ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 517

สรุปบท ราชันเร้นลับ 517: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ตอน ราชันเร้นลับ 517 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ราชันเร้นลับ 517 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 517 : เมืองแห่งการให้
ราชันเร้นลับ 517 : เมืองแห่งการให้
โดย
Ink Stone_Fantasy
กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด

เมื่อแสงสีแดงจางลง ฟอร์สมองเห็นโต๊ะอ่านหนังสืออันคุ้นตาและสมุดโน้ตสำหรับจดบันทึกแรงบันดาลใจใหม่ๆ

ในมุมมองหญิงสาว ประสบการณ์เมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในใจกลับมิอาจสลัดความหวาดกลัวไปได้หมดจด

นี่ไม่ใช่พลังของมนุษย์ แต่เป็นครึ่งเทพ!

“เราจะได้รับถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณในอีกสองวัน โดยโอสถ ‘ผู้ฝึกหัด’ ขวดใหม่ถูกย่อยใกล้หมดพอดี… เรากำลังจะได้เป็นนักตุกติกในอีกไม่ช้า แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าพลังใหม่มีอะไรบ้าง… สามารถเลื่อนลำดับด้วยลำแข้งของตัวเองเช่นนี้ อาจารย์จะต้องให้ความสำคัญกับเรามากขึ้นแน่นอน อาจเป็นการมอบสูตรโอสถลำดับถัดไปทันที หรืออาจได้วัตถุดิบหลักแถมมาด้วย… แต่เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลำดับ 6 และ 5 ชื่ออะไร ทราบเพียงลำดับ 7 ‘โหราจารย์’ ไว้กลายเป็นนักตุกติกสำเร็จเมื่อไร ค่อยเขียนจดหมายไปถามอาจารย์เพิ่มเกี่ยวกับเรื่องนี้…”

ฟอร์สสัมผัสได้ว่า ตนเริ่มเข้าใกล้การหลุดพ้นจากคำสาปคืนจันทร์เต็มดวงทีละนิด

ทันนั้น เธอได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบดังออกไปไกลขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งมีเสียงปิดประตูบ้านดัง ‘ปัง’

“ซิลออกไปข้างนอกอีกแล้ว… คงมีงานต้องสะสางอีกเพียบ”

ฟอร์สถอนหายใจเสียงแผ่ว

“ถ้าเธอไม่ติดหนี้ไวเคาต์กายลินอยู่สี่ร้อยปอนด์ ป่านนี้พวกเราคงได้ไปเที่ยวอ่าวเดซีย์กันแล้ว”

หลังจากมุมานะเป็นเวลานาน ความพยายามของซิลเริ่มผลิดอกออกผล งานยากๆ ในสมัยก่อนถูกปิดได้ง่ายขึ้นหลังจากซิลกลายเป็นเจ้าพนักงาน และในบางครั้ง เธอยังรับงานจิปาถะแต่ค่าตอบแทนสูงจากชายสวมหน้ากากทอง เงินออมจึงเพิ่มจากหนึ่งร้อยสิบปอนด์เป็นสามร้อยยี่สิบปอนด์ในเวลาไม่นาน เหลืออีก แปดสิบปอนด์ก็จะเพียงพอสำหรับชำระหนี้

“ในความเป็นจริง เราสามารถช่วยกลบหนี้ส่วนต่างแปดสิบปอนด์ตรงนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ถึงเธอจะตัวไม่สูง แต่ศักดิ์ศรีของเธอสูงมาก…”

ฟอร์สครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย ก่อนจะกลับเข้าประเด็นความต้องการของเดอะเวิร์ล

ในฐานะแพทย์และนักเขียน เธอไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องรับส่งโทรเลขมากนัก หรือแม้กระทั่งเรื่องเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกทั้งหมด

ฟอร์สจะไม่สนใจเนื้อหาประเภทดังกล่าวขณะอ่านหนังสือพิมพ์ จึงไม่ทราบว่าจะหาซื้อเครื่องรับส่งวิทยุได้จากไหนบ้าง

“ห้างสรรพสินค้า? คงไม่กระมัง จริงสิ… อาวีลล์เขียนนิยายวิทยาศาสตร์ น่าจะมีความรู้ในเรื่องนี้พอสมควร”

ฟอร์สเริ่มพบเป้าหมายให้ปรึกษา

แต่ทันใดนั้น ปัญหาใหม่ผุดขึ้นในใจ นั่นคือ เธอควรแวะไปเยี่ยมอีกฝ่ายโดยตรง หรือเขียนจดหมายไปถามก่อน?

สายตาจ้องไปทางเก้าอี้เอนกายซึ่งมีผ้าห่มหนานุ่มคลุมอยู่ ผนวกเข้ากับกลิ่นกาแฟและยาสูบซึ่งกำลังอบอวลทั่วห้อง ความอบอุ่นอันแสนเกียจคร้านได้เกาะกินจิตใจฟอร์สทีละนิด

“เราไม่สนิทกับทางนั้น การแวะไปเยี่ยมส่งเดชคงไม่เหมาะสักเท่าไร” หญิงสาวพึมพำพลางกวาดเครื่องเขียนหลบ และวางกระดาษเปล่าแผ่นใหม่ลงบนโต๊ะ

เมืองเงินพิสุทธิ์ บ้านตระกูลเบเกอร์

เดอร์ริคลืมตาขึ้นจากภาวะแสร้งหลับ

ตามแผนเดิม เด็กหนุ่มคิดจะประกอบพิธีกรรมสังเวยถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณให้มิสเตอร์ฟูลทันที แต่คำเตือนของแฮงแมนทำให้มันต้องคิดใหม่ และเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น

เห็นทีว่า… เราคงต้องรวบรวมวัตถุดิบตามความต้องการของแฮงแมนให้ครบก่อน จึงค่อยประกอบพิธีกรรมสังเวยในคราวเดียว…

เดอร์ริคเงียบงันสักพัก จึงค่อยเหน็บขวานเฮอร์ริเคนไว้กับเอวและเดินไปยังหอคอยคู่

ก่อนอื่น เด็กหนุ่มตรวจสอบว่า คะแนนผลงานของตนสามารถนำไปแลกเปลี่ยนวัตถุดิบวิเศษชนิดใดได้บ้าง แต่เดอร์ริคยังไม่ใจร้อนแลกเปลี่ยนทันที โดยจะนำราคาไปเปรียบกับตลาดมืดในช่วงกลางคืนเพื่อความแน่ใจ

ถัดมา มันเดินขึ้นไปยังชั้นสาม เป้าหมายคือหอสมุดหมวดหมู่ตำนานโบราณและเอกสารเก่าแก่ เพื่อค้นหาความรู้แปลกใหม่อย่างหิวกระหาย

ทันใดนั้น มันพบหนังสือปกแข็งสีเหลือง

“จดหมายเหตุวังราชาคนยักษ์ ฉบับเขียนด้วยมือของศิลาดำ”

จดหมายเหตุวังราชาคนยักษ์? จะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับราชาเทวทูตหรือไม่…

เดอร์ริคเอื้อมมือหยิบออกมา และพบว่าหนังสือถูกห่อด้วยหนังสัตว์ประหลาดสีน้ำตาล

ในเวลาเดียวกัน โคลิน·อีเลียด สวมเสื้อเชิ้ตลินินสีขาวและโค้ทสีน้ำตาลทับ กำลังยืนจ้องลงมายังห้องสมุดอย่างเงียบงันจากชั้นบน

เส้นผมหงอกเทาขาดการบำรุงรักษากำลังปลิวไสวไปตามแรงลมแผ่วเบาจากหน้าต่าง ดวงตาสีฟ้าอ่อนของมันทั้งลุ่มลึกและสง่างาม

วันพุธที่ 12 มกราคม 17.40 น.

ท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม ก้อนเมฆเคลื่อนคล้อยอย่างเชื่องช้า น้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มสาดซัดสูงต่ำเป็นระลอกเกลียวคลื่น

โมราขาวโยกคลอนขึ้นลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสายลมรุนแรง ราวกับเป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็กบนฝ่ามือยักษ์ใหญ่

“นี่คืออำนาจแห่งมหาสมุทร ไม่ว่าใครจะทรงพลังสักเพียงใด แต่ทุกสิ่งก็จะดูเล็กลงไปถนัดตา” เดนิส ยืนข้างหน้าต่าง กำลังเชยชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกด้วยสีหน้าดื่มด่ำ “พวกเราใกล้ถึงเมืองแห่งการให้แล้ว”

หลังออกจากท่าเรือแบนชี การเดินทางของโมราขาวค่อนข้างราบรื่น อาศัยความช่วยเหลือจากแรงลม เครื่องจักรขนาดมหึมาสามารถทำความเร็วได้สูงถึงสิบห้านอตโดยไม่มีอุปสรรค ฉะนั้น ถึงแม้จะมาถึงเมืองท่าเทียร์น่าช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย แต่ก็ยังมาถึงปลายทางสุดท้าย บายัม ได้เร็วกว่ากำหนดการเดิม

หรือก็คือ โมราขาวซึ่งมีกำหนดจะถึงเมืองแห่งการให้ในช่วงเช้าของ 13 มกราคม กลับแล่นมาถึงตั้งแต่ 12 มกราคมช่วงเย็น

เมื่อได้ยินเดนิสพรั่งพรูความรู้สึก ไคลน์เพียงเงยหน้ามองอย่างเงียบงัน และก้มหน้ากลับมาใคร่ครวญเรื่องของตัวเองต่อ

ยิ่งสวมบทบาทและตัดสินใจในฐานะเกอร์มัน·สแปร์โรว์นานเท่าใด ไคลน์ก็ยิ่งมองเห็นนิสัยแก่นแท้ของตัวเองชัดเจนขึ้น ในแทบทุกการตัดสินใจและพฤติกรรม ชายหนุ่มพบว่าตนคิดไม่เหมือนกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์เลยสักนิดเดียว

ตัวอย่างเช่น ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไคลน์จะสานต่อบทสนทนากับเดนิสในหัวข้อสภาพอากาศอย่างเป็นกันเอง แต่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ทำ

ยิ่งมีความแตกต่างชัด เราก็ยิ่งตระหนักถึงความเป็นตัวเองได้มากขึ้น… ไคลน์ถอนหายใจ

ประสบการณ์เช่นนี้ มันไม่เคยได้รับสมัยปลอมตัวเป็นนักสืบเชอร์ล็อก เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว ตนไม่จำเป็นต้อง ‘เปลี่ยน’ นิสัย

เราสัมผัสได้ว่า โอสถผู้ไร้หน้าถูกย่อยเร็วขึ้นเล็กน้อย… อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางจุดในตัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ซ้อนทับกับนิสัยอุปนิสัยจริงของเรา ยกตัวอย่างเช่น การลงจากเรือไปยังเมืองท่าแบนชีเพื่อช่วยชีวิตผู้คน พฤติกรรมเช่นนี้เกิดจากความรู้สึกก้นบึ้งของเรา…

แต่สามารถเรียกได้ว่า สิ่งนี้คือการเพิ่มความซับซ้อนให้ตัวละคร เกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้สวมหน้ากากบ้าคลั่งตลอดเวลา จึงเผยมุมห่วงใยคนใกล้ตัวให้เห็น…

เออร์ดี้·แบรนช์ลังเลสักพัก ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกมา

“มิสเตอร์สแปร์โรว์ คุณจะพักอยู่ในบายัมอีกสักระยะใช่ไหม ถ้าผมต้องการจ้าง ม…ไม่ใช่ ถ้าผมต้องการขอความช่วยเหลือ จะติดต่อคุณได้อย่างไรบ้าง”

สมกับเป็นพ่อค้าผู้รักการผจญภัย แม้จะหวาดกลัว แต่ก็ยังต้องการเป็นมิตรกับผู้วิเศษมีฝีมือ…

ไคลน์ครุ่นคิด

“คนแถวนี้อ่านหนังสือพิมพ์อะไร?”

“ส่วนใหญ่มักจะอ่าน ‘โซเนียยามเช้า’ หรือไม่ก็ ‘ทันข่าว’ ”

เออร์ดี้มอบคำตอบทันทีโดยไม่ต้องนึกนาน

“ลงโฆษณาใน ‘โซเนียยามเช้า’ เป็นเวลาสามวันติดต่อกัน เนื้อหาเป็นการรับซื้อเนื้อหมักเกลือของดาเมียร์ พร้อมกับลงพิกัดนัดพบเอาไว้ ถ้าเห็น ผมจะแวะไปยังจุดดังกล่าวภายในสามวัน แต่ถ้าไม่ปรากฏตัว ก็แปลว่าผมไม่อยู่ในบายัมแล้ว” ไคลน์บอกวิธีติดต่อทางเดียวอย่างระมัดระวังตัว

“ตกลง” เออร์ดี้หายใจทั่วท้อง พลางยิ้ม

คลีฟส์และคนอื่นๆ แสดงความขอบคุณและทยอยเคลื่อนตัวไปตามทางเดินอย่างเป็นระเบียบ

เมื่อเห็นบันไดเรืออยู่ไม่ไกล ดอนน่าชะลอความเร็วลงและเดินกลับมาหาไคลน์ เงยหน้าขึ้นพลางขยับริมฝีปาก

“ลุงสแปร์โรว์ ในเมื่อพลังพิเศษนำมาซึ่งอันตรายและความบ้าคลั่ง แล้วทำไมลุงถึงยังเลือกครอบครองมันคะ?”

เธอครุ่นคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งจะรวบรวมความกล้าออกมาถาม

ไคลน์ผงะเล็กน้อย ตามด้วยการเผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน

“เพื่อทำตามความฝัน…”

จากนั้น มันหรี่เสียงลง

“…และเพื่อปกป้อง”

เพื่อปกป้อง… ดอนน่าทวนคำ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตามพ่อและแม่ลงไป

เมื่อเห็นครอบครัวแบรนช์ลงจากโมราขาว ไคลน์หันกลับไปมองเดนิส

“นายเป็นอิสระ”

เห…?

เดนิสไม่ชินกับความรู้สึกแบบนี้เลยสักนิด

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ