โชคยังดี วังวนกระแสน้ำของคาเวทูว่าได้ชะล้างเกือบทุกสิ่งจนเกลี้ยง เหลือเพียงคราบฝนระลอกหลัง รอยไหม้จากสายฟ้าบนพื้นดินหลายจุด เศษขี้เถ้าโปรยปราย และรอยไถของฝ่าเท้าไคลน์บนพื้นสองเส้นตรงเป็นทางยาว
ร่องรอยพวกนี้ลบเลือนได้ไม่ยาก เพียงให้เดนิส ‘เก็บกวาด’ โกดังด้วยไฟบอล จัดฉากให้เป็นการทะเลาะกันระหว่างโจรสลัด…
ไคลน์พยักหน้า หยิบกระดาษคนที่เหลือเพียงน้อยนิดออกมาสะบัด
กระดาษคนตัวแทนลอยออกไป เผาไหม้ตัวเองจนเกรียม และโปรยปรายเถ้าถ่านสีดำร่วงกราวลงพื้น
เมื่อจัดการเสร็จ ไคลน์เดินตรงไปทางประตูโกดังที่เดนิสช่วยปิดสนิทและกำลังเฝ้าจากด้านนอก แต่ยิ่งก้าวเดิน ชายหนุ่มก็ยิ่งขมวดคิ้วเคร่งเครียด
พื้นรองเท้าหายเกลี้ยง ส่วนที่เหลือก็ฉีกขาดยับเยิน เสื้อผ้าและกางเกงล้วนเต็มไปด้วยรอยขาด คราบน้ำ รอยไหม้ และคราบสกปรก
นี่คือบาดแผลของนักรบ ลำพัง ‘กระดาษคนตัวแทน’ มิอาจรับความเสียหายได้ครบทุกประเภทอยู่แล้ว ; รอยฉีกขาดเกิดจากแรงดูดของคาเวทูว่า คราบเปียกชื้นเกิดจากพายุฝนระลอกหลัง รอยไหม้เกิดจากการใช้กระดาษคนตัวแทนหลบสายฟ้าช้าไปหนึ่งจังหวะ จวบจนตอนนี้ แม้อาการจะดีขึ้นมากแล้ว แต่แขนขวายังคงปวดแปลบจากอาการช็อกไฟฟ้า
“เสียหายแปดปอนด์ หกซูล… ต้องรีบซื้อเสื้อผ้าเซตใหม่โดยด่วน… แม้ว่าเราจะทำนายถึงอันตรายและเตรียมรับมืออย่างเหมาะสมแล้ว แต่คาเวทูว่าทั้งแข็งแกร่งและบ้าคลั่งกว่าที่เราคำนวณไว้มาก… ได้แต่หวังว่าผลตอบแทนภายหลังคุ้มค่ากับการลงทุน” ไคลน์ส่ายหน้าเงียบงัน พยายามเก็บซ่อนอารมณ์และความเจ็บปวด ก่อนจะเดินไปเคาะประตูทางออกโกดังสินค้าสามครั้ง
เดนิสสะดุ้งเฮือก ใช้เวลาราวสองสามวินาทีจึงค่อยกล้าเปิดประตู
เมื่อเห็นว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กลับมาอยู่ในมาดเย็นชาและพูดน้อย ปราศจากจิตคุกคามอันหิวกระหาย เดนิสเริ่มหายใจทั่วท้อง ตามด้วยการจ้องเข้าไปในดวงตา และซักถามอย่างเป็นกันเอง
“จบแล้วใช่ไหม”
“ยัง” ไคลน์ยกมุมปาก เผยรอยยิ้มอบอุ่น
ยังอีก…? เดนิสเริ่มขมวดคิ้ว
“เหลืออะไร?”
ไคลน์ยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัย :
“ทำความสะอาด หลังจากใช้สถานที่ของคนอื่น ก็ต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อย มันเป็นมารยาท”
ทำความสะอาด… เดนิสยืนมึนงง ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาชี้ตัวเอง
“ฉัน?”
ไคลน์ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม
“หรือนายคิดควรเป็นฉัน…”
…ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันคงได้ถูกไอ้ถุงมือบัดซบนั่นเขมือบเอาพอดี!
เดนิสหัวเราะแห้ง
“ทำความสะอาดยังไง?”
“ไฟบอล” ไคลน์ตอบห้วน
ในฐานะโจรสลัดพาร์ตไทม์ เดนิสไม่ต้องใช้ปัญญามากมายในการเข้าใจความหมายแฝงของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มันรีบเดินผ่านไคลน์และเข้าไปในโกดังสินค้า
ระหว่างนั้น ภายในใจกำลังผุดคำถามและข้อสงสัยมากมาย
กัปตันเคยบอกว่า ยุบพองหิวโหยจะต้องเขมือบวิญญาณมนุษย์ทุกวัน แต่ในกรณีของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ชายคนนี้กลับให้ถุงมือกินเฉพาะอาหารหลังจากใช้พลังเท่านั้น ไม่ต้องคอยวุ่นวายหาเหยื่อทุกวัน… แต่การต่อสู้เมื่อสักครู่ มันใช้พลังของ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้อย่างแน่นอน ถึงกระนั้น หลังจากจบศึกกลับไม่มีการ ‘ป้อน’ อาหารแต่อย่างใด… แปลกมาก… ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้…
พลังของผนึกบางชนิด? ชายคนนี้ ไม่สิ… องค์กรเบื้องหลังของมัน ใช้วิธีใดในการผนึกยุบพองหิวโหย…
ขณะเดนิส ‘ทำความสะอาด’ โกดังสินค้า ไคลน์กำลังยืนรอด้านนอก แหงนหน้ามองท้องฟ้าเมฆครึ้ม สมองไตร่ตรองแผนการขั้นตอนถัดไป
เรานำกล่องบุหรี่โลหะเจือออร่าสายหมอกซ่อนไว้ในรังของมันสำเร็จแล้ว เหลือแค่รอให้คาเวทูว่า เทพสมุทรกำมะลอ จากโลกนี้ไปอย่างสงบ… ได้แต่หวังว่าผู้วิเศษของโบสถ์และกองทัพจะยังตามหารังของมันไม่พบ หรือไม่ก็ เหลือบางสิ่งที่พวกมันไม่คิดว่าสำคัญ แต่ยังพอมีมูลค่า ให้เราสักชิ้นของชิ้นก็ยังดี…
ไคลน์หายใจเข้าออกด้วยจังหวะเชื่องช้า โสตประสาทรับฟังเสียงระเบิดโครมครามด้านหลังอย่างสงบ
…
ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง อัลเจอร์กำลังยืนริมหน้าต่าง สายตามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันหม่นหมอง
เราได้รับแก๊สสลบของผีดูดเลือดทันทีหลังจากชุมนุมทาโรต์ครั้งล่าสุดจบลง ฉะนั้นในทางทฤษฎี เราควรออกทะเลเพื่อรวบรวมวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถได้แล้ว แต่ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ กลับไม่โอกาสได้ออกจากบายัมแม้แต่ก้าวเดียว…
มุมปากอัลเจอร์สั่นระริกเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
ช่วยไม่ได้… ทุกสิ่งเริ่มจากการวางแผนล่าตัว ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ของเดอะเวิร์ล โดยปฏิบัติการดังกล่าวสามารถทำเงินให้เราและเขาได้มหาศาล จึงต้องรอรับค่าหัวอย่างไม่มีทางเลือก… แต่เมื่อเงินค่าหัวอนุมัติ กลับมีเหตุการณ์ของคาเวทูว่าเกิดขึ้นซ้ำซ้อน งูทะเลยักษ์สูญเสียเสถียรภาพและใกล้ร่วงหล่น เราจึงต้องทำภารกิจตามหาตัวเลติเซีย·โดเรล่าของบิชอปโชโกรี…
เมื่อเช้าได้ยินว่า การสืบสวนแบบปูพรมช่วยให้พบตัวเลติเซียแล้ว ดูเหมือนทูตพิพากษากับกองทัพจะได้เบาะแสสำคัญมาไว้ในมือ มีหลายหน่วยถูกส่งไปยังเกาะไซมีมเป็นการเร่งด่วน… หึหึ งานแบบนี้ไม่มีทางหลุดมาถึงมือเราอยู่แล้ว…
อัลเจอร์เบือนหน้ากลับ ดึงชุดคลุมสั้นที่ชายยาวต่ำกว่าเข่าขึ้น พลางพึมพำ :
“อีกไม่กี่วันเท่านั้น…”
หากคาเวทูว่าเสียชีวิตลงและสึนามิรอบหมู่เกาะรอสต์สงบลง มันจะแล่นเรือออกจากท่าบายัม เมืองแห่งการให้ มุ่งหน้าค้นหาวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถ ‘ข้ารับใช้วายุ’ และยกระดับตัวเองกลายเป็นลำดับ 6 เสียที
ขณะสมองกำลังครุ่นคิด อัลเจอร์หันหลังกลับและมองออกไปนอกหน้าต่าง
มันเห็นเมฆดำค่อย ๆ ลอยห่างออกไป จันทราสีแดงสุกสว่างปรากฏขึ้นแทนที่
…
กลางดึกสงัด ขณะกำลังนอนหลับสบาย ไคลน์สะดุ้งตื่นเนื่องจากสัมผัสวิญญาณของตนถูกกระตุ้นรุนแรง
มันลุกจากเตียง เดินมายืนริมหน้าต่างและดึงผ้าม่านเปิด
แสงจันทร์สีแดงนวลฉาบทุกสรรพสิ่งภายใต้บรรยากาศอันงดงาม เป็นภาพอันชวนฝันและสุขสงบเหนือคำบรรยาย
ไคลน์กวาดสายตา และพบว่าเมฆที่ลอยต่ำผิดปรกติได้เลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ จันทร์แดงกึ่งกลางท้องฟ้าถูกรายล้อมด้วยหมู่ดาราอย่างแจ่มชัด
หรือว่าการเผชิญหน้าระหว่าง ‘เทพสมุทร’ และ ‘เจ้าสมุทร’ จบลงแล้ว?
สองวินาทีถัดมา ไคลน์เบือนหน้ากลับ รูดม่านปิดสนิท และเดินถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก
ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะทองแดงยาว ในมือถือเหรียญทอง สายตาอ่านทบทวนประโยคทำนาย :
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ