กล้ามเนื้อแก้มของเดนิสพลันกระตุก มันทำได้เพียงฝืนยิ้มโดยกลบเกลื่อนว่าตนมิใช่เพลิงพิโรธ และไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน
จนกระทั่งไอร์แลนด์กลับไป เดนิสเดินวนไปมาอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะหันไปพูดกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“ฉันคิดพวกเราควรย้ายไปพักโรงแรมอื่น ไม่สิ… ต้องรีบออกจากบายัมให้เร็วที่สุด!”
หากเรามีค่าหัวเกินกว่าห้าพันปอนด์ การเดินทางไปไหนมาไหนจะไม่ใช่เรื่องปลอดภัยอีกต่อไป! ไอ้พวกนักผจญภัยและโจรสลัดระดับเดียวกับเราจะโถมเข้าใส่ประหนึ่งฉลามหิวเลือด! สำหรับโจรสลัด ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะหมายหัวเหยื่อที่ตนคิดว่าล่าไหว นอกจากจะทำเงินก้อนโตได้เร็ว ยังเป็นการสร้างชื่อเสียงไปในตัว โจรสลัดที่มีค่าหัวเกินฝีมือจึงไม่ต่างอะไรกับหีบสมบัติ!
เดนิสจินตนาการถึงหายนะที่กำลังคืบคลานเข้าใกล้ตนทุกขณะ
ไคลน์มิได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธ เพียงยิ้ม :
“ค่าหัวมากเกินฝีมือ… ก็เลยกังวล?”
เดนิสพยักหน้าหนักแน่น ยอมรับว่าคำพูดของชายเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ มีเหตุผลเป็นอย่างยิ่งในคราวนี้
“นอกจากหลบหนี… ยังมีอีกหนึ่งวิธี”
ไคลน์กล่าวพลางเดินไปยังราวแขวนผ้าหน้าประตูห้อง
“วิธีอะไร…” เดนิสถามด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มดึงหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูงออกจากราว และสวมลงบนศีรษะของตน
“เพิ่มลำดับพลัง”
ให้สอดคล้องกับค่าหัว…
ไคลน์สวมโค้ท บิดกลอนประตู และเดินออกจากห้องพักสุดหรู
เพิ่มเป็นลำดับ 6? นักวางแผน?
เดนิสชะงักไปหลายวินาที ก่อนจะขมวดคิ้วพลางเผยรอยยิ้มขื่นขม
ขณะดื่มโอสถลำดับ 9 นักล่า และลำดับ 8 นักยั่วยุเข้าไป เดนิสไม่พบปัญหาใดเลย จนถึงขั้นเคยวาดฝันว่า ตนอาจเติบโตและกลายเป็นผู้ค้นพบหนึ่งในสมบัติระดับตำนาน หรือไม่ก็ตามล่าสูตรผลิตและวัตถุดิบโอสถมาขายได้เป็นกอบเป็นกำ เลื่อนลำดับกลายเป็นครึ่งเทพ และก้าวขึ้นเป็นราชาโจรสลัดคนที่ห้า แต่ทุกสิ่งเปลี่ยนไปหลังจากดื่มโอสถลำดับ 7 นักวางเพลิง ความเจ็บปวดเจียนตายและความรู้สึกหวาดกลัวยังคงตามหลอกหลอนในบางคืน
เดนิสแทบไม่อยากเชื่อ ทั้งที่ตนทำตามคำแนะนำของกัปตันอย่างเคร่งครัด คอยยั่วยุศัตรูในทุกโอกาสสมัยยังเป็นลำดับ 8 แต่กลับลงเอยด้วยการเกือบคลุ้มคลั่งหลังจากดื่มโอสถลำดับ 7 เข้าไป
เดนิสไตร่ตรองอย่างจริงจังทันที ตนควรหยุดการเดินทางไว้เพียงเท่านี้ดีไหม เงินออมในปัจจุบันก็นับว่ามาก สามารถกลับไปเป็นเศรษฐีในสาธารณรัฐอินทิสได้สบาย
มันยืนนิ่งเป็นเวลานาน เหม่อลอยราวกับคนจิตหลุดหลายวินาที ก่อนจะตั้งคำถามกับตัวเอง
ถึงเราอยากดื่มโอสถลำดับ 6 ตอนนี้ แต่กว่าจะเตรียมการเสร็จก็คงอีกนานโข ต้องเสียเวลาค้นหาสูตรผลิต เสียเวลารวบรวมวัตถุดิบหลัก กิจกรรมข้างต้นล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ค่าหัวของเราสามารถเพิ่มขึ้นได้ทุกวัน อาจเป็นพรุ่งนี้ วันมะรืน หรือแม้กระทั่งวันนี้!
ดังนั้น อย่างน้อยก็ต้องเปลี่ยนโรงแรม หรืออย่างมากก็ต้องรีบออกจากบายัมให้เร็วที่สุด!
…
หลังออกจากบริษัทการค้าราล์ฟ อัลเจอร์ทำตัวเสมือนว่ายุ่งมาก แต่ความจริงแล้วแค่ทำงานพอเป็นพิธี เดินไปนั่นมานี่เพื่อไถ่ถามเบาะแสจากคนในพื้นที่ จนกระทั่งใกล้ช่วงเที่ยงวัน มันได้รับข่าวด่วนกะทันหัน
“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ผู้ที่นำใบประกาศมาแปะหน้าวิหารคือเพลิงพิโรธ เดนิส พยายามสืบหาแหล่งกบดานของมัน”
เพลิงพิโรธ เดนิส…
อัลเจอร์ยื่นแขนออกไปรับแผ่นกระดาษ พลางพึมพำทวนชื่อของบุคคลที่เป็นเป้าหมายภารกิจในใจ มุมปากบรรจงยกโค้งทีละนิด ความคลางแคลงทั้งหมดถูกขจัดจนเกลี้ยง
มันจินตนาการภาพตัวเองล่องเรือออกไปล่าวัตถุดิบอย่างมีความสุข อัลเจอร์เชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ตลอดการเดินทางจะประสบแต่ความราบรื่น
การล่องเรือของเราต้องไปได้สวยแน่ เพราะตัวตนใหม่ของมิสเตอร์ฟูลมีชื่อว่า…
เทพสมุทร!
…
เนื่องจากพลาดช่วงเวลาของดาวสีครามไปในตอนเช้า เดนิสจึงต้องรอจนถึงสี่โมงเย็น จึงสามารถประกอบพิธีกรรมวิญญาณสถิตขณะเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่อยู่ที่ห้อง
มันวาดสัญลักษณ์ของเทพปัญญาความรู้อย่างชำนาญ เป็นภาพดวงตาแห่งปัญญาลอยเหนือหนังสือที่กำลังกางออก ขณะเดียวกัน เดนิสจัดแจงประกอบแท่นบูชาด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
ภายในกำแพงวิญญาณ มันจุดเทียนไข หยิบขวดสารสกัดลาเวนเดอร์และมินต์ เปิดฝาหยดลงบนเปลวเทียนที่กำลังลุกไหม้
ท่ามกลางกลิ่นสดชื่นและหอมหวนฟุ้งกระจาย เพลิงพิโรธ·เดนิสยังคงจุดเผาผงสมุนไพรอีกหลายชนิดอย่างต่อเนื่อง
เมื่อจัดการเสร็จทั้งหมด มันก้าวถอยหลังพลางเปล่งเสียงภาษาเฮอร์มิสโบราณ
“ข้าขอวิงวอนเพื่อพลังแห่งความรู้… ข้าขอวิงวอนเพื่อพลังแห่งเหตุและผล… ข้าขอวิงวอนโดยปรารถนาความเมตตาจากเทพแห่งปัญญา… ข้าต้องการสื่อสารทางวิญญาณกับ อาจารย์ผู้แสวงหาความรู้ นักวิจัยสิ่งมีชีวิตโลกวิญญาณ พลเรือโทธารน้ำแข็งแห่งท้องทะเล เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดแห่งลุนเบิร์ก”
…
ฟ้าว!
ท่ามกลางเสียงสวดภาวนาดังสะท้อนกังวาน บรรยากาศภายในกำแพงวิญญาณพลันเย็นยะเยือก นอกจากเทียนไขทั้งสามเล่ม ทุกสิ่งบนแท่นบูชาล้วนลอยขึ้นอย่างเชื่องช้า ไม่ว่าจะเป็นกริชทองเหลือง จานเกลือ ขวดน้ำค้างบริสุทธิ์ ปากกา หรือกระดาษ
เดนิสรอคอยอย่างประหม่า ไม่ทราบเลยสักนิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง
ผ่านไปราวสิบวินาที แสงจากเทียนไขพลันโยกคลอนในจังหวะเดียวกัน พร้อมกับแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเขียวอ่อน
ร่างกายเดนิสแข็งทื่อทันที พลังลึกลับในคราบความเย็นกำลังแทรกแซงร่างกาย มิอาจต่อต้านได้ด้วยประการทั้งปวง
มันเห็นขาของตนขยับไปเอง เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
มันเห็นแขนข้างซ้ายยกขึ้น จับปากกาสีดำและกระดาษสีขาว
มันเห็นตัวเองโน้มร่างกายท่อนบนลงเล็กน้อย มือซ้ายจับปากกา เขียนขยุกขยิกรวดเร็ว
“มีอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ