ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 554

สรุปบท ราชันเร้นลับ 554: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปเนื้อหา ราชันเร้นลับ 554 – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บท ราชันเร้นลับ 554 ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 554 : สวมรอยเป็นเทพ
ราชันเร้นลับ 554 : สวมรอยเป็นเทพ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ณ ห้วงมิติเหนือสายหมอก ท่ามกลางวังอลังการที่มีลักษณะคล้ายกับถิ่นพำนักคนยักษ์

ไคลน์นั่งบนเก้าอี้เดอะฟูล ยกมือซ้ายขึ้น เสกให้คทาเทพสมุทรที่ปะปนอยู่กับกองขยะลอยขึ้นมาตกลงบนฝ่ามือ

เดิมที ชายหนุ่มต้องการวางสมบัติปิดผนึกซึ่งน่าจะมีระดับ 1 ไว้ข้างกายเพื่อเป็นการให้เกียรติวัตถุครึ่งเทพ แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ มันพบว่าคทาเทพสมุทรยังไม่เหมาะสมกับฐานะและความยิ่งใหญ่ของเดอะฟูล ตัวตนซึ่งมีระดับทัดเทียมกับพระผู้สร้างแท้จริงและแม่มดบรรพกาล หากจะทำสิ่งใดมาวางเคียงข้าง ระดับของวัตถุต้องไม่ด้อยไปกว่าไพ่เย้ยเทพ ดังนั้น คทาเทพสมุทรจึงถูกกองสุมรวมกับเศษจิปาถะชิ้นอื่น

ขณะสายตาเพ่งมองจุดสีฟ้าเม็ดเล็กรอบคทาเทพสมุทรสีขาว ไคลน์นั่งครุ่นคิด พลางจินตนาการให้พวกมันแยกออกจากกัน

ผลลัพธ์เป็นไปตามคาด จุดสีฟ้าบนหัวคทาเริ่มกระจายตัวออก จากนั้น ละอองแสงที่เป็นของสาวกซึ่งสวดวิงวอนโดยไม่มีจุดหมาย หรือไม่มีสาระสำคัญ เริ่มจมดิ่งลงไปด้านล่าง จุดแล้วจุดเล่าเลือนลับไปจากสายตา แต่หากจุดใดเป็นการสารภาพบาปหรือสวดวิงวอนอย่างแรงกล้า จุดแสงจะค่อย ๆ ลอยขึ้นและเข้าใกล้ฝ่ามือไคลน์

ชายหนุ่มทำตามสัมผัสวิญญาณ เลือก ‘จิ้ม’ ไปยังจุดแสงหนึ่ง

ทันใดนั้น ฉากนิมิตคลื่นยักษ์พลันปรากฏ มาพร้อมกับเสียงโหยหวนของสายลม

เรือประมงลำหนึ่งกำลังโคลงเคลงท่ามกลางมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้ม ชะตากรรมคล้ายเตรียมพลิกคว่ำในอีกไม่ช้า

บนดาดฟ้าเรือประมง ชนพื้นเมืองต่างกำลังกอดเสากระโดง ไม่ก็พยายามคว้าเชือก กระเสือกกระสนด้วยแรงเฮือกสุดท้ายของชีวิต ปากขยับพึมพำพระนามเต็มของเทพสมุทรด้วยอารมณ์ตื่นกลัว

ท่ามกลางเสียงวิงวอนอย่างต่อเนื่อง ไคลน์ยกคทากระดูกขึ้น

ณ ตำแหน่งหัวคทาที่มีอัญมณีสีฟ้าวางเรียงติดกันเม็ดแล้วเม็ดเล่า แสงสว่างส่องออกจากอัญมณีทั้งหมดโดยพร้อมเพรียง ก่อนจะพุ่งเป็นเส้นตรงเข้าไปในฉากนิมิต

ขณะกำลังสิ้นหวังและคิดยอมแพ้ต่อโชคชะตา กลุ่มชาวประมงพลันตระหนักว่าเรือของตนเริ่มหยุดโคลงเคลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ทุกคนรีบมองไปรอบตัวด้วยสีหน้าประหลาดใจสุดขีด และพบว่าคลื่นทะเลลูกเท่าภูเขาได้อันตรธานหายไปแล้ว สายลมเกรี้ยวกราดกลับกลายเป็นแผ่วเบา อ่อนแอและไร้ชีวิตชีวาราวกับเบียร์ซาร์ฮาร์

เมฆที่กำลังก่อตัวปกคลุมท้องฟ้ากว่าครึ่งและเกือบจะก่อพายุฝนฟ้าคะนองสำเร็จ ยามนี้กลับถูกพลังลึกลับแยกตัวออกจากกัน

เพียงไม่นาน ชาวประมงเริ่มตื่นจากภวังค์ความกลัวและลนลาน พร้อมกับตระหนักถึงต้นตนของความเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่

ท่านเทพสมุทรปกป้องพวกเราทุกคน… พระองค์ทรงสำแดงฤทธิ์เดช!

ตึก. ตึก. ตึก.

ชาวประมงทุกคนหมอบกราบลงไปบนดาดฟ้าเรือ กางข้อศอกออก แบมือแนบติดกับพื้น ปลายนิ้วทั้งสองข้างชนกันบริเวณริมฝีปาก พลางเอ่ยพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยสีหน้าเปี่ยมความศรัทธา

“พระองค์จงเจริญ! ข้ารับใช้แห่งท้องทะเลและโลกวิญญาณ ผู้พิทักษ์แห่งหมู่เกาะรอสต์ ผู้ปกครองมวลหมู่สัตว์ทะเล เจ้าแห่งสึนามิและลมพายุ ท่านคาเวทูว่าผู้ยิ่งใหญ่!”

เหนือห้วงมิติสายหมอกเทา ไคลน์พลันเกิดอารมณ์หดหู่เหนือคำบรรยาย

ฉันเป็นคนช่วยพวกนาย แล้วทำไมถึงไปขอบคุณคาเวทูว่า…

ไอ้งูทะเลตัวนั้นมันเอาแต่เสกพายุและคลื่นยักษ์ขึ้นมาข่มขู่! พวกนายจะได้เกิดความหวาดกลัวและศรัทธา…

ไคลน์นิ่งไปสักพัก ก่อนจะฉุกคิดบางสิ่ง

“ในเมื่อคาเวทูว่าตายไปแล้ว ย่อมแปลว่า เจ้าของนามคาเวทูว่าคนปัจจุบันคือเรา… แล้วทำไมเราต้องอารมณ์เสียเมื่อมีคนสรรเสริญอีกหนึ่งตัวตน… นี่คือหนึ่งในแก่นสำคัญของเทคนิคสวมบทบาทผู้ไร้หน้า… ต้องผสานเป็นหนึ่งเดียวกับทุกตัวตน พร้อมกับซึมซาบอารมณ์และผลสะท้อนความรู้สึกจากคนรอบตัว แต่อย่าได้ลืมเด็ดขาดว่า แท้จริงแล้วตัวเองเป็นใคร… ยากชะมัด เพราะหากเสียสมาธิแม้เพียงเล็กน้อย เราจะกลายเป็นคนบ้าไปในทันที… และถ้าผู้วิเศษกลายเป็นบ้า ภาวะคลุ้มคลั่งก็อยู่ห่างแค่เอื้อมมือ”

หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานาน ไคลน์ถอนหายใจยาว เผยรอยยิ้มมุมปาก

“ได้สวมรอยเป็นเทพสมุทรก็ไม่เลว… ถึงแม้ห้วงมิติเหนือสายหมอกจะกีดขวางผลสะท้อนทางความรู้สึกของผู้คน จนเราสูญเสียโอกาสในการย่อยโอสถเพิ่มจากเดิมอีกเล็กน้อย แต่มันก็ช่วยมอบประสบการณ์และบทเรียนที่หาจากไหนไม่ได้ ช่วยให้เราสวมบทบาทเป็นเทพสมุทรได้อย่างปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ถึงโอสถจะย่อยช้ากว่าเดิม แต่ก็เป็นไปอย่างมั่นคง”

เมื่อตัดสินใจได้ ไคลน์จิ้มอีกหนึ่งจุดแสง

คำสวดวิงวอนในคราวนี้มาจากสะพานแห่งหนึ่ง เครื่องแต่งกายทรุดโทรม ใบหน้าและผิวพรรณของหญิงสาวเต็มไปด้วยร่องรอยของโรคติดต่อร้ายแรง

เธอเอนแผ่นหลังแนบชิดมุมสะพาน ปากขยับพึมพำพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเอ่ยความปรารถนาสุดท้าย

ฟังจากรายละเอียดที่เธอเล่า ไคลน์รู้สึกราวกับตนมองเห็นช่วงชีวิตแสนสั้นของเธอด้วยตาตัวเอง

หญิงสาวคนนี้เป็นชนพื้นเมือง พ่อและแม่ต่างศรัทธาในเทพสมุทร เธอจึงเกิดมาพร้อมกับศาสนาเทพสมุทร ในช่วงสิบปีแรกของชีวิต บิดาของเธอเป็นคนงานเหมือง คนงานซ่อมถนน คนงานวางหมอนรางรถไฟ มารดาทำงานไม่มั่นคงเป็นส่วนใหญ่ เช่นเย็บปัก รับจ้างซักผ้า ช่วยงานในท่าเรือ รวมถึงรับงานโสเภณีเป็นครั้งคราว ครอบครัวสามารถดำรงชีพได้อย่างเต็มกลืน

จนกระทั่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน บิดาของเธอจากไปอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุขณะกำลังซ่อมถนน แต่บริษัทรถรางรอสต์กลับชดใช้เป็นเงินเพียงหางอึ่ง สถานการณ์ครอบครัวจึงดำเนินถึงทางตัน

ในเวลาถัดมา หญิงสาวถูกมารดาขายให้กับโรงละครแดง และกลายเป็นโสเภณีชอบด้วยกฎหมาย

แม้ว่าโรซายล์จะประดิษฐ์ถุงอนามัยแล้ว แต่นักผจญภัยและโจรสลัดจำนวนมากกลับเลือกที่จะลิ้มรสความสุขสมเพียงชั่วครู่ ส่วนใหญ่จึงไม่สวมถุงยาง และทางโรงละครแดงก็มิได้ออกกฎบังคับ การดิ้นรนของโสเภณีจึงไม่เคยประสบผลสำเร็จ สุดท้ายเธอก็ติดโรค โดยไม่มีทางทราบว่าใครนำมาแพร่ให้

ในช่วงแรก แม่เล้าของโรงละครแดงพยายามรักษาเบื้องต้น แต่เมื่อเห็นอาการลุกลาม หญิงสาวจึงถูกถีบหัวส่ง เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลแพงเสียจน การซื้อโสเภณีรายใหม่เป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า

หญิงสาวที่ป่วยเป็นโรคติดต่อย่อมไม่มีใครต้องการจ้างไปทำงาน ลืมเรื่องจ่ายค่าเช่าบ้านไปได้เลย ส่วนทางฝั่งมารดา น้องชาย และน้องสาวคนเล็ก เธอไม่ทราบว่าพวกเขาหายตัวไปไหน บางทีอาจตายไปแล้ว หรือบางทีอาจถูกจับไปขายเป็นทาส

“อา…กลุ่มต่อต้านยังช่วยเตือนสติด้วยว่า เราสามารถสวดวิงวอนถึงตัวเองได้ เพื่อสร้างเป็นยันต์หลากหลายประเภทพร้อมกันในคราวเดียว ผลของยันต์ส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นกิจกรรมทางทะเล หมายความว่าหลังจากนี้ การศึกในน้ำจะไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป แต่เรายังไม่ทราบว่ายันต์ฟ้าผ่าสร้างอย่างไร ต้องรีบหาโอกาสเรียนสูตรได้โดยเร็ว เพราะถ้ามีมัน ศัตรูทางอากาศก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที”

ไคลน์พึมพำกับตัวเองสักพัก ก่อนจะโยนคทาเทพสมุทรกลับไปยังกองขยะ และส่งตัวเองกลับสู่โลกความเป็นจริง

แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก ท่ามกลางบรรยากาศแสนกว้างขวางและงดงามของเมืองชนบท

ณ ประตูฝั่งด้านข้างของคฤหาสน์หรู

ออเดรย์ปรากฏในชุดขี่ม้ารัดรูปสีดำ ด้านในสวมเชิ้ตเรียบง่ายสำหรับสตรี มีการตกแต่งเล็กน้อยอย่างพอเหมาะ โดยนั่งบนหลังม้าตัวเมียสีน้ำตาลแดงอย่างมั่นคง

รองเท้าหนังสีดำสอดเข้าไปในโกลนม้า ชายกางเกงสีขาวทั้งสองข้างสอดเข้าไปในรองเท้าเล็กน้อย ไม่ห่างออกไปมีซูซี่ สุนัขโกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่ซึ่งสะพายกระเป๋าหนังไว้ด้านข้าง กำลังวิ่งตามมาไม่ห่าง

ออเดรย์กล่าว

“ฉันจะไปรอเธอที่สุดเขตป่าข้างหน้า!”

“…!”

เมื่อกล่าวจบ หญิงสาวสะบัดแส้ม้าในมือพลางโน้มตัวไปข้างหน้า ม้าตัวเมียสีน้ำตาลแดงพลันเร่งความเร็วในพริบตา ตะกุยเท้าวิ่งตรงไปยังทุ่งโล่งอันกว้างใหญ่อย่างร่าเริง

เมื่อเทียบกับคฤหาสน์สุดหรูของตระกูลที่เปี่ยมด้วยบรรยากาศอึมครึม ออเดรย์ชื่นชอบคฤหาสน์ตามแถบชนบทที่สดชื่นมากกว่า

ม้าตัวผู้สง่างามวิ่งตามหลังไปเป็นจำนวนมาก คนขี่ไม่ใช่ใคร ทั้งหมดคือผู้ติดตามและสาวใช้ประจำตัว ภารกิจเดียวของพวกมันคือการปกป้องคุณหนูออเดรย์แห่งบ้านฮอลล์

ซูซี่วิ่งตามอย่างมีความสุข เธอเองก็เช่นกัน กำลังดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่หาไม่ได้จากมหานครเบ็คลันด์

สำหรับวันนี้ เธอและออเดรย์มีแผนจะออกผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ เป็นการสำรวจหอคอยโบราณที่ถูกทิ้งร้างในป่ามานาน แน่นอน สมบัติมีค่าถูกนำออกไปหมดแล้ว และตัวหอคอยก็ยังไม่มีพิษภัย ไม่เคยปรากฏข่าวเสียหายหรืออุบัติเหตุแม้แต่ครั้งเดียว ถือเป็นสถานที่ให้มือใหม่ฝึกฝีมือ

แต่ปัญหาเดียวก็คือ ท้องฟ้ากำลังจะมืดในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า บางที เวลาอาจไม่อำนวยให้พวกเธอทำเรื่องแบบนั้นสักเท่าไร

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ