ชายหนุ่มใช้นิ้วดันโม่ออก และสะบัดข้อมือเพื่อเทปลอกกระสุนเปล่าสีทองอ่อน สีเงินแกมขาว และสีทองเหลืองให้ร่วงกราวลงบนพื้นจนเกิดเสียงกรุ๊งกริ๊ง
จากนั้น มันนำตัวช่วยบรรจุกระสุนออกมาเสียบแทนอย่างใจเย็น ชุดกระสุนทุกนัดยังคงถูกเรียงด้วยอัตราส่วนเท่าเดิม
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จ ไคลน์เก็บปืนเข้าซองรักแร้ และก้มลงหยิบตะกอนพลังของบิชอปมิลเลอร์ เก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ชายหนุ่มหยิบไม้ค้ำชุ่มเลือดและมองสำรวจไปรอบตัวอีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินไปทางคลีฟส์และดึง ‘กระดาษคน’ ออกมาสะบัดข้อมือในลักษณะคล้ายแส้
พรึ่บ!
กระดาษเริ่มไหม้ไฟจากส่วนปลาย ลุกลามไปจนทั่วแผ่นพร้อมกับปลิวหล่นลงจากฝ่ามือไคลน์อย่างอ่อนโยน พวกมันกลายเป็นละอองเถ้าถ่านและไม่หลงเหลือสิ่งใดทิ้งไว้
“เท่มาก…!” ขณะจ้องมอง แดนตันลืมอาการเจ็บปวดของตัวเองชั่วขณะ
เหมือนกับคุณลุงสแปร์โรว์กำลังจุดพลุดอกไม้ไฟอยู่เลย…! ดอนน่าผงกศีรษะเห็นด้วยกับคำพูดของน้องชาย
หลังจากใช้เทคนิค ‘กระดาษคน’ เพื่อรบกวนการถูกทำนายถึง และลบเบาะแสซึ่งยังตกค้างในจุดเกิดเหตุทิ้ง ไคลน์มองไปยังสุดทางของถนนและกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็นเจือความรอบคอบ
“รีบออกจากจุดนี้”
เมื่อสิ้นเสียง ชายหนุ่มเดินไปหยิบเข็มกลัดสุริยันกับนกหวีดทองแดงอะซิกจากมือของไอร์แลนด์และเดนิสตามลำดับ
เออร์ดี้กับอีกหลายคน ไม่มีใครกล้าปริปากในสิ่งไร้สาระ หรือไม่มีใครกล้าส่งเสียงสะอื้นจากอาการบาดเจ็บ ทุกคนเพียงเดินตามจ่าฝูงอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
ในการต่อสู้เมื่อครู่ พวกมันล้วนตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของผู้วิเศษ โดยเฉพาะความสามารถในการยิงไฟของเดนิสซึ่งโดดเด่นสะดุดตากว่าใคร ฉากของเปลวเพลิงสุดอลังการได้ดึงดูดให้ผู้คนเกิดความหลงใหล
ขณะเดียวกัน ทุกคนทราบดี คนธรรมดาไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่งในการต่อสู้ระดับนี้ บทบาทเดียวของพวกมันจึงเป็นการเชื่อคำสั่งและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะอยู่รอด!
ตรงข้ามกับเดนิส การต่อสู้ระหว่างไคลน์กับบิชอปมิลเลอร์มีองค์ประกอบยากสังเกตเห็นมากเกินไป ทั้งใบมีดลมเฉือนเกือบจะล่องหน ทั้งพลังของนักจิตบำบัดและพลังนักสอบสวนซึ่งอยู่ในขอบเขตของนามธรรม
ยกเว้นแสงศักดิ์สิทธิ์อันเป็นราวกับพรจากสวรรค์โดยตรง รวมถึงรูปร่างอัปลักษณ์หลังจากบิชอปมิลเลอร์เกิดคลุ้มคลั่ง
ความน่าตื่นตาตื่นใจจึงน้อยกว่าอสรพิษเพลิงและอีกาไฟของเดนิสหลายเท่า
แต่หลังจากเดินผ่านเขตสนามรบ ทุกคนพลังชะงักเมื่อได้เห็นสภาพภูมิประเทศพังพินาศยับเยินเต็มสองตา พื้นดินและต้นไม้ถูกทำลายด้วยใบมีดสายลมจนไม่เหลือเค้าเดิม บางสิ่งคมกริบได้เฉือนลึกเข้าไปในธรรมชาติจนมิอาจฟื้นฟูกลับคืนมาดังเดิม
นี่มัน…!
พวกมันทราบทันที ศึกดวลเดือดระหว่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์กับบิชอปมิลเลอร์ผู้พ่ายแพ้และเสียชีวิต ความจริงแล้วเต็มไปด้วยอันตรายเหนือพรรณนา ความเสียหายมีมากว่าตาเห็นภายนอกหลายเท่า
ความหวาดกลัวและความโล่งใจพลันเอ่อล้นความรู้สึกทุกคน พลางเร่งฝีเท้าเพื่อรีบไปให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว
ราวสามสิบวินาทีถัดมา ไคลน์หยุดยืนบนถนนติดกับสำนักงานโทรเลข และหันไปกล่าวกับไอร์แลนด์ด้วยสีหน้าเย็นชา
“จะส่งโทรเลขไหม”
จากนั้น มันเสริมความเห็นส่วนตัว
“อย่าพยายามพังประตูเข้าไป”
“ตกลง” ไอร์แลนด์ตระหนักถึงความผิดปรกติในค่ำคืนอากาศแปรปรวนได้ไม่ต่างกัน
เดินไม่กี่ก้าว มันมาถึงหน้าประตูสำนักงานโทรเลข ตามด้วยการเคาะสามหน
ตึง! ตึง! ตึง!
ท่ามกลางเสียงทื่ออื้ออึง บุคคลด้านในส่งเสียงถามกลับมา
“ใคร?”
ไคลน์ ผู้เตรียมพร้อมตลอดเวลา พลันขมวดคิ้วเมื่อพบความผิดปรกติ
เสียงพูดจากด้านในเป็นเพศชาย!
ไอร์แลนด์ก็เช่นกัน มันทำหน้างุนงง
“ผมต้องการส่งโทรเลข …แล้วคุณเป็นใคร ผมจำได้ว่าพนักงานคราวก่อนเป็นผู้หญิง”
ชายด้านในตอบเสียงเย็น
“ผมชื่อ… ฟราโว·คอร์ท… เพื่อนร่วมงานของเมลานี่ เธอ… อยู่ข้างผม… และสบายดี…”
ถ้อยคำฟราโว·คอร์ทยังไม่ทันจางลง เสียงของผู้หญิงได้ดังแทรกขึ้น
“ใช่… ฉันสบายดี พวกคุณ… ไม่ต้องช่วย… ตามหาแล้ว… ฟราโวเขา… กลับมา…”
สาวน้อย… ไหนบอกว่า ประเพณีของเมืองท่าแห่งนี้คือการไม่เปิดประตูต้อนรับเสียงเคาะในช่วงสภาพอากาศแปรปรวน…
แล้วฟราโว·คอร์ทเข้าไปได้ยังไง!
ไคลน์พยายามหักห้ามใจมิให้ซักถาม
ไอร์แลนด์เดินถอยหลังกลับมาเล็กน้อย และกระแอมในลำคอก่อนจะกล่าว
“ผมต้องการส่งโทรเลขไปยังสำนักงานใหญ่ของโบสถ์วายุสลาตัน”
“ต้องขอโทษด้วย… พวกเรา… เปิดประตูไม่ได้…” ฟราโว·คอร์ทยังคงตอบเสียงเย็น
ไอร์แลนด์สัมผัสถึงความผิดปรกติได้อย่างแจ่มแจ้ง แต่ก็ไม่กล้าใช้วิธีรุนแรง เพียงเลี่ยงไปใช้อีกหนึ่งทางเลือก
“ถ้าอย่างนั้น รบกวนพวกคุณช่วยส่งแทนผมได้ไหม ขอฉบับสำเนาด้วย เนื้อหาคือ : ความไม่ปรกติของเมืองท่าแบนชี ความตายของบิชอปมิลเลอร์และนักบวชเจสซ์ ลงชื่อ ไอร์แลนด์ ตกลง” เสียงของเมลานีเริ่มห่างออกไป คล้ายกับเธอกำลังขยับตัวไปทางเครื่องส่งโทรเลข
เกิดเสียง ‘ก่อกแก่ก’ ดังจากด้านในสักพัก ก่อนจะมีเศษกระดาษถูกสอดออกมาทางช่องว่างใต้บานประตู
ไอร์แลนด์โน้มตัวหยิบ พยายามข่มใจตัวเองมิให้มองลอดเข้าไป
ขณะยืนอ่านสำเนาโทรเลข จมูกของมันฟุดฟิดเล็กน้อย เนื่องจากได้กลิ่นเลือดโชยมาจากแผ่นกระดาษ!
ไอร์แลนด์รีบหันขวับ มองไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์และใช้สายตาบอกเป็นนัยว่า ด้านในสำนักงานโทรเลขมีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม บุคลิกของชายหนุ่มยังคงเงียบขรึมเย็นชา เพียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงขาดความแยแส
“กลับเรือ”
เมื่อปล่อยถ้อยคำดังกล่าว ไคลน์หันหลังและเดินไปยังสุดเขตถนนทันที ร่างกายเริ่มเลือนหายไปท่ามกลางสายหมอกเจือจาง
ด้วยตะเกียงในมือ เดนิสรีบกุลีกุจอเดินตามไปโดยไม่ทิ้งระยะห่าง ดอนน่าและคนอื่นรีบตามไปโดยปราศจากความลังเลเช่นกัน
ไอร์แลนด์พึมพำบางอย่างกับตัวเองสองสามวินาที ก่อนจะกำสำเนาโทรเลขแน่น และวิ่งเหยาะเดินตามไปสมทบกับกลุ่ม
หลังจากนั้น ไม่มีใครได้ยินเสียงจากสำนักงานโทรเลขอีกเลย ภายในอาคารถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัดจนผิดวิสัย
…
คงเป็นเพราะความตายของบิชอปเสื่อมทรามมิลเลอร์ ระหว่างทาง ไคลน์และคนอื่นไม่พบศพหัวขาดสวมผ้าคลุมดำอีกเลย มีเพียงศีรษะบิน เน่าเปื่อยและขึ้นรา โผล่ออกมาโจมตีแค่สองครั้งสองคราว การเดินทางจึงเป็นไปอย่างราบรื่น
นานแค่ไหนไม่มีใครทราบ คณะเดินทางได้เดินมาจนถึงเขตท่าเรือ และเริ่มมองเห็นโมราขาวอยู่ในระยะสายตา
ภาพดังกล่าวทำให้เออร์ดี้และอีกหลายคนได้รับกำลังวังชากลับคืน พวกมันเริ่มออกวิ่งเหยาะๆ จนกระทั่งเข้าใกล้บันไดเรือ
ไคลน์ถือไม้ค้ำโชกเลือด ยืนรอด้านล่างสุดเพื่อให้ทุกคนขึ้นไปจนครบ ก่อนจะกระโดดสูงตามหลังและเดินต่ออีกไม่กี่ก้าวก็ถึงดาดฟ้าเรือ
ไอร์แลนด์รีบระดมผลผู้ใต้บังคับบัญชาของตนทุกคน ประกอบด้วยต้นเรือ ต้นหน สรั่งเรือ พลปืน และอีกมาก มันออกคำสั่งเตรียมความพร้อมปืนใหญ่ทุกกระบอก และเตรียมความพร้อมเครื่องยนต์สำหรับออกเรือทุกเวลา
จริงอยู่ การออกเรือกลางดึกสงัดไม่ใช่เรื่องฉลาด สิ่งนี้มักเต็มไปด้วยอันตราย แต่หากเหตุการณ์บนเมืองท่าแบนชีทวีเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ก็คงไม่มีวิธีใดปลอดภัยไปกว่าการออกเรือเพื่อเลี่ยงอันตราย
“คุณลงสแปร์โรว์คะ…” ดอนน่าพาแดนตันเดินไปหาไคลน์ สีหน้าคล้ายกับกำลังเตรียมรัวยิงคำถามคาใจนับไม่ถ้วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ