ตอน ราชันเร้นลับ 547 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ราชันเร้นลับ 547 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ทันใดนั้น ไคลน์หวนนึกถึงข้อความหนึ่งในหนังสือ ‘ประสบการณ์โลกวิญญาณ’ ที่เขียนโดยบรรพบุรุษตระกูลอับราฮัม :
“พยายามอย่าสบตาสิ่งมีชีวิตในโลกวิญญาณเกินสามวินาที เพราะนั่นถือเป็นพฤติกรรมยั่วยุ นอกเสียจากอีกฝ่ายแสดงท่าทีต้องการสนทนาอย่างสันติ ห้ามเผยอาการหวาดกลัวจนออกนอกหน้า เพราะนั่นจะเป็นการกระตุ้นให้นักล่าจู่โจมเข้าใส่”
เมื่อถ้อยคำเตือนใจผุดขึ้นในความทรงจำ ไคลน์รีบรวบรวมสติเพื่อ ‘ไล่ตาม’ ไม้ค้ำเนื้อแข็งที่กำลังบินไปข้างหน้า ด้วยความเร็วไม่มากไม่น้อย
ลูกตากลมโตทำเพียงจ้องมองร่างสวมชุดเกราะเต็มอัตราศึกสีดำ มงกุฎและผ้าคลุมสีเดียวกัน ค่อยๆ เหาะผ่านไปอย่างเงียบงันโดยมิได้โจมตีหรือขัดขวาง จนกระทั่งลับสายตาไปอย่างสมบูรณ์
ในทางทฤษฎี โลกวิญญาณคือสถานที่สุดแสนอันตราย หากไม่ระวังตัว อาจเผลอไปเผชิญหน้ากับตัวตนระดับครึ่งเทพเอาได้…
ไคลน์เหาะตามไม้ค้ำพลางตระหนักถึงความน่าสะพรึงของโลกวิญญาณ ท่ามกลางมิติอันยุ่งเหยิงและซับซ้อน ถึงจะมีริ้วแสงเจ็ดสีบนท้องฟ้าคอยช่วยนำทาง แต่การก้มมองลงไปยังเบื้องล่าง หันซ้าย หันขวา ข้างหน้า หรือด้านหลัง ก็ยังคงพบริ้วแสงเจ็ดสีอยู่เช่นเดิม
ถ้าไม่เพราะมีไม้ค้ำช่วยนำทาง เราคงหลงไปนานแล้ว…
ทันใดนั้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันว่างเปล่ารอบตัว หางตาไคลน์พลันเหลือบเห็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์เรียกว่าปราสาท กำลังลอยอยู่ตรงมุมสายตาหลังหนึ่ง สีดำล้วน ยอดแหลมสูงตระหง่าน กำแพงเต็มไปด้วยเถาวัลย์หนาทึบ แฝงกลิ่นอาย ‘โกธิก’ อย่างเต็มเปี่ยม
ยอดปราสาทมีหญิงสาวร่างกายโปร่งแสงคนหนึ่งกำลังยืนเด่นสง่า ตัวใหญ่ สูงเกือบเท่าปราสาท สวมเดรสสีดำยาว มอบความรู้สึกหรูหราและอึมครึม หล่อนไม่มีหัว รอยตัดตรงคอเรียบเนียนและไม่ชวนหวาดเสียว แขนสองข้างที่ห้อยลงมากำลังหิ้ว ‘ศีรษะ’ จำนวนสี่เศียร แบ่งเป็นข้างละสองเศียร หิ้วโดยการจับปลายเส้นผมยาวสลวยสีทองไว้แน่นกระชับ ทั้งสี่เศียรมีดวงตาสีแดงก่ำ ใบหน้าสะสวย หากพิจารณาให้ดีจะพบว่า เศียรทั้งหมดเหมือนกันราวกับแกะ
เมื่อไคลน์ จักรพรรดิมืด เหาะผ่านหน้าหล่อนไป เศียรทั้งสี่พลันกะพริบตาพร้อมกัน
ไคลน์ไม่หันไปตอบสนอง รีบบินตามไม้ค้ำโดยไม่เสียเวลาเหลียวมอง
หญิงสาวปริศนาหมุนตัวเล็กน้อย เพื่อให้ศีรษะในมือมองตามไคลน์จนกระทั่งลับสายตา
หล่อนเป็นตัวอะไรกันแน่…
ขณะกำลังครุ่นคิด ชายหนุ่มเห็นไม้ค้ำสีดำพลันพุ่งลงไปลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว
มันรีบเหาะตาม และเป็นอีกครั้งที่ได้สัมผัสประสบการณ์คล้ายกระโดดตึก
ราวเจ็ดแปดวินาทีถัดมา เบื้องล่างไคลน์ปรากฏภาพอันไม่คมชัดของอาคารซากปรักหักพังขนาดใหญ่
ด้านนอกอาคารมีแมงกะพรุนยักษ์ตัวหนึ่งกำลังลอยเอื่อยเฉื่อย ดูแล้วน่าจะเป็นสัตว์วิญญาณ มันเหยียดหนวดยาวโปร่งใสที่ปกคลุมด้วยเมือกบางออกไปรอบตัว คล้ายกับบริเวณดังกล่าวเป็น ‘อาณาเขต’ ของมัน
สุดปลายหนวดแต่ละข้างมีกะโหลกมนุษย์สีขาวนมสดเชื่อมติด เบ้าตาลึก กำลังโยกเอนอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน ไปตามการเคลื่อนไหวของร่างกายที่มีเพียงน้อยนิด
ไม้ค้ำสีดำพุ่งผ่านสิ่งมีชีวิตประหลาดไป ก่อนจะหยุดค้างเหนือซากอาคารมายาที่พังถล่มจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
พบเป้าหมายแล้ว? ไคลน์ดีใจในตอนต้น แต่ก็ต้องหันมาจ้องแมงกะพรุนยักษ์กำลังโบกกะโหลกมนุษย์ไปมา
ถึงจะอยู่ในสภาพพร้อมรบ แต่ไคลน์ก็ไม่คิดโจมตีบุ่มบ่าม ก่อนอื่น มันพยายามแผ่ออร่าความน่าเกรงขามด้วยลักษณะพิเศษของ ‘จักรพรรดิมืด’ และใช้ดวงตาเย็นชาจ้องมองเข้าไปในเบ้ากะโหลกดำลึก
แต่เมื่อสามวินาทีผ่านไปโดยไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไคลน์ตัดสินใจพ่นถ้อยคำเฮอร์มิสโบราณ :
“ถอยไป!”
หมวดแมงกะพรุนสั่นกระตุกสองหน ก่อนที่ร่างกายขนาดมหึมาของมันจะค่อย ๆ แหวกว่ายหนีไปอย่างเชื่องช้า เลือนหายไปในโลกวิญญาณอันกว้างใหญ่
ไพ่จักรพรรดิมืดยังใช้การได้ดี…แต่ถ้าไม่ได้ผล เราจะโยนนกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิกออกไป ลูกหลานเทพมรณาคงมีอิทธิพลในโลกวิญญาณไม่มากก็น้อย…
ไคลน์หายใจทั่วท้อง ร่อนลงเล็กน้อย และก้มหยิบไม้ค้ำเนื้อแข็งสีดำที่ลอยอยู่กลับมาถือ
ถัดมา ด้วยสีหน้าคาดหวัง ชายหนุ่มเร่งความเร็วเพื่อร่อนลงไปให้ถึงพื้นซากปรักหักพังเบื้องล่าง
สำหรับมัน ถึงจะถูกโบสถ์วายุสลาตันกับกองทัพพบรังคาเวทูว่าตัดหน้าและกอบโกยสมบัติมีค่ากลับไป แต่หากยังมีเศษวัตถุวิเศษหลงเหลือแม้เพียงน้อยนิด ก็นับว่าคุ้มค่าแล้วกับการยอมเสี่ยงถ่อมาถึงตรงนี้
หรือต่อให้ไม่มีสิ่งใดเหลือเลย แต่เรายังมีโอกาสศึกษาร่องรอยของซากโบราณสถานเอลฟ์ บางที อาจมีจิตรกรรมฝาผนังให้ตีความ เท่านี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว…
ไคลน์ร่อนผ่านม่านล่องหน ทันใดนั้น อากาศรอบตัวพลันหนักอึ้งกะทันหัน
ทัศนวิสัยรอบตัวแปรเปลี่ยนทันที ห้วงมิติทั้งหมดกลายเป็นดินแดนใต้น้ำ ของเหลวสีฟ้าครามกำลังเติมเต็มพื้นที่ทุกซอกมุม
ก้นทะเลคือโบราณสถานเก่าแก่บรรยากาศอึมครึม อาคารโดยรอบพังทลายจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่บางตึกก็พังลงไปเพียงครึ่ง
เสาหินต้นใหญ่ สลักลวดลายและอักขระพิสดาร ลอยสูงจากจุดใจกลางซากอาคารอย่างโดดเด่นในสภาพเอนเอียง มีแนวโน้มว่ามันเคยเหยียดตรงมาก่อนในอดีต ลักษณะดูคล้ายกับเสาเอกของอาคาร คอยค้ำยันดินแดนแห่งนี้ไว้อย่างมั่นคง แต่สำหรับปัจจุบัน เสาต้นยักษ์อยู่ในสภาพแตกหักและล้มเอนไปพิงกับอาคารใกล้เคียง
ไคลน์จดจำเสาหินได้ทันที เพราะเคยเห็นจากนิมิตบนมิติเหนือสายหมอก เป็นฉากของเทพสมุทร·คาเวทูว่ากำลังเลื้อยพันรอบเสาหินด้วยพฤติกรรมเสียสติ ที่นี่จึงเป็นรังของคาเวทูว่าบนโลกวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเริ่มสัมผัสถึงความเจ็บปวด เคียดแค้น เดือดดาล และบ้าคลั่ง คุกรุ่นอยู่ในบรรยากาศรอบตัวอย่างเข้มข้น ไคลน์เดาว่า นี่คงเป็นผลพวงจากเสียงคำรามสุดท้ายของคาเวทูว่าก่อนเสียชีวิต
ตายแล้วสินะ…
ชายหนุ่มกำไม้ค้ำแน่น ร่อนลงไปบนทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินสีเทาอมเขียวด้านหน้าซากโบราณสถาน
สองข้างทางถนนมีต้นเสาหินเรียงราย ลักษณะไม่ใหญ่ไม่สูง สลักลวดลายประหลาดที่แตกต่างจากเสาใจกลาง
ใต้ต้นเสาหินทุกต้นจะมีใครบางคนนั่งอยู่เสมอ บ้างสวมชุดคลุมยาวโบราณ บ้างสวมแจ็คเก็ตสีน้ำตาลล้ำสมัย
เมื่อตระหนักถึงผู้บุกรุก ทุกคนรีบชักอาวุธ มีทั้งดาบ ขวาน และอีกมากมาย เป็นการตอบสนองทันทีและด้วยอากัปกิริยาอืดอาด สายตาทุกคู่หันมาจ้องไคลน์ไม่กะพริบ เผยให้เห็นผิวหนังแห้งกร้านสีเทาซีด และร่างกายซูบผอมติดกระดูกจนแทบจะปราศจากเนื้อหนัง
พวกมันยืนเพ่งมองชุดเกราะและมงกุฎสีดำสนิทของไคลน์ ด้วยแววตาแฝงความคลั่งไคล้และว่างเปล่า
ปากขนาดยักษ์ของงูทะเลกำลังกัดลงบนโคนเสาหิน เขี้ยวสีขาวหลายซี่ฝังจมลงไป
ช่วงลำตัวถัดจากศีรษะพาดยาวไปตามพื้นห้องโถงใหญ่ กินพื้นที่มากถึงหนึ่งในสาม มองผิวเผินคล้ายกับสันเขาลูกหนึ่ง ทว่า ตามลำตัวเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ บ้างเหวอะหวะ บ้างเห็นถึงกระดูก
ละอองแสงสีฟ้ากำลังลอยไปรวมตัวบริเวณฟันซี่หนึ่งที่ยาวกว่าท่อนแขนมนุษย์เล็กน้อย ส่งผลให้เขี้ยวลักษณะโค้งงอเริ่มเหยียดตรงทีละนิดเมื่อเวลาผ่านไป
เสียงคำรามแฝงความเคียดแค้นยังคงอัดแน่นจนเต็มห้องโถง ส่งผลให้ร่างวิญญาณของไคลน์เริ่มสูญเสียเสถียรภาพ
ที่นั่น ใกล้กับศพของคาเวทูว่า ชายชราคนหนึ่ง สวมหมวกนักบวช กำลังโน้มตัวลงไปบนท้องของคาเวทูว่า
เส้นผมสีเทาซีจาง มองผิวเผินจึงเหมือนกับก้อนหินสีเทา ใบหน้าหันเข้าหาศพ เสียงประหลาดไม่เป็นภาษาเล็ดลอดออกจากลำคอตลอดเวลา ไคลน์มิอาจทราบได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำสิ่งใด
รอบศพงูทะเลยักษ์เต็มไปด้วยซากมัมมี่แห้งกรังนอนเรียงราย ลักษณะคล้ายกับ ‘องครักษ์เทพสมุทร’ ด้านนอก เพียงแต่พิสดารกว่าหลายเท่า บางศพท้องป่องจนผิดธรรมชาติ บางศพท้องแตก แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ รอบริมฝีปากจะถูกฉาบด้วยคราบสีแดงแห้งกรังคล้ายเลือด มีสีฟ้าเจือปนอยู่เล็กน้อย
ละอองพลังงานสีฟ้ากำลังหลั่งไหลออกจากศพมัมมี่ มุ่งหน้าไปรวมตัวกัน ณ ฟันโค้งซี่หนึ่งในปากศพคาเวทูว่า
ยังไม่ทันที่ไคลน์จะไขปริศนาเหตุการณ์จนกระจ่าง ร่างกายชายชราสวมหมวกนักบวชตรงท้องคาเวทูว่าเริ่มสั่นกระตุก ต่อด้วยยืนขึ้นและหันหลังกลับมา
ด้วยตาของมันส่องแสงสีฟ้าสว่างจ้า เลือดสดเปียกชุ่มเต็มปาก กรามกำลังบดเคี้ยวก้อนเนื้อปริศนา
ในจุดที่มันเพิ่งเอาหน้าออกมา บาดแผลบนศพคาเวทูว่ามีสภาพเหวอะหวะชวนอ้วกแตกอ้วกแตน มวลเนื้อแหว่งไปเป็นจำนวนมาก อีกนิดเดียวก็จะเผยให้เห็นกระดูกสีขาว
ชายคนนี้กินศพเทพสมุทร·คาเวทูว่า!
นี่มัน…ไคลน์ขมวดคิ้ว เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว :
หลังจากคาเวทูว่าตาย นักบวชและองครักษ์ในห้องโถงต่างพากันเสียสติ จึงเริ่มกัดกินศพอย่างบ้าคลั่ง!
จนถึงตอนนี้ ตะกอนพลังของคาเวทูว่ายังควบแน่นกลายเป็นผลึกไม่เสร็จ ส่งผลให้พลังพิเศษส่วนใหญ่ยังคงฝังอยู่ในศพ เมื่อกินเนื้อจากศพเข้าไป บรรดาองครักษ์และนักบวชจึงเผชิญปัญหา ‘ดื่มโอสถเกินขนาด’ หรือไม่ก็ ‘ดื่มโอสถขัดแย้งกับเส้นทาง’ จนหลายคนเสียชีวิตคาที่
แต่ก็มีหลายรายโชคดีพอจะรอดชีวิตมาได้ในอัตราต่ำ ไม่คลุ้มคลั่งและกลายเป็นสัตว์ประหลาด บางรายสามารถข้ามลำดับพลังจนกลายเป็นตัวตนแข็งแกร่ง บางรายได้ครอบครองพลังของหลายเส้นทาง กลายเป็นผู้วิเศษกึ่งเสียสติแต่ทรงพลัง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ล้วนอันตรายทั้งสิ้น!
สายตาไคลน์เบือนจากใบหน้าของนักบวช ลงมายังบริเวณช่องท้องบวมป่อง คล้ายกับสตรีตั้งครรภ์ ของอีกฝ่าย
ท้องของนักบวชกำลังยุบพองรุนแรง ราวกับด้านในมีหัวใจขนาดใหญ่ฝังอยู่!
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ