สรุปเนื้อหา ราชันเร้นลับ 543 – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet
บท ราชันเร้นลับ 543 ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ไคลน์ก้าวถอยหลัง ยืนไตร่ตรองสถานการณ์เบื้องต้น
ทางด้านไอร์แลนด์ เป็นเพราะไม่มีภาพเหมือนไว้คอยเปรียบเทียบ รวมถึงการที่ศพถูกเผาจนไหม้เกรียม มันย่อมไม่ทราบว่านี่คือหนึ่งในคณะนักผจญภัยของเลติเซีย·โดเรล่า จึงทำเพียงยืนสำรวจเหตุการณ์สักพัก
จนกระทั่งเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกผ่านไปสองสามระลอก ไอร์แลนด์ตัดสินใจชี้ไปยังร่างของเจ้าหน้าที่สามสี่คนซึ่งกำลังนอนแผ่นบนพื้นไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก พลางพึมพำด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
“ต้องลากพวกเขาออกมาก่อน รอให้หน่วยสนับสนุนมาถึง จากนั้นค่อยคิดเรื่องโจมตี หรือบางที…”
มันชะงักคำ พลางเงยหน้ามองเรือบินสีน้ำเงินเข้มกำลังลอยเข้ามาใกล้
ไอร์แลนด์ไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่ม และมิได้สั่งให้ไคลน์กับเดนิสกระทำสิ่งใด เพียงก้มหน้าวิ่งไปทางคนของกองทัพที่กำลังนอนสั่นระริกด้วยใบหน้าม่วงคล้ำ
กึก. กึก. กึก.
ยิ่งเข้าใกล้ ย่างก้าวก็ยิ่งอ่อนแรง จนกระทั่งร่างกายของไอร์แลนด์แข็งทื่อ ทุกก้าวเป็นไปอย่างยากลำบาก
ไอร์แลนด์เคยเป็นสรั่งเรือของกองเรือหลวงอยู่หลายปี ย่อมมีประสบการณ์เสี่ยงชีวิตโชกโชน จึงคิดเร็วทำเร็ว รีบชะงักฝีเท้าและก้าวถอยหลังอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง
ยิ่งถอยห่างออกมา จังหวะการก้าวก็เริ่มกลับมามีเรี่ยวแรง แต่ยังคงแก้ไขอาการสั่นเทาไม่ได้ โดยบริเวณขอบคิ้วและจอนมีเกล็ดน้ำแข็งปกคลุมเจือจาง
หนาวฉับพลันจนผิดธรรมชาติ…
เป็นความเย็นระดับภัยพิบัติ…
เมื่อเห็นสภาพของไอร์แลนด์ ไคลน์ยืนวิเคราะห์อันตรายภายในขอบเขต พลางถอนหายใจเงียบงัน :
น่าเสียดาย เข็มกลัดสุริยันจะไม่สร้างความร้อนเชิงกายภาพ เป็นได้เพียงอุปกรณ์ดัดแปลงความรู้สึก ถึงจะช่วยแก้ปัญหาทางจิตใจได้ชะงัก แต่ถ้าต้องเผชิญอุณหภูมิเย็นจัดของจริง คงไม่แคล้วยืนตัวแข็งทื่อภายในสามถึงสี่วินาที…
ชายหนุ่มหันไปมองไอร์แลนด์ ผู้กำลังยืนปากสั่นและกรามกระทบเสียงดัง กัปตันโมราขาวพยายามพะงาบปากราวกับต้องการกล่าวบางสิ่ง แต่กลับไม่สามารถเปล่งเสียง
เห็นดังนั้น ไคลน์หันไปจ้องเดนิสด้านข้าง
ชายหนุ่มวางไม้ค้ำลง เปล่งเสียงเคร่งขรึม
“ไฟ”
ไฟ? เดนิสผงะเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ทราบเจตนาของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
มันย่อมเห็นความล้มเหลวของไอร์แลนด์ขณะพยายามการเข้าไปช่วยพวกพ้อง!
เดนิสสร้างก้อนเพลิงขึ้นบนมือขวา ขว้างไปยังจุดไม่ห่างจากคนของกองทัพที่กำลังนอนแผ่บนพื้นมากนัก
ก้อนเปลวเพลิงพุ่งแหวกอากาศเป็นระยะทางเกือบยี่สิบเมตร ตกลงบนพื้น แต่ไม่เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น เพียงสร้างประกายไฟลอยสูงขึ้นไปในอากาศ
เมื่อเจอกับอุณหภูมิเย็นจัด เสาเปลวเพลิงสีแดงฉานส่งเสียง ‘ฉ่า’ พร้อมกับหดตัวลงอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น เสาเพลิงขยายออกอีกครั้ง ราวกับกำลังดิ้นรนเฮือกสุดท้าย
ไคลน์ในโค้ทขนสัตว์สีดำสนิทกระโจนออกจากเสาเพลิงดังกล่าว ฝ่าเท้าสัมผัสพื้นในจุดใกล้กับเจ้าหน้าที่กองทัพ
มันโน้มตัวลงและเหยียดแขนตรง ใช้ฝ่ามือคว้าเครื่องแบบของผู้ประสบภัยแน่นกระชับ
ถัดมา ชายหนุ่มถ่ายน้ำหนักลงไปบนฝ่าเท้า บิดเอวกลับมาด้านหลัง และระเบิดพลังแขนในชั่วพริบตา
เจ้าหน้าที่ถูกโยนลอยไปในอากาศ บินไกลราวสิบเมตรก่อนจะตกลงพื้นอย่างนุ่มนวล รอดพ้นจากอิทธิพลของพลังน้ำแข็ง
เมื่อจัดการเสร็จ ไคลน์ชิงดีดนิ้วก่อนที่ความเย็นจะกัดกร่อนร่างกาย เผาก้านไม้ขีดในกระเป๋าเสื้อซึ่งพกติดตัวไว้ตลอดเวลา
เพลิงสีแดงพรั่งพรูออกจากร่างกายชายหนุ่มคล้ายกระแสน้ำหลาก เพียงไม่นานก็ลุกโชนจนท่วมร่าง
เมื่อเพลิงดับมอด ร่างไคลน์ได้หายลับไปจากสายตาของทุกคน
เสาเพลิงสว่างขึ้นอีกครั้งในจุดถัดไป สิ่งนี้เป็นพลังของเดนิส โดยไคลน์จะปรากฏตัวออกมากระทำแบบเดิม และหนีด้วยก้านไม้ขีดไฟเช่นเดิม วิธีนี้สามารถช่วยเหลือคนของกองทัพได้มากมาย
เพียงไม่กี่อึดใจถัดมา ไคลน์นำเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายออกจากเขตอันตราย
ไอร์แลนด์เผยสีหน้าโล่งใจสุดขีด พร้อมกับยกนิ้วหัวแม่โป้งให้ :
“ผมทั้งยินดีและเป็นเกียรติอย่างมาก ที่วันนี้ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากคุณ”
พูดได้ดี…แต่อย่าลืมขึ้นค่าจ้างก็แล้วกัน…
ไคลน์พยักหน้ารับอย่างสุภาพ หมุนตัวครึ่งวงกลม มองเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดอยู่ของบ้านหลังเกิดเหตุ พลางยืนฟังเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกและพิสดารดังเป็นระยะ
มุมปากเดนิสกำลังสั่นระริก มันส่งเสียงตำหนิไอร์แลนด์ภายในใจ
ไม่เห็นผลงานของฉันเลยรึไง!
ถึงบอลเพลิงของฉันจะเป็นเหมือนกับไฟประกอบฉากมายากล แต่มันก็มีความสำคัญมากในแผนการ!
หมอนี่มีฉายาว่าไอร์แลนด์ผู้เที่ยงธรรม แต่ความจริงแล้วกลับไม่เที่ยงธรรมเลยสักนิด!
ขณะเพลิงพิโรธกำลังพึมพำ ท้องฟ้าด้านบนเริ่มมืดครึ้มเล็กน้อย เนื่องจากเรือบินกำลังลอยสูงเหนือศีรษะคนทั้งสาม
“รีบอพยพชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงออกไปให้หมด!” เสียงคำสั่งจากเรือบินดังกังวานลงถึงด้านล่าง
หลังจากไอร์แลนด์และหน่วยสนับสนุนชุดหลังที่เพิ่งมาถึงช่วยกันอพยพชาวเมืองออกไปจากเขตอันตราย เรือบินเริ่มลดระดับความสูงลง พลางปรับองศาการเล็งของ ‘ปืนใหญ่’
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ปืนใหญ่กระหน่ำยิงประหนึ่งพายุบุแคม เป้าหมายคือบ้านหลังที่มีเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกดังอย่างต่อเนื่อง
ได้ยินเสียงระเบิดโครมคราม ได้เห็นอำนาจทำลายล้างของปืนใหญ่ ไคลน์ก้มหยิบไม้ค้ำด้วยสีหน้าขื่นขม
นี่คือยุทธการ ‘ระดมยิง’ ที่มันปรารถนามาตลอด! ครั้งหนึ่งเคยเสนอให้เหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็นยิงถล่มบ้านทริสซี่ และในวินาทีนี้ มันกำลังประจักษ์แสนยานุภาพสุดตระการตาที่ตนถวิลหามานาน
ท่ามกลางเสียงปืนหูดับตับไหม้ ไอร์แลนด์และเจ้าหน้าที่คนอื่นต่างกระจายตัวล้อมบ้านหลังต้องสงสัยไว้ทุกทิศ เตรียมรับมือกลุ่มคนหรือสัตว์ประหลาดด้านใน
บ้านหลังดังกล่าวพังพินาศย่อยยับ ควันดำลอยสูงขึ้นจากซากปรักหักพังซึ่งเหลือเพียงเศษไม้และอิฐแดง ขณะเดียวกัน พลังน้ำแข็งลึกลับได้อันตรธานหายไปโดยสมบูรณ์
ทันใดนั้น สายฟ้าเส้นใหญ่พลันสว่างวาบจากมุมสูง ผ่าลงใจกลางเรือบินอย่างหนักหน่วงแม่นยำ
ไคลน์ขมวดคิ้ว ยืนมองเรือบินที่ยังคงสงบนิ่งราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่โสตประสาทได้ยินเสียงความผิดปรกติของเครื่องยนต์ไอน้ำอย่างเจือจาง
สัตว์ประหลาดสีน้ำเงินบนท้องฟ้าเริ่มเสียการทรงตัว ควันดำลอยออกมาไม่มากไม่น้อย ตัวเครื่องเริ่มร่อนลงหาจุดจอดฉุกเฉินในบริเวณใกล้เคียง
“พ…พวกเราไม่ได้เข้าไป…”
ชายคนหนึ่งพยายามกลอกตาลง คล้ายกับต้องการตรวจสอบอวัยวะตั้งแต่ช่วงคอลงไป
“ฉันหมายถึงโบราณสถานเทพสมุทรบนเกาะไซมีม!” เจ้าหน้าที่เค้นถามเสียงเข้ม
“ม…ไม่ใช่” นักผจญภัยชายพยายามส่ายหน้า แต่แน่นอนว่าไม่สำเร็จ “พวกเราเข้าไปสำรวจโบราณสถานของเอลฟ์…เลติเซียพบหนังสือเล่มหนึ่งด้านใน…เธอชอบมันมาก… แต่เมื่อเริ่มศึกษาเนื้อหา ธ…เธอเกิดเสียสติกะทันหัน ต…ตอนนี้เธอคลั่งไปแล้ว!”
นักผจญภัยชายแหกปาก แต่ราวกับวิญญาณของมันหมดอายุขัยเพียงเท่านี้
หือ…ไม่ใช่โบราณสถานเทพสมุทร แต่เป็นโบราณสถานเอลฟ์? แตกต่างจากสมมติฐานแรกของเรามากทีเดียว…
ขณะไคลน์เตรียมเดินเข้าไปใกล้เพื่อแอบฟังบทสนทนา ไอร์แลนด์กล่าวขอร้องอย่างสุภาพให้ชายหนุ่มและเดนิสช่วยออกจากเขตสอบสวน
แม้จะน่าเสียดาย แต่ก็ต้องทำตาม
เมื่อเดินมาถึงถนนอีกเส้น ไคลน์ลดความเร็วลง ไตร่ตรองเหตุการณ์ทั้งหมดใหม่อีกครั้งอย่างละเอียด
เหตุใดการนำหนังสือแห่งภัยธรรมชาติออกจากโบราณสถานของเอลฟ์ ถึงทำให้เทพสมุทร·คาเวทูว่า มิอาจรักษาเสถียรภาพ และนำไปสู่การดิ้นรนอาละวาดเฮือกสุดท้าย?
ทั้งสองเหตุการณ์สัมพันธ์กันอย่างไร…
เอลฟ์…เทพสมุทร…จากคำบอกเล่าของเดอะซันน้อย เทพบรรพกาล ‘ซอนญาธริม’ ราชาเอลฟ์ ถือครองอำนาจแบบเดียวกับเทพวายุสลาตันในปัจจุบัน…หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ เผ่าเอลฟ์ย่อมต้องมีสมาชิกเป็นลำดับ 3 ‘เจ้าสมุทร’ จำนวนหนึ่ง และบางทีอาจมีลำดับ 2 อีกไม่น้อย…
อาจเป็นไปได้ว่า…คาเวทูว่าเคยเป็นแค่งูทะเลยักษ์ธรรมดา แต่บังเอิญว่ายเข้าไปในโบราณสถานเอลฟ์ใต้น้ำ จากนั้นก็กินตะกอนพลังหลงเหลือจากเอลฟ์ลำดับสูงสักตน และประสบความโชคดีสองชั้นซ้อน รอดจากทั้งความตายและการคลุ้มคลั่งมาได้ จึงครอบครองพลังครึ่งเทพและได้รับความศรัทธาจากชนพื้นเมืองของหมู่เกาะรอสต์ทั้งหมด?
ไคลน์ครุ่นคิดเคร่งเครียด ขณะเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณมิสเตอร์แฮงแมน
ในตอนแรก เดอะซันน้อยไม่มีเจตนาจะเปิดเผยข้อมูลของเทพบรรพกาลทั้งแปด แต่หลังจากถูกแฮงแมนหลอกล่อ ข้อมูลบางส่วนจึงรั่วไหล หนึ่งในนั้นคือรายละเอียดของราชาแห่งเอลฟ์ ซอนญาธริม
สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมคาเวทูว่าถึงสามารถกินตะกอนพลังลำดับ 3 และเลื่อนลำดับได้ในคราวเดียว คำตอบคือ เหตุการณ์ในทำนองดังกล่าวไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น ในยุคสมัยก่อนระบบโอสถจะสมบูรณ์ แม้กระทั่งบรรพบุรุษของเผ่ามนุษย์ก็เคยกินตะกอนพลังอย่างส่งเดชมาแล้ว เพื่อเป็นทั้งการทดลองและการหวังพึ่งพาโชคในการเลื่อนลำดับ แต่จากบรรดาทั้งหมด มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่รอดชีวิตได้โดยสมบูรณ์ ไม่กลายเป็นคนบ้าหรือเกิดภาวะคลุ้มคลั่งเสียก่อน
การเสี่ยงโชคดังกล่าวมีโอกาสสำเร็จไม่ถึงหนึ่งในพัน ไม่สิ อาจน้อยกว่าหนึ่งในหมื่นหรือต่ำกว่านั้นด้วยซ้ำ หลังจากระบบโอสถเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ก็ไม่มีใครกล้ากินตะกอนพลังส่งเดชอีกเลย…
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คาเวทูว่านับว่าโชคดีอย่างน่าอัศจรรย์…จริงสิ อาจมีปัจจัยด้านความเข้ากันได้ของร่างกายช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จ…
แต่ดูเหมือนสติปัญญาจะไม่พัฒนาขึ้นจากเดิมเลยสักนิด ทำได้เพียงหลอกใช้สาวกชาวพื้นเมืองไปวันๆ ไม่เคยรู้กระทั่งว่าเกาะไซมีมมีโบราณสถานของเอลฟ์ซ่อนอยู่ เอาแต่หลบอยู่ในรังอย่างขี้ขลาด…
หลังจากเลติเซียนำหนังสือออกมา โบราณสถานก็พังลงทันที ส่งผลให้คาเวทูว่าสูญเสียเสถียรภาพด้านอำนาจ? เข้าใจแล้วว่าทำไมเลติเซียและคณะถึงผ่านเข้าออกโบราณสถานได้ง่ายนัก เพราะคาเวทูว่าไม่เคยทราบว่ามีโบราณสถานเอลฟ์บนเกาะไซมีม จึงไม่ถูกอารักขาโดยกลุ่มต่อต้าน…
จนกระทั่งเกิดความผิดปรกติร้ายแรงขึ้น คาเวทูว่าจึงเริ่มตรวจสอบจนกระทั่งพบต้นตอ และทราบในภายหลังว่าโบราณสถานเอลฟ์ใต้น้ำของตน กับโบราณสถานเอลฟ์บนเกาะไซมีม มีความเชื่อมโยงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง…
ไคลน์พยายามขจัดข้อสงสัยของตนให้หมดในคราวเดียว
ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมเทพสมุทร·คาเวทูว่าถึงไม่เลือกสิงร่างสาวกคนใดคนหนึ่งในวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะหากทำเช่นนั้น ก็ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกคนนอกล่วงรู้ว่าเทพสมุทรกำลังอ่อนแอและขาดสมดุล ปัญหาจะถูกแก้ไขอย่างราบรื่น และสัตว์ป่าสติปัญญาต่ำต้อยอย่างคาเวทูว่าก็น่าจะชื่นชอบวิธีนี้
คำตอบของไคลน์คือ ร่างใหม่ที่คาเวทูว่าต้องการเข้าไปกัดกร่อนและสิงสู่ จะต้องมีเลือดเอลฟ์ไหลเวียนในปริมาณหนึ่ง จึงจะทนรับพลังมหาศาลของตะกอนพลังไหว
และเมื่อไคลน์เผลอไปสัมผัสเข้า คาเวทูว่าจึงสัมผัสถึงความพิเศษของออร่าห้วงมิติเหนือสายหมอกได้ทันที และพบว่านี่คือร่างกายอันสมบูรณ์สำหรับแผนการของตน ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าร่างกายสายเลือดเอลฟ์เข้มข้นเสียอีก
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ