ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 548

สรุปบท ราชันเร้นลับ 548: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

อ่านสรุป ราชันเร้นลับ 548 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บทที่ ราชันเร้นลับ 548 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 548 : ลูกเล่นล้มพวกตัวใหญ่
ราชันเร้นลับ 548 : ลูกเล่นล้มพวกตัวใหญ่
โดย
Ink Stone_Fantasy
รอบตัวไคลน์เต็มไปด้วยน้ำทะเลสีครามและซากโบราณสถานที่ผสานเข้ากับโลกวิญญาณครึ่งหนึ่ง ในสภาพสวมชุดเกราะสีดำเต็มอัตราศึก ชายหนุ่มกำลังยืนหน้าประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่ ด้านในมีศพงูทะเลยักษ์สีฟ้าที่โดนกัดกิน และนักบวชท้องป่องอีกหนึ่งคน

ด้วยผิวพรรณสีเทาเข้ม ดวงตาสีฟ้าของรายหลังพลันส่องสว่างยิ่งกว่าเดิม โดยมันกำลังจ้องมอง ‘ผู้มาเยือน’ ที่สวมมงกุฎสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับไม่แน่ใจว่าควรเริ่มเขมือบจากส่วนใดก่อนดี

โดยไม่ลังเล ไคลน์คิดไวทำไว ใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในตัว และหยิบขวดแก้วสีน้ำตาลออกมา

จากนั้น มันเหยียดแขนซ้ายออก ใช้ปลายนิ้วหมุนเกลียวขวดและโยนออกไปอย่างคล่องแคล่ว เป็นการทิ้ง ‘ขวดพิษชีวภาพ’ ไว้ตรงมุมห้องโถงใหญ่ของซากปรักหักพัง

ภายใต้สภาพแวดล้อมพิเศษของสนามรบกึ่งทะเลกึ่งโลกวิญญาณ นอกจากเพลิงมายาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้จัดการอันเดดและมาร จะไม่มีเพลิงชนิดใดสามารถถูกจุดให้ติดได้ ส่งผลให้สองเวทมนตร์สำคัญของนักมายากลต้องกลายเป็นหมันไปโดยปริยาย ด้วยเหตุผลดังกล่าว ชายหนุ่มจึงต้องเร่งสร้างความได้เปรียบกับตัวเองให้มากที่สุด

ขณะขว้างขวดพิษชีวภาพ ถุงมือข้างซ้ายของไคลน์เริ่มส่องแสงอย่างรวดเร็ว สว่างจ้าประหนึ่งแสงตะวันยามเที่ยงตรง

น้ำทะเลโดยรอบเริ่มถูกฉาบด้วยแสงทองอร่าม ขอบเขตของแสงค่อย ๆ กระจายตัวออกไปทีละนิด

นี่คือหนึ่งในพลังของ ‘นักบวชแสง’ จากถุงมือยุบพองหิวโหย ‘แสงชำระล้าง’

นักบวชชราที่กินเนื้อศพคาเวทูว่าเข้าไปย่อมปราศจากมารยาท มันมิได้ถือเกียรติของอัศวินและรอให้ไคลน์เตรียมตัวให้เสร็จจึงค่อยลงมือ แสงสีฟ้าในดวงตาทวีความเข้มข้น ช่องท้องที่บวมพองเริ่มนูนยื่นเด่นชัดกว่าเก่า

“วี๊~”

สุ้มเสียงอันล่องลอยแต่แหลมเล็กดังจากลำตัวนักบวชเฒ่า ปกคลุมซุกซอกมุมของโบราณสถานอย่างทั่วถึง

เสียงเมื่อครู่ฟังดูคล้ายกับเสียงร้องของนกไนติงเกล ทั้งงดงาม ไพเราะ อ่อนโยน และสันติสุข แต่แฝงด้วยบรรยากาศเย็นเฉียบ กัดกร่อนทะลวงเข้าไปถึงกระดูกสันหลัง

ไคลน์พลันชะงัก ร่างกายแข็งทื่อ ห้วงความคิดเหลือเพียงความรู้สึกเย็นยะเยือกสุดขีด กัดกินกายและใจในเวลาเดียวกัน

ทันใดนั้น ร่างกายนักบวชเฒ่าเริ่มพองออก ประหนึ่งเป็นร่างจุติของคาเวทูว่าหรือไม่ก็เผ่าพันธุ์คนยักษ์ในตำนาน

ภายใต้ชุดคลุมสภาพฉีกขาด หนวดสัตว์สีฟ้ามันเลื่อมหลายเส้น ทุกเส้นรายล้อมด้วยประกายสายฟ้าสีเงิน กำลังเคลื่อนที่อย่างพลิ้วไหวใต้สายน้ำ ก่อนจะพุ่งปรี่เข้าหาไคลน์ผู้อยู่ในสภาพยืนมึนงง

เปรี้ยง!

เกิดแสงระเบิดสีเงินสว่างเจิดจ้า ไคลน์กระเด็นกระแทกใส่บานประตูห้องโถงด้วยแผ่นหลัง ผิวเกราะเหล็กมันวาวเริ่มอับแสงและปรากฏรอยร้าวจำนวนมาก ไม้ค้ำในมือหลุดกระเด็นไปยังมุมห้องอย่างไม่ได้สติ

ในจังหวะเมื่อครู่ ขณะร่างกายกำลังชะงักจากเสียงเพรียกพิสดาร ไคลน์ไม่เหลือสติพอจะใช้งานกระดาษคนตัวแทนได้ทัน จึงต้องรับกรรมเป็นความเสียหายอันหนักหน่วง

หากไม่เพราะมีไพ่จักรพรรดิมือและนกหวีดทองแดงอะซิกช่วยเสริมความแกร่งของร่างวิญญาณ ด้วยแกนพลังที่เป็นเพียงผู้วิเศษลำดับ 6 การโจมตีเมื่อครู่สามารถทำให้ร่างวิญญาณหายไปได้ภายในหนึ่งวินาที

หนวดสัตว์จำนวนมากวกกลับลงมาหาเหยื่ออีกครั้งด้วยความเร็วสูง

เมื่อไคลน์ได้สติ มันรีบกลิ้งตัวหลบฉิวเฉียด

หางตาชายหนุ่มชำเลืองร่างกายอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวกลับ วิ่งตรงไปทางประตูหน้าสุดของโบราณสถานโดยปราศจากความลังเล พฤติกรรมดังกล่าวแฝงจุดประสงค์บางอย่างเอาไว้

กึก. กึก. กึก.

ไคลน์กึ่งวิ่งกึ่งเหาะ สีหน้าอึมครึม ด้านหลังมีหนวดสัตว์อาบสายฟ้าจำนวนมากของนักบวชกำลังพุ่งตามมา จุดประสงค์เพื่อกีดขวางเส้นทางและนำตัวไคลน์กลับไปยังห้องโถง แต่การโจมตีทั้งหมดล้วนพลาดเป้า เป็นผลจากความคล่องแคล่วสลับกับเทคนิคนักกายกรรมอันยอดเยี่ยม

ทันใดนั้น ท้องของนักบวชเฒ่าบวมพองเล็กน้อยจนยากจะสังเกตเห็น มาพร้อมกับเสียงเพรียกดังกังวานไปทั่วโบราณสถาน

แต่ราวนี้ ไคลน์มีสติมากพอจะเตรียมรับมือ แม้ร่างกายอาจเชื่องช้าลงไปบ้างเนื่องจากยังฟื้นฟูได้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็เร็วพอจะใช้กระดาษคนตัวแทนให้รอดพ้นจากเสียงเพรียกอันน่าสะพรึงกลัว

ในที่สุด นักบวชเฒ่าเริ่มเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิม ทุกย่างก้าวของมันเป็นไปอย่างหนักแน่นแต่ว่องไว โดยหวังไล่จับศัตรูให้ทัน

แต่เมื่อนักบวชร่างยักษ์วิ่งตรงมาถึงประตูหน้าสุดของโบราณสถาน ศีรษะของมันกลับพุ่งชนหลังคาและกำแพงเข้าอย่างจัง!

อันที่จริง ประตูบานนี้มีไว้สำหรับให้คาเวทูว่าร่างยักษ์ผ่านเข้าออกเป็นประจำ ขนาดตัวของนักบวชเฒ่าจึงไม่ควรเป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม หลังจากคาเวทูว่าอาละวาดเกรี้ยวกราดเป็นหนสุดท้ายก่อนตาย อาคารที่เป็นซากปรักหักพัง ก็ยิ่งพังถล่มมากกว่าเก่า เศษหินดินตกลงมาปิดทางออกจนเหลือความสูงเพียงสองเมตร และกว้างหนึ่งเมตร ส่งผลให้นักบวชเฒ่าในสภาพเสียสติโดยสมบูรณ์ วิ่งเข้าใส่ประตูด้วยความเคยชิน โดยคิดว่าจะผ่านไปได้เหมือนทุกครั้ง

ร่างกายของนักบวชพลันชะงักงัน

ไคลน์ที่รอคอยสิ่งนี้มาตลอด หยุดฝีเท้าและรีบหมุนตัวกลับหลัง

ชายหนุ่มหรี่ตาลง เหยียดตัวตรง กางแขนสองข้างออกกว้างจนเกือบสุด

เสาลำแสงสว่างเจิดจ้าที่รายล้อมด้วยเพลิงสีทองมายา สาดเทลงจากเบื้องบนและปะทะร่างของนักบวชเฒ่าอย่างแม่นยำ

เสื้อผ้าบางส่วนถูกแผดเผาทันที ผิวหนังสีเทาเริ่มหลอมละลายคล้ายโคลน บางจุดระเหิดหายภายใต้แสงสว่างอันบริสุทธิ์

ในวินาทีนี้ ไคลน์เพิ่งจะเห็นว่าภายในท้องของนักบวชเฒ่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่

ท่ามกลางผิวหนังตึงแน่น บางส่วนแนบชิดมากกว่าจุดอื่น และเผยให้ไคลน์เห็นสองดวงตาและหนึ่งปาก

ราวกับในท้องของนักบวชเฒ่า มีใบหน้าของใครบางคน พยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้ออกมาสู่โลกภายนอก!

โครม!

แม้ขาทั้งสองข้างของนักบวชเฒ่าจะถูกปกคลุมด้วยเกล็ดไหม้ แต่มันก็สามารถหลุดพ้นจากประตูทางเข้าคับแคบสำเร็จ เศษหินกระเด็นกระดอน ท้องทะเลปั่นป่วนโกลาหล

อย่างไรก็ตาม ถึงจะหลุดจากเสาลำแสงสุริยันมาได้ แต่ผิวหนังส่วนใหญ่ได้ละลายจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ บน ‘ใบหน้า’ ตรงช่องท้องก็ไม่มีข้อยกเว้น ยังคงปรากฏให้เห็นรอยไหม้เจือจางเหมือนจุดอื่น

ฟุุ่บ!

หนวดสัตว์ของนักบวชที่รายล้อมด้วยสายฟ้า โหมกระหน่ำพุ่งโจมตีไคลน์อย่างเกรี้ยวกราดจากทุกทิศทาง โดยมี ‘ใบหน้า’ บนช่องท้องคอยสร้างเสียงหวีดร้องอย่างต่อเนื่อง หวังให้เหยื่อเสียจังหวะและชะงักงัน

ไคลน์พยายามหลบหลีกสุดฝีมือ ทั้งเร่งความเร็ว กลิ้งม้วนตัว หรือวิ่งเป็นวงกลมอย่างใจเย็น โยกหลบซ้ายทีขวาที อีกฝ่ายวิ่งไปทางไหน ไคลน์จะหนีไปทางตรงกันข้าม เป็นภาพที่ไม่ต่างอะไรกับเพลงเต้นของอินเดีย

ตลอดกระบวนการ ชายหนุ่มอาศัยความช่วยเหลือจากกระดาษคนตัวแทน ในการเอาตัวรอดจากเสียงเพรียกของ ‘ท้อง’ หนเล่า และหากเป็นไปได้ มันจะขัดขวางการ ‘ร้อง’ ของอีกฝ่ายด้วยเสียงหวีดแหลม อันเป็นพลังเฉพาะตัวของทุกร่างวิญญาณ

เมื่อหนวดข้างใดสัมผัสกับเสาลำแสงศักดิ์สิทธิ์เข้า หนวดนั้นจะขาดสะบั้นและลงไปดิ้นชักกระตุกบนพื้นอย่างสิ้นฤทธิ์

เมื่อเสาแสงสุริยันเลือนหาย ใบหน้างูทะเลอันชั่วร้ายในท้องนักบวชเฒ่าเริ่มอ้าปากกว้าง เตรียมส่งเสียงเพรียกก่อกวนประสาทอีกครั้ง

ทว่า นักบวชเฒ่าพลันกุมท้องงอตัวกะทันหัน ตามด้วยการไออย่างรุนแรงและต่อเนื่อง เสียงเพรียกของงูทะเลจึงถูกระงับ

ขวดพิษชีวภาพเริ่มทำงาน!

ไคลน์ไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือ รีบเหยียดตัวตรงและกางแขนออกในท่าโอบกอดดวงอาทิตย์

แสงสุริยันสาดเทลงมาอีกครั้งพร้อมกับทะเลเพลิงมายาสีทอง ร่างกายของนักบวชเฒ่าถูกแผดเผาหยุดทำงานโดยสมบูรณ์ ตามด้วยการงอตัวลงไปนอนกองบนพื้นหินในสภาพผิวหนังเริ่มละลาย ขณะเดียวกัน ใบหน้างูทะเลชั่วร้ายได้ส่งเสียงโหยหวนเป็นหนสุดท้าย ก่อนจะเลือนหายลับสายตาไปอย่างสมบูรณ์

จนกระทั่งแสงสุริยันดับลง ร่างกายอันใหญ่โตของนักบวชเฒ่ากลับสู่ขนาดเดิม กระดูกสีขาวละลายไปเกือบหมด เหลือเพียงเศษเนื้อสีเทาเข้มแห้งกรังเกาะตามลำตัวประปราย

ลมหายใจของมันรวยรินและเริ่มขาดห้วง ดวงวิญญาณเริ่มระเหิดด้วยความเร็วสูง

ไคลน์รีบปรี่เข้าไปใกล้ และสื่อวิญญาณในรางวิญญาณโดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรม

ชายหนุ่มต้องการยืนยันให้แน่ใจว่า นักบวชเฒ่ารายนี้เป็นคนชั่วช้าสามานย์สมควรได้รับความตายอย่างไร้ความปรานี

ชายหนุ่มกำหนดมาตรฐานศีลธรรมขั้นต่ำสุดของตนเอาไว้แล้ว สิ่งนี้เกิดจากความรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจ ขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือช่วยให้ไม่ถลำลึกเข้าสู่ความบ้าคลั่งจนยากจะถอนตัวกลับ

เพียงพริบตา ภาพเหตุการณ์มากมายผุดขึ้นในสมองไคลน์ หนึ่งในนั้นคือฉากที่นักบวชเฒ่ากำลังเป็นแกนนำจัดพิธีกรรมสังเวยชีวิตมนุษย์

ได้เห็นภาพดังกล่าว ไคลน์ไม่ลังเลอีกต่อไป แขนซ้ายถูกเหยียดตรงแนบกับศพ ปล่อยให้ถุงมืออันหิวโหยลิ้มรสอาหารมื้ออร่อยจนเสร็จ

เนื้อหนัง วิญญาณ และกระดูกถูกสูบเข้าไปในปากที่อ้ากว้างกึ่งกลางฝ่ามือ ระหว่างนั้นก็มีละอองแสงสีฟ้าอ่อนลอยออกมาเล็กน้อย

ไคลน์ยังได้ข้อมูลมาอีกว่า นักบวชคนดังกล่าวอยู่ในลำดับ ‘นักปลอบวิญญาณ’ สมัยยังมีชีวิต สูตรโอสถและวัตถุดิบมาจากโบสถ์เทพสงครามแห่งจักรวรรดิฟุซัค โดยหลังจากกลายเป็นองครักษ์เทพสมุทร มันสูญสิ้นสตินึกคิดโดยสิ้นเชิง รู้จักเพียงการทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด แต่หลังจากการร่วงหล่นของคาเวทูว่า สัญชาตญาณได้สั่งให้มันกินเลือดเนื้อของเทพที่ตนศรัทธา จนกระทั่งตะกอนพลังสองเส้นทางปะปนกันในร่างเดียว กลายเป็นสัตว์ประหลาดขาดสติ

เมื่อยุบพองหิวโหยอิ่มเอมใจ ละอองพลังงานบนพื้นและรอบโบราณสถานทั้งหมดพลันเกิดปฏิกิริยารุนแรง แปรเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นพายุเฮอริเคน หมุนวนใจกลางห้องโถงใหญ่ ก่อนจะไหลไปรวมตัวภายในเขี้ยวสีขาวนมสดและไม่โค้งงออีกต่อไป

ไคลน์หันไปมองและพบว่า ศพของคาเวทูว่าไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว ลักษณะคล้ายกับก้อนโคลนเหนียวข้น ในส่วนของเขี้ยวงูทะเลที่ดูดซึมละอองพลังทั้งหมดเข้าไป สิ่งนี้แปรสภาพกลายเป็นคทาสั้น ถูกสอดไว้ท่ามกลางเศษหินถล่มของเสาต้นใหญ่ใจกลางโบราณสถาน

หัวคทาสีขาวถูกเลี่ยมด้วย ‘อัญมณี’ สีฟ้าจำนวนมาก บ้างเป็นสีฟ้าเข้มหม่นหมอง บ้างเป็นสีฟ้าสว่างเจิดจ้า

เมื่อเห็นยุบพองหิวโหยหยุดกิน ไคลน์รีบรุดหน้าไปยังใจกลางห้องโถง และค่อยๆ ขยับเข้าใกล้คทาดังกล่าวอย่างระมัดระวัง

แต่ยังไม่ทันได้สัมผัส เสียงวิงวอนของผู้คนจำนวนมากพลันพรั่งพรูเข้าสู่หัวสมอง ภาพมายาถูกฉายในดวงตา ไคลน์ได้เห็นสาวกจำนวนมากกำลังหมอบกราบภาวนา ได้เห็นกลุ่มต่อต้านกำลังร่ำไห้ต่อหน้าเทวรูปแตกหัก

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ