ณ ตรอกที่เงียบและค่อนข้างมืด
ด้วยความช่วยเหลือจากผ้าคลุมของเดนิส ไคลน์ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเงา และเคลื่อนย้ายตำแหน่งลัดเลาะผ่านตรอกแล้วตรอกเล่า
ท่ามกลางภาพการมองเห็นสีเทาโปร่งใส ฉากรอบตัวค่อนข้างพร่ามัวไม่คมชัด ทุกสรรพเสียงคล้ายกับห่างไกลออกไป รวมกับตนมิได้กำลังอยู่บนโลกมนุษย์
จนกระทั่งหนีมาไกลจากถนนไม้หอมค่อนข้างมาก ชายหนุ่มจึงระบุตำแหน่งสำหรับ ‘งอก’ ออกจากเงาสีดำ และโผล่ตัวขึ้นในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยกรวดและอิฐหัก
ไคลน์สะบัดข้อมือ โยนพรมหางนกยูงสีน้ำเงินพร้อมด้วยศพ ‘เหล็กกล้า’ ลงบนพื้นตรงหน้า เตรียมรีบ ‘ต้อนแกะ’ ก่อนวิญญาณของอีกฝ่ายจะสลายไปอย่างสมบูรณ์
ชายหนุ่มขยับพรมวิเศษหลบไปทางอื่น ตามด้วยการคุกเข่าข้างศพแม็ควิตี้ และเหยียดแขนซ้ายวางลงบนศพซึ่งยังอุ่นๆ
‘ยุบพองหิวโหย’ เผยรูปลักษณ์เดิมของมัน—ถุงมือหนังมนุษย์แผ่นบาง
กึ่งกลางฝ่ามือมีดวงตาปรากฏขึ้นสองข้าง แต่ละข้างมีสีแดงก่ำคล้ายเลือดสด
ฟ้าว!
สายลมกระโชกอันเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง เริ่มหมุนวนอย่างเกรี้ยวกราดภายในตรอกแคบ ก่อนจะหดตัวลงและบีบเข้ามาโอบล้อมศพ ‘เหล็กกล้า’
ทันใดนั้น ร่างมนุษย์โปร่งใสเริ่มถูกดึงออกจากศพแม็ควิตี้ ร่างมายาดังกล่าวมีริมฝีปากหนาและเส้นผมหงิกงอจนคล้ายลูกเหล็ก
แม็ควิตี้เผยสีหน้าทุกข์ทรมาน มันพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอำนาจดึงดูดของ ‘ยุบพองหิวโหย’ อย่างสุดกำลัง แต่ก็ไร้ผล แสงออร่าสีดำสลับเขียว ส่องประกายระยิบระยับคลายอวกาศ ได้ถูกดูดออกจากศพและผสมเข้ากับร่างมายาโปร่งใสของแม็ควิตี้
“ไม่!”
‘เหล็กกล้า’ แหกปากกรีดร้อง แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด เกรงว่าคงสายเกินไปหากจะร้องขอความเมตตาจากไคลน์ในตอนนี้ ชะตากรรมเดียวของมันคือการถูกถุงมือกลืนกิน
ดวงวิญญาณแม็ควิตี้ลอยเข้าไปสิงในนิ้วหนึ่งซึ่งยังว่างอยู่ ส่วนตะกอนพลังของมันพยายามสร้างการเชื่อมต่อระหว่างดวงวิญญาณและตัวถุงมือ
การเชื่อมต่อดังกล่าวเป็นตัวกำหนดว่า ชายหนุ่มจะได้รับพลังใดจาก ‘เหล็กกล้า’ ไปบ้าง บางทีอาจหนึ่งชนิด สองชนิด แต่ไม่มากไปกว่าสาม และจะคงอยู่เช่นนั้นไปตลอดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นแบบสุ่ม ไคลน์ไม่มีสิทธิ์เลือก
สีผิวยุบพองหิวโหยเริ่มซีดจาง ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปยังรูปลักษณ์จำแลง—ถุงมือหนังสีดำธรรมดา
ไคลน์หลับตาลงสักพัก ก่อนจะทำสีหน้าผ่อนคลายและถอนหายใจ
สำหรับครั้งนี้ ดวงของมันไม่เลวร้ายนัก แต่ก็ไม่ได้ดีมากเช่นกัน
มันอาจได้รับพลังสามชนิดจากแม็ควิตี้ แต่ก็ไม่รับความสามารถซึ่งตนปรารถนาเป็นอันดับหนึ่ง พลังในการทนไฟ ทนระเบิด และทนกระสุน—พลัง ‘กายาเหล็ก’
พลังชนิดแรกเป็นของ ‘ซอมบี้’ ช่วยให้โจมตีใส่เป้าหมายได้อย่างรุนแรง ชดเชยข้อบกพร่องของเราซึ่งเน้นความปราดเปรียวเป็นหลักมาตลอด… พลังถัดมาคือ ‘น้ำแข็ง’ อาจไม่ทรงพลังเท่าน้ำแข็งของแม่มด ไม่สามารถสร้างหอกน้ำแข็งและปาใส่ศัตรูโดยตรง แต่ก็สามารถฉาบพื้นดินรอบๆ ให้มีน้ำแข็งเกาะได้ สามารถลดอุณหภูมิรอบตัว ลดความเร็วฝ่ายตรงข้ามลง หรือถ้าศัตรูสัมผัสกับน้ำแข็งโดยตรง อวัยวะบริเวณดังกล่าวก็มีโอกาสถูกแช่แข็งได้เช่นกัน… พลังถัดมาคือ ‘บงการซอมบี้’ … ฮะฮะ! ในอนาคต เราไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีซอมบี้คอยเล่นไพ่เป็นเพื่อนแล้ว…
ไคลน์รำพันติดตลก ก่อนจะก้มสำรวจข้าวของเครื่องใช้ของแม็ควิตี้
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ชายหนุ่มพบเงินสดยี่สิบหกปอนด์ สิบเอ็ดซูล แปดเพนนี และยังมีอุปกรณ์พิสดารอีกหลายชนิด เช่นเทียนไข โซ่เหล็ก แส้หนาม กุญแจมือ และอื่นๆ
เมื่อเริ่มตระหนักว่า ‘เหล็กกล้า’ เป็นสมาชิกของโรงเรียนกุหลาบ และยังอยู่ฝ่าย ‘ไม่ระงับแรงปรารถนา’ ไคลน์เข้าใจทันทีว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีไว้เพื่อสิ่งใด
บัดซบ… มันแทบอาเจียน ก่อนจะเลือกหยิบเฉพาะเงินสดขึ้นมา
‘มนุษย์หมาป่า’ สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว และ ‘ซอมบี้’ มีร่างกายทนทานเป็นทุนเดิม แม็ควิตี้จึงแทบไม่พกยารักษาหรือสิ่งของในทำนองดังกล่าว… และยังสอดคล้องกับการประเมินของเดนิส แม็ควิตี้มิได้พกพาสมบัติวิเศษแม้แต่ชิ้นเดียว…
ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไร สมบัติวิเศษส่วนใหญ่มักไม่ช่วยอะไรมากนัก แถมยังมีผลข้างเคียงรุนแรง ถึงจะอยากครอบครอง แต่ก็หาถูกใจและตรงสายพลังได้ยาก ถ้าต้องพกแบบผิดสาย สู้ไม่พกเลยยังดีเสียกว่า…
ถ้าจำไม่ผิด หลังจากเราช่วยชารอนกำจัด ‘วิญญาณอาฆาต’ สตีฟและ ‘ซอมบี้’ เจสัน พวกมันพกพาสมบัติวิเศษมาแค่สองชิ้นเท่านั้น หนึ่งคือมงกุฎจันทร์ชาด และอีกหนึ่งคือขวดพิษชีวภาพ โดยทั้งสองชนิดคือสมบัติส่วนตัวของลำดับ 5 สตีฟ…
ไคลน์พยักหน้ารับ พลางดึงกระดาษพับแผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ
มันบรรจงคลี่กระดาษแผ่นสีเหลืองออก วางไว้บนศพ ‘เหล็กกล้า’ โดยจงใจให้ปกคลุมใบหน้า
สิ่งนี้คือใบปลิวค่าหัว ด้านบนมีภาพเสมือนจริงของแม็ควิตี้ถูกวาดขึ้นจากพิธีกรรม และจำนวนรางวัลนำจับซึ่งถูกเขียนไว้ตัวใหญ่ :
“หกพันปอนด์!”
ไคลน์ลุกยืน ก้าวถอยหลังกลับไปหยิบพรมหางนกยูงสีฟ้า โดยมืออีกข้างล้วงกระดาษรูปคนออกมาถือ
พรึบ!
มันสะบัดข้อมือพร้อมกับโยนกระดาษทิ้ง พลางยืนจ้องเศษกระดาษอันกำลังลุกไหม้และกลายเป็นซากขี้เถ้า
สิ่งนี้ทำไปเพื่อมิให้ถูกแกะรอย
จากนั้น มันผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเงาอีกครั้งด้วยผ้าคลุมของเดนิส ก่อนจะหายตัวไปจากตรอกอย่างไร้ร่องรอย
ถัดมาประมาณสามนาที คอร์โดบา·รอยย์รีบรุดมายังศพของแม็ควิตี้พร้อมกับหน่วยทูตพิพากษาจำนวนหนึ่ง แต่กลับได้เห็นเพียงสายลมกระโชกผัดผ่าน รวมถึงศพเนื้อของ ‘เหล็กกล้า’ ในสภาพผิวหนังละลาย บนใบหน้ามีแผ่นใบค่าหัวปิดอยู่
ฟ้าว—
ใบค่าหัวลอยปลิวและตกลงบนพื้น โดยยังคงหงายใบหน้าขึ้นพร้อมกับจำนวนตัวเลข
…
เมื่อคอร์โดบาและสมาชิกคนอื่นในทีมจนปัญญาจะสืบหาเบาะแสจากจุดพบศพแม็ควิตี้ พวกมันตัดสินใจกลับไปยังจุดปะทะอีกครั้ง
ขณะสายตาเพ่งไปยังสมาชิกคนหนึ่งในทีม อาวุโสคอร์โดบาพยายามข่มความหงุดหงิดและซักถามเสียงฉุนเฉียว
“สาวกสุริยัน?”
สำหรับมัน และสำหรับมุขมณฑล สิ่งนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญและต้องการคำยืนยันโดยด่วน
ในฐานะหน่วยสืบสวน ทูตพิพากษาคนดังกล่าวซึ่งพยายามใช้พลังวิเศษค้นหาความจริง ย่อมไม่ได้อยู่ในเส้นทางใช้อารมณ์เหนือเหตุผลอย่าง ‘วายุสลาตัน’ แต่เป็นลำดับ 7 แห่งเส้นทางนักอ่าน ‘ผู้พิทักษ์ข้อมูล’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือลำดับ ‘นักสืบ’
มันไม่รีบร้อนมอบคำตอบ เพียงเดินมาใกล้และก้มตรวจสอบศพแม็ควิตี้อย่างใจเย็น
ผ่านไปสักพัก มันเงยหน้ามอบคำตอบ
“ไม่ใช่สาวกสุริยัน น่าจะเป็นพลังจากสมบัติวิเศษมากกว่า”
“เหตุผล?” คอร์โดบาซักถามหน้าบูดบึ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ