ณ วิหารฤดูเก็บเกี่ยวย่านทิศใต้ของสะพาน
เอ็มลิน·ไวท์กำลังยืนในห้องครัว สวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำตาลของนักบวช
มันโยนสมุนไพรหลากชนิดลงในหม้อต้มใบใหญ่พลางใช้ทัพพีไม้คนกวนเป็นระยะ
หลังดำเนินทุกขั้นตอนเสร็จ แวมไพร์หนุ่มยืนรออย่างใจเย็นจนกระทั่งครบสิบนาทีเต็ม จึงค่อยใช้กระบวยเหล็กตักของเหลวคล้ายหมึกดำออกมาใส่แก้วและขวดแก้วบนถาดด้านข้างลำตัว
สี่สิบแปด สี่สิบเก้า ห้าสิบ…
เอ็มลินชำเลืองหม้อเปล่าพลางนับจำนวนยาวิเศษซึ่งมันเพิ่งปรุงเสร็จ
เมื่อยืนยันปริมาณจนแน่ใจ แวมไพร์หนุ่มยกถาดโลหะแผ่นใหญ่เดินถือเข้าไปในห้องโถง บนถาดมีขวดแก้วบรรจุของเหลวสีดำวางเรียงรายเบียดเสียด
ภายในโถงสวดมนต์ ม้านั่งเกินกว่าครึ่งถูกนำออก บนพื้นเต็มไปด้วยผ้าปูรองนอนสภาพเก่าโทรม บนผืนผ้ามีเหยื่อของโรคระบาดกำลังนอนอย่างแออัด บ้างหลับลึก บ้างครวญครางอย่างเจ็บปวด
เอ็มลินและหลวงพ่อยูทรอฟสกี้กำลังร่วมมือร่วมใจอย่างสามัคคี แยกกันไปแจกจ่ายยาวิเศษปรุงสดใหม่จากปลายแถวทั้งสองฝั่ง
บุคคลแรกในลำดับแถวเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าซีดเซียว มันรีบพยุงตัวนั่งอย่างยากลำบาก จากนั้นจึงรับยาและกระดกดื่มทันที
ชายคนเดิมคืนขวดเปล่ากลับมาและกล่าวกับเอ็มลินอย่างสำนึกในบุญคุณ
“หลวงพ่อไวท์ ขอบคุณมากครับ! ร่างกายของผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่างชัดเจน สัมผัสได้ถึงกำลังวังชาและเรี่ยวแรง”
เอ็มลินเชิดปลายคางพอเป็นพิธีพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงกึ่งเย้ยหยัน
“แค่นี้เรื่องเล็กน้อย ไม่คู่ควรกับคำชมเชยเลยสักนิด พวกคุณก็ทำได้ด้วยตัวเอง แค่ยังขาดโอกาสและความรู้”
พูดจบ เอ็มลินเร่งมือแจกจ่ายยาคนอื่น ๆ
ผ่านไปสิบนาทีหรือราว ๆ นั้น มันเดินกลับมายังแท่นบูชาของพระแม่ธรณีและบ่นกับหลวงพ่อยูทรอฟสกี้อย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไมท่านถึงไม่หาอาสาสมัครมาช่วยทำงานอีกสักสองสามคน!”
หลวงพ่อยูทรอฟสกี้ไม่ตอบโต้ เพียงมองไปทางกลุ่มคนไข้และกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“พวกเขาจะหายเป็นปรกติในอีกสามวัน”
“ท่านทราบได้ยังไง” เอ็มลินประหลาดใจ
บิชอปยูทรอฟสกี้ก้มมองใบหน้าเอ็มลินด้วยสายตากรุณา
“ยาสมุนไพรคือหนึ่งในขอบเขตของพระแม่ธรณี ด้วยฐานะสาวกของพระองค์ ผมย่อมมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับลักษณะพิเศษของพลัง ถึงแม้จะไม่ได้อยู่บนเส้นทางธรณีก็ตาม”
เอ็มลินส่ายหน้า
“ข้าไม่เคยสนใจคำสอนศาสนา”
การคัดลอกพระคัมภีร์ตลอดหนึ่งเดือนเต็มนั้นไม่นับ! เพราะเราถูกสั่งให้ทำ!
เอ็มลินเสริมในใจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
ก่อนจะกล่าวต่อไป
“หลวงพ่อ ข้าไม่คิดมาก่อนว่าท่านจะรับคนไข้จากศาสนาอื่นมารักษา จากบรรดาผู้ป่วยมากมายของเรา กลับมีสาวกพระแม่ธรณีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น”
ยูทรอฟสกี้เพียงยิ้ม ไม่ถือสา
“ทุกคนคือหนึ่งชีวิตเท่าเทียม เป็นชีวิตอันบริสุทธิ์”
เอ็มลินชะงักงัน ก่อนจะถอนหายใจยาว
“หลวงพ่อ ข้าพบวิธีรักษาการชี้นำทางใจของท่านแล้ว อีกไม่นานคงต้องอำลาวิหารแห่งนี้เป็นการถาวร”
เดี๋ยวสิ… แล้วเราไปบอกเขาทำไม…
รู้สึกผูกพัน? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาตัดสินใจชกเราสักหมัดและจับกลับไปขังไว้ในห้องใต้ดินเหมือนเดิม?
เอ็มลินเริ่มลนลาน
สีหน้าหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ยังคงอ่อนโยน ดวงตาก้มมองเอ็มลินและเริ่มอธิบาย
“ด้วยความสัตย์จริง คุณไม่จำเป็นต้องหาวิธีรักษาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะอีกไม่นาน การชี้นำทางใจของผมจะสลายไปเอง คุณจะได้รับอิสระกลับคืนมาและมีสิทธิ์เลือกว่าจะแวะเข้ามายังวิหารแห่งนี้หรือไม่”
“ถ้าถูกชี้นำนานกว่านี้อีกสักนิด ข้าคงได้กลายเป็นสาวกของท่านแม่… พ…พระแม่ธรณีกันพอดี!”
เอ็มลินแผดเสียงโต้แย้ง
ยูทรอฟสกี้เลิกคิ้วเล็กน้อย สีหน้าคล้ายกับกำลังประหลาดใจ
“ผมไม่เคยโน้มน้าวให้คุณเปลี่ยนศาสนา การชี้นำทางใจของผมจะทำให้คุณรู้สึกต้องการแวะเข้ามายังวิหารแห่งนี้ในทุก ๆ วัน ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น ผมหวังเพียงให้คุณได้ซาบซึ้งกับคุณค่าของชีวิต ลิ้มรสความสุขอันแท้จริงทุกลมหายใจ”
“ก…การชี้นำทางใจ… มีผลแค่โน้มน้าวให้ข้าแวะมายังวิหารทุกวัน?” เอ็มลินอ้าปากค้าง
ยูทรอฟสกี้พยักหน้ารับหนักแน่น
“ถูกต้อง”
“…”
ริมฝีปากแวมไพร์หนุ่มพลันสั่นระริก
มันหันไปมองแท่นบูชา หันไปมองตราศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตของพระแม่ธรณีโดยไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน ประหนึ่งถูกสาปให้กลายเป็นหุ่นกระบอกใบ้
…
31 ธันวาคม ช่วงเย็น
เมืองทิงเก็น
ณ อาคารหมายเลข 2 ถนนดารารัตน์
เบ็นสันเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถอดหมวกและเสื้อโค้ทแขวน ตามด้วยการหัวเราะ
“ฉันจองบัตรโดยสารรถจักรไอน้ำชั้นสองไปยังกรุงเบ็คลันด์เรียบร้อยแล้ว เที่ยวเดินทาง 3 มกราคม”
เมลิสซ่า ผู้กำลังนั่งในห้องกินข้าวพลางถือหนังสือพิมพ์ในมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความกังวล
“เบ็นสัน อากาศในเบ็คลันด์กำลังแย่มาก ผู้คนนับหมื่นเสียชีวิตเพราะพิษของหมอกและโรคระบาดเมื่อไม่กี่วันก่อน…”
“ถูกต้อง นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่”
เบ็นสันเดินเข้ามาในห้องอาคาร ถอนหายใจยาวและเล่าต่อ
“แต่สองสภาต่างเห็นพ้องและยอมรับรายงานของคณะกรรมการมลพิษทางอากาศแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยควันพิษและน้ำเสียจะถูกผลักดันให้เสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่นาน หมายความว่า กรุงเบ็คลันด์โฉมใหม่จะเป็นมิตรกับพวกเรา เธออย่าได้กังวลไป”
เมื่อกล่าวจบ มันยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ขากลับจากถนนกางเขนเหล็ก ฉันเห็นเจ้าของโรงงานในเบ็คลันด์ หรือไม่ก็ตัวแทน กำลังประกาศรับสมัครคนงานจำนวนมาก พวกเขาเล่าว่า ควันพิษและโรคระบาดทำให้โรงงานหลายแห่งขาดแคลนแรงงาน จึงต้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและลดชั่วโมงทำงานลง มาตรฐานใหม่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจ ฮะฮะ!”
“แล้วนายคิดว่าพวกเขาทำได้จริง?”
“คงยาก เพราะหากผู้คนทั่วทั้งอาณาจักรพร้อมใจกันเข้าไปทำงานในกรุงเบ็คลันด์ สถานการณ์ก็จะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน คนงานถูกกดค่าแรงและบังคับให้ล่วงเวลา …นอกเสียจากรัฐบาลจะออกร่างกฎหมายฉบับใหม่มาบังคับใช้อย่างเป็นกิจจะลักษณะ”
เบ็นสันผายมือไปทางโต๊ะอาหาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ