู้ด อาคารหมายเลข 15 ถนนมินส์
ไคลน์กำลังนั่งยองข้างชักโครก พลางใช้แปรงในมือขัดทำความสะอาดคราบไม่พึงประสงค์ออก
จากแผนการเดิมของชายหนุ่ม หลังจาก ‘ทำตัวงานยุ่ง’ ตลอดวันเสาร์และอาทิตย์ มันเตรียมหยุดพักในวันจันทร์ จึงค่อยเดินทางไปรายงานความคืบหน้ากับองค์ชายเอ็ดซัคเป็นครั้งสุดท้ายในวันอังคาร แต่ขณะกำลังว่าง มันพบว่าบ้านของตนค่อนข้างสกปรก
ชายหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ความสะอาดของบ้านหลัง 15 ตลอดหลายเดือนก่อน ล้วนเกิดจากฝีมือของสาวใช้บ้านข้างๆ ทั้งสิ้น
และเมื่อครอบครัวซาเมอร์เดินทางไปพักร้อนยังอ่าวเดซี พวกเขาย่อมพาคนใช้ไปด้วยส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งแยกย้ายกลับบ้านตามชนบทหลังจากได้รับโบนัสประจำปี ส่งผลให้ไม่มีใครคอยทำความสะอาดบ้านหมายเลข 15 ไปอีกพักใหญ่
แผนของไคลน์คือ เตรียมพักผ่อนวันจันทร์กับอังคารก่อนจะ ‘ลาหยุดยาว’ ไปพักร้อนทางใต้ โดยระหว่างสองวันดังกล่าว มันจะไม่แวะไปเสพสุขในสโมสรครักซ์ เนื่องจากกังวลว่าองค์ชายเอ็ดซัคจะไม่พอใจ ทางเลือกเดียวจึงเป็นการอยู่บ้าน แต่เมื่อพบสิ่งระคายเคืองสายตา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจจัดการให้เรียบร้อยก่อนหยุดยาวหลายวัน
ไคลน์ขัดโถส้วม ล้างอ่างน้ำ เช็ดกระจก ถูพื้นทั่วบ้าน เช็ดข้าวของเครื่องใช้ และซักผ้าให้เรียบร้อย มันใช้เวลาทำเรื่องดังกล่าวตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงเก้าโมงตรง และผลลัพธ์ค่อนข้างน่าพึงพอใจ
แน่นอน ไคลน์เพียงทำความสะอาดอย่างหยาบ มิได้ลงลึกรายละเอียดเหมือนกับแม่บ้านมืออาชีพ
ในบางครั้ง การเช่าบ้านหลังใหญ่เกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก…ชายหนุ่มมือและเช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนู
มันเดินออกจากห้องน้ำพลางชำเลืองไปทางห้องรับแขกและห้องครัวอันสะอาดสะอ้าน จากนั้นก็หันไปทางมุขหน้าต่าง จ้องมองแสงอาทิตย์ลอดผ่านกลุ่มเมฆลงมากระทบกับผนังบ้านจนเกิดจุดสว่างสีทอง ฉากตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มเกิดความพึงพอใจเหนือพรรณนา
ถึงเวลามอบรางวัลให้ตัวเองด้วยอาหารกลางวันหรูสักมื้อ แวะไปภัตตาคารสักแห่งก็แล้วกัน…ไคลน์เดินกลับห้องนอนบนชั้นสองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากกลับลงมาและนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อฆ่าเวลาให้ถึงช่วงกลางวัน เสียงกริ่งบ้านพลันก้องกังวานเต็มสองรูหู
“ใกล้จะปีใหม่แล้ว ยังมีใครต้องการจ้างนักสืบอยู่อีกหรือ?” ไคลน์ลุกยืนและเดินไปทางประตู สมองกำลังคิดถ้อยคำปฏิเสธ
แม้ว่ามันจะเหลือเงินติดตัวเพียงสามสิบสี่ปอนด์ แต่เพื่อเอาชีวิตรอดจากความขัดแย้งภายในราชวงศ์ ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจาก ‘ลาพักร้อน’ ยาวหลายสัปดาห์ จึงไม่สามารถรับงานใดเพิ่มได้อีก
แต่ชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจ เพราะผู้มาเยือนในคราวนี้มิใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นพ่อบ้านชราขององค์ชายเอ็ดซัค
พ่อบ้านสวมทักซิโดพอดีตัว กล่าวคำทักทายชายหนุ่มโดยไม่สูญเสียมาดสง่างาม
“นักสืบโมเรียตี้ องค์ชายกำลังรอให้คุณไปพบในรถม้าซึ่งกำลังจอด ณ สุดเส้นถนน พระองค์ต้องการทราบความคืบหน้าของคดี”
รีบร้อนขนาดนั้นเลยหรือ…แต่ก็ไม่เลวเหมือนกัน เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังคฤหาสน์กุหลาบแดงในวันพรุ่งนี้…
ไคลน์เรียบเรียง ‘รายงาน’ ของคดีซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนจะตอบกลับพ่อบ้านอย่างสุขุม
“ตกลงครับ”
ทันใดนั้น ขณะมันเตรียมหยิบหมวกลงจากราวแขวนผ้า ท้องไส้พลันปั่นป่วนกะทันหัน ถึงขั้นเกิดความอยากเดินเข้าไปปลดปล่อยในห้องน้ำประเดี๋ยวนี้
หลังจากมันลองยืนทนดูสักพัก ชายหนุ่มเริ่มมั่นใจว่าตนคงมิอาจอดกลั้นไว้ได้ จึงกล่าวกับพ่อบ้านชราด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ต้องขออภัยด้วยครับ แต่ผมจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำก่อน ท้องไส้ของผมไม่ไหวแล้ว”
สีหน้าของพ่อบ้านชรายังคงเรียบเฉย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ