หญิงสาวเล่าเฉพาะประเด็นสำคัญ และแนวคิดในการใช้พลัง ‘ชี้นำทางจิต’ กับตัวเอง เพื่อให้ตื่นขึ้นขณะกำลังหลับฝัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยทั้งหมด
ชี้นำทางจิต? เธอมีพลังชี้นำทางจิตด้วยหรือ… ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นลำดับ 7 นักจิตบำบัด…
เฮอร์มิท·แคทลียาวิเคราะห์ตามความเคยชิน แต่นั่นทำให้เธอเผชิญข้อสงสัยที่น่าฉงนกว่าเก่า
แล้วทำไมมิสจัสติสถึงต้องการซื้อตะกอนพลังนักจิตบำบัดจากเดอะเวิร์ล…
การดื่มโอสถซ้ำไม่เพียงจะเพิ่มโอกาสคลุ้มคลั่ง แต่ยังทำให้ย่อยโอสถได้ยากขึ้น…
นำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษ? นั่นจะซ้ำซ้อนกับพลังของเธอ ไม่มีคุณค่าอันใด…
มอบให้คนอื่น…?
ขณะแคทลียาคาดเดาเรื่อยเปื่อย ออเดรย์ยังคงเล่าถึงความฝันอันวุ่นวายของตน เล่าถึงการเดินไปยังจุดสิ้นสุดความฝัน และใช้วิธีที่มิสเตอร์ฟูลสอน สร้างบันไดลงไปยังทะเลจิตใต้สำนึกรวม ระหว่างทางได้พบจุดแสงฉายภาพอดีตมากมาย
เธอมิได้เล่ารายละเอียดของฉากเหล่านั้น เพราะส่วนใหญ่เป็นความลับอันน่าอับอายที่ไม่ต้องการให้ใครทราบ
ออเดรย์เน้นอธิบายความโดดเดี่ยวขณะเดินลงจากขั้นบันไดที่มองไม่เห็นปลายทาง อธิบายความรู้สึกที่คล้ายกับถูกสัตว์ประหลาดจ้องมองจากหมอกสีเทารอบตัว เล่าถึงการดำดิ่งของห้วงอารมณ์ที่เกินกว่าจะทนไหว หากไม่มีพลัง ‘ปลอบโยน’ ก็คงมิอาจฝ่าฟันลงไปสำเร็จ เล่าถึงการเดินลงไปยัง ‘ทะเลมายา’ ที่เกิดจากจิตใต้สำนึกรวมของทุกสิ่งมีชีวิต
รายละเอียดมากมายพรั่งพรูออกจากปากหญิงสาว มีทั้งซากความทรงจำของบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์มนุษย์ และความทรงจำของสัตว์หลากหลายชนิดที่ดำเนินไปอย่างสอดคล้อง จนกระทั่ง เรื่องราวจบลงเมื่อสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่บินลัดท้องฟ้าของทะเลจิตใต้สำนึกรวม
มังกร เจ้าของเกล็ดสีเทาคล้ายกับแผ่นหิน
เห… มีมังกรตัวเป็น ๆ อาศัยอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวมด้วยหรือ… วิเศษมาก! ถึงแม้มิสจัสติสจะไม่ได้รับอันตราย แต่ความตื่นตระหนกทางใจคงไม่น้อยแน่…
ชื่อนิยายใหม่พลันผุดขึ้นในหัวฟอร์ส :
“มิสจัสติสท่องความฝัน!”
เมื่อเล่าจบ จัสติส·ออเดรย์มองไปรอบตัว
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย พวกท่านมีความเป็นเห็นเช่นไรบ้าง คิดว่าในทะเลจิตใต้สำนึกรวม จะมีเมืองแห่งปาฏิหาริย์ของเผ่ามังกร ‘เลฟซิด’ อยู่จริงหรือไม่ หากถ้าดิฉันต้องการสำรวจลึกเข้าไป จะต้องคอยระวังสิ่งใดบ้าง และต้องเตรียมตัวในด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่”
อัลเจอร์ชำเลืองเฮอร์มิทเล็กน้อย ก่อนจะมอบคำตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ผมคิดว่าคุณควรหยุดแค่นี้ก่อน มันอันตรายเกินไป จากบันทึกประวัติศาสตร์ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีเลือดเนื้อ โดยเฉพาะมังกรจิตที่สามารถอาศัยอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวม และการที่พวกมันดำรงชีวิตได้เป็นเวลานาน ลำดับพลังจะต้องสูงมากแน่ อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าครึ่งเทพ หากคุณยังไม่เป็นลำดับ 5 คำแนะนำของผมคือ ยังไม่ควรสำรวจทะเลจิตใต้สำนึกรวม”
เฮอร์มิท·แคทลียาพยักหน้าเป็นเชิงเห็นพ้อง
“ทะเลจิตใต้สำนึกรวมมิได้มีแต่สิ่งดี ยังมีปัจจัยอันตรายซ่อนอยู่นับไม่ถ้วน ทั้งความคิดด้านลบของมนุษย์ปริมาณมหาศาล สิ่งเหล่านั้นสามารถกัดกร่อนดวงวิญญาณคุณ… ความทรงจำของผู้คนสมัยโบราณทั้งบ้าคลั่งและเกรี้ยวกราดดุจดังคลื่นทะเล รุนแรงพอจะสร้างแผลใจบนตัวคุณ หรือแม้กระทั่งทำให้คุณมิอาจตื่นจากความฝันได้อีกเลย ในเมื่อเป็นทะเลจิตรวมของทุกสิ่งมีชีวิต หมายความว่ามิได้มีแต่ความทรงจำของมนุษย์ ยังรวมไปถึงจิตของวิญญาณมาร เทพมาร หรือจิตของสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่กำลังซ่อนตัวในเงามืด พวกมันเป็นราวกับวังวนความมืดที่พร้อมจะดูดเรือใหญ่ได้ทั้งลำ จนกว่าจะมีพลังสำหรับท่องไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวมโดยเฉพาะ คุณไม่ควรลงไปสำรวจที่นั่นอีก”
ออเดรย์ค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็สัมผัสถึงความจริงใจจากแฮงแมนและเฮอร์มิท คำพูดของทั้งคู่ล้วนมีเหตุผล จึงน้อมรับคำแนะนำไว้แต่โดยดี
เธอเงียบงัน พลางรำพันในใจ :
ออเดรย์ ห้ามใจร้อนเด็ดขาด ต้องรอให้ถึงลำดับ 5 เสียก่อน!
หญิงสาวมิได้คำนึงเลยว่า การพัฒนาไปเป็นลำดับ 5 ระดับเดียวกับพลเรือโจรสลัด จะมีอุปสรรคมากมายเพียงใดรออยู่ ถึงขั้นคิดว่า การก้าวไปเป็นพลเรือโจรสลัดคนที่แปดก็มิได้ยากเย็นอะไรนัก
ในสายตาเธอ ตราบใดที่ยังมีมิสเตอร์ฟูล ยังมีชุมนุมทาโรต์ ขอเวลาไม่เกินสองปี ตนสามารถไปอยู่จุดนั้นได้อย่างราบรื่น
กำแพงที่แท้จริงคือครึ่งเทพต่างหาก…
เฮ่อ… ถ้าแม้แต่มาดามเฮอร์มิทผู้มากด้วยความรู้และประสบการณ์ยังห้ามปราม…
ออเดรย์ตัดสินใจชำเลืองไปทางที่นั่งประธานโต๊ะทองแดงยาว เดอะฟูล โดยหวังว่าบุคคลระดับทัดเทียมเทพผู้นี้ จะมีทางออกที่แตกต่างจากแฮงแมนและเฮอร์มิท
อย่ามองด้วยสายตาเช่นนั้น…
ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้…
ไคลน์นั่งตัวเกร็ง พยายามไม่กะพริบตา
ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาของตนจำพวกการเข้าฌาน สติสัมปชัญญะ จิตใต้สำนึก และทะเลจิตใต้สำนึกรวม ล้วนเป็นเรื่องที่ฟังมาจากมาดามดาลีย์ทั้งสิ้น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น
จริงอยู่ ชายหนุ่มอาจเคยถูกบุกรุกความฝันบ่อยครั้ง แต่ถึงจะมีสติแจ่มชัดในความฝันตัวเอง ไคลน์ก็ไม่เคยอุตริเดินไปจนสุดขอบเขตความฝันเหมือนที่จัสติสทำ จึงไม่มีประสบการณ์ใดไปสอน
ทฤษฎีในหัวอาจพอมี เป็นแนวคิดที่เกิดจากการปะติดปะต่อข้อมูล แต่ยังไม่เคยปฏิบัติจริงเลยสักครั้ง จึงไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เรื่องใดที่ไม่มั่นใจ ไคลน์จะตอบอย่างคลุมเครือในลักษณะของนักต้มตุ๋น เพราะบางที อีกฝ่ายอาจนำไปตกผลึกจนเข้าใจได้เอง แต่ปัจจุบัน พลเรือเอกดวงดาว·แคทลียากำลังจ้องมองอยู่ ยิ่งไคลน์พูดมาก โอกาสผิดพลาดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จึงควรพูดให้น้อยเข้าไว้
การมีสมาชิกใหม่ทำให้เราขยับตัวลำบาก…
ไคลน์รำพันขื่นขม มิได้ตอบสิ่งใดกลับไป เพียงนั่งอมยิ้มให้จัสติสอย่างมีเลศนัย
หากไม่ใช่เพราะที่นี่คือมิติสายหมอก และหากไม่ใช่เพราะทุกคนเป็นเพียงร่างจิต ไคลน์เชื่อว่า การฝืนเกร็งยิ้มเป็นเวลานานของตน อาจทำให้เกิดอาการตะคริวที่มุมปาก
มิสเตอร์ฟูลไม่มีคำแนะนำ…
ออเดรย์ยอมจำนนต่อชะตากรรม และสาบานกับตัวเองว่า เธอจะพับเก็บแผนสำรวจทะเลจิตใต้สำนึกรวมไว้ก่อน
จากนั้น เดอะมูน·เอ็มลินกระแอมในลำคอ
“ข้าศึกษาประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกโดยตระกูลผีดูดเลือดมาอย่างละเอียดแล้ว…”
ผีดูดเลือด… แวมไพร์สินะ… นึกแล้วเชียว โบสถ์พระแม่ธรณีมีธรรมเนียมพิสดารในการจับแวมไพร์มาเปลี่ยนให้เป็นผู้ศรัทธา…
แคทลียาพยักหน้ารับพลางตั้งใจฟัง
ในเวลาเดียวกัน เธอต้องปรับเปลี่ยนมุมมองต่อชุมนุมทาโรต์อีกครั้ง
เดอะมูนไม่คิดปกปิดตัวตนแม้แต่น้อย… ตีความได้ว่า มิสเตอร์ฟูลมีอิทธิพลต่อโลกความจริงค่อนข้างมาก อาจถึงขั้นสามารถลงโทษสมาชิกทุกคนจากที่ห่างไกล พวกเขาจึงไม่ต้องคอยระแวงกันเอง…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ