แต่ท้ายที่สุด เทรซี่มิได้ลงมือบุ่มบ่าม เพียงชำเลืองไปด้านข้าง มองคาร์เทอริน่า·เปลเล่ รอให้อีกฝ่ายช่วยตัดสินใจ
เธอทราบดี แม้ลำดับ 4 และ 5 จะต่างกันเพียงหนึ่งขั้นพลัง แต่ความแตกต่างในเชิงคุณภาพนั้นมากมายราวฟ้ากับเหว มิอาจเอาชนะได้ด้วยกลยุทธ์อันแยบคายหรือพลังใจ ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงมนุษย์ที่มีพลังพิเศษมากหน่อย แต่อีกฝ่ายหนึ่งคือครึ่งเทพ สิ่งมีชีวิตชั้นสูง ลำพังระดับตัวตนก็เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติด
ยิ่งไปกว่านั้น เทรซี่ทราบดี ระดับพลังของทั้งสองมิใช่แค่เพียงลำดับ 4 เธอจึงรู้สึกราวกับตนเป็นเพียงผู้วิเศษปลายแถว
แม่มดยุพนิรันดร์ คาร์เทอริน่า·เปลเล่ มิได้แสดงท่าทีโกรธเคืองไคลน์ เพียงจ้องมองชายหนุ่มที่สวมรูปลักษณ์พลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์ ด้วยดวงตาซึ่งคล้ายกับมีพายุหมุนวนอยู่ด้านใน
คาร์เทอริน่าหัวเราะคิกคักก่อนจะกล่าว
“เป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจมาก… หากมิได้มาพร้อมท่านกงสุลมรณะ ฉันคงไม่ระงับอารมณ์ที่กำลังวูบวาบอยู่ในใจ และชวนคุณพูดคุยเกี่ยวกับความรักแสนบริสุทธิ์ตามลำพังสักพัก”
มาดาม คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้…
เชี่ย! แค่ฟังก็ขนลุกไปทั้งตัว…
ไคลน์ไม่กล้าจ้องตาอีกฝ่ายโดยตรง รีบเบือนหน้าไปหาเทรซี่ด้านข้าง
คาร์เทอริน่ามิได้กล่าวสิ่งใดกับอะซิก·อายเกส หล่อนเบือนหน้ากลับ พูดกับเทรซี่ด้วยน้ำเสียงชวนหลงใหลราวกับบทเพลง
“จงโอบกอดความเจ็บปวดเหล่านั้นเอาไว้ มันจะดีกับตัวเธอในบางแง่มุม”
ถัดมา แม่มดยุพนิรันดร์หันมาจ้องอะซิกด้วยสายตาเคารพนับถือ
“ฉันพอจะจำเนื้อหาในเอกสารได้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความพยายามในการคืนชีพเทพมรณาของอดีตราชวงศ์ไบลัม แต่น่าเสียดาย ทุกการทดลองล้วนประสบความล้มเหลว ในท้ายที่สุด พวกเขายอมถอดใจและเปลี่ยนไปคิดเรื่องการสร้างมรณาเทียมแทน คุณยังสนใจอยู่ไหม?”
มรณาเทียม? มนุษย์สามารถสร้างเทพมรณาเทียมได้ด้วยหรือ… แล้วจะไปหา ‘เอกลักษณ์’ กับ ‘ตะกอนพลัง’ ที่เป็นสิ่งสำคัญในการเลื่อนลำดับ 0 มาจากไหน? ของแบบนั้นไม่น่าจะมีอยู่อีกแล้ว ไม่ใช่กะหล่ำปลีบนแผงผักในตลาดสักหน่อย… ราชวงศ์ไบลัมในอดีตและนิกายวิญญาณ มีแต่พวกเสียสติมารวมตัวกันหรือไง…
ไคลน์พึมพำ ระหว่างนั้น ยังไม่มีบทสนทนาเพิ่มเติมจากสองครึ่งเทพ
อะซิกครุ่นคิดหลายวินาที ก่อนจะถามอีกครั้ง
“ผมต้องจ่ายด้วยอะไร”
คาร์เทอริน่าเผยรอยยิ้มซุกซนของเด็กสาว
“ไม่จำเป็น ฉันไม่ต้องการ ฉันแค่คิดว่าคงน่าสนุกไม่น้อย หากจะช่วยคุณฟื้นฟูความทรงจำทีละนิดจนกลับมาเป็น ‘กงสุลมรณะ’ ได้อีกครั้ง… โลกจะน่าตื่นเต้นมากขึ้นหลายเท่า และเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่มีใครคาดเดาได้”
ฟังดูเหมือนกับ… เด็กผู้หญิงในวัยต่อต้อนพ่อแม่ที่ต้องการเห็นทุกสิ่งพังพินาศ… อย่าบอกนะว่าโอสถแม่มดยุพนิรันดร์ ไม่เพียงทำให้ร่างกายกลับสู่ความอ่อนเยาว์ แต่รวมไปถึงสมองและจิตใจด้วย?
ไคลน์ตระหนักว่า ตนมิอาจไล่ตามความคิดและอารมณ์ของอีกฝ่ายทันแม้แต่น้อย
คงมีแต่เส้นทาง ‘ผู้ชม’ ลำดับ 6 กระมัง… หรืออาจต้องเป็นลำดับ 5 ไม่ก็ 4 จึงจะทราบว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่…
ชายหนุ่มตัดพ้อห่อเหี่ยว
อะซิกพยักหน้า มือขวาเหยียดออก กระดาษและปากกาภายในห้องลอยมาอยู่บนฝ่ามืออย่างเป็นปริศนา ราวกับมีวิญญาณล่องหนคอยรับใช้
เมื่อขีดเขียนเสร็จ มันพับและโยนกระดาษไปทางคาร์เทอริน่า
“ส่งมาทางผู้ส่งสารของผม”
เขามีนกหวีดทองแดงแค่อันเดียว และนั่นอยู่กับเรา… ผ่านมานานกว่าพันปี แต่ยังใช้งานได้เหมือนของใหม่ ต้องไม่ใช่สมบัติธรรมดาแน่…
ไคลน์เกิดอยากจะใช้มือล้วงนกหวีดทองแดงในกระเป๋าเสื้อ แต่สุดท้ายก็หักห้ามใจไว้
แม่มดยุพนิรันดร์ คาร์เทอริน่า รับกระดาษพร้อมกับกวาดสายตาอ่านอย่างคร่าว
เธอหัวเราะคิกคัก
“นึกว่าคุณจะบอกพิกัดของโลกแห่งความตายให้ฉันเสียอีก”
หญิงสาวเชิดคาง ดวงตาสีฟ้าที่อัดแน่นด้วยความอ่อนโยนเหนือพรรณนามองตรงมาข้างหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันยังคงไม่ลืมความไร้เทียมทาน อำมหิต และเย็นชาของกงสุลมรณะเมื่อพันปีก่อน ชายคนนั้นทำให้ฉันรู้สึกประทับใจมิรู้ลืม ฉันจึงค่อนข้างประหลาดใจ ที่เห็นคุณในปัจจุบันสุภาพอ่อนโยนขึ้นมาก”
อะซิกยกกำปั้นจ่อปลายคางในท่าครุ่นคิด เผยรอยยิ้มขื่นขมพลางส่ายหน้า
“ถึงผมจะเป็นอมตะ แต่มิได้ไม่แก่เฒ่า เมื่อผู้ชายเราอายุมากขึ้น ความสุขุมลุ่มลึกและอ่อนโยนก็ยิ่งเพิ่มตาม”
“ผิดแล้ว” คาร์เทอริน่าหรี่ตาลง กล่าวความรู้สึกที่แท้จริงโดยไม่ปิดบัง “ฉันจะเฝ้ารอจนถึงวันที่คุณฟื้นฟูความทรงจำอย่างสมบูรณ์และกลับเป็นคนเก่า ฉันอยากเห็นว่า คุณจะยังคิดเหมือนกับตัวเองในวันนี้หรือไม่… คิคิก”
เมื่อกล่าวจบ หญิงสาวยกมุมปากเล็กน้อย หันมาขยิบตาให้ไคลน์
“บางที… พวกเราอาจกำลังปลดปล่อยอสุรกายที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าจอมมารออกมาก็ได้นะ”
กำลังยุแยงให้พวกเราแตกคอ? เป็นนิสัยของนักกระตุ้น หรือว่าแผนอะไรไว้กันแน่…
ไคลน์พึมพำ แต่ถึงอย่างนั้นก็สลัดคำพูดของเธอไม่หลุด ย้อนกลับไปในอดีต เหตุการณ์ ‘ภัยพิบัติไร้ชีวิตชีวา’ ได้ถูกบันทึกลงบนเอกสารเชิงประวัติศาสตร์ของโบสถ์หลักอย่างละเอียด ถูกตีแผ่ออกไปอย่างแพร่หลาย ทำให้ชนรุ่นหลังได้ทราบว่า มีผู้คนมากมายล้มตายไปในเหตุการณ์คราวนั้น ทวีปเหนือทั้งหมดกลายเป็นนรกบนดิน
ต้นตอของเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ใครนอกจาก ‘เทพมรณา’ จากทวีปใต้ และ ‘แม่มดบรรพกาล’ จากนิกายแม่มด จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า มิสเตอร์อะซิกผู้เป็นทายาทโดยตรงของมรณา และมีศักดิ์เป็นกงสุลมรณะ ต้องเป็นหนึ่งในแกนนำสำคัญของภัยพิบัติดังกล่าว
อะซิกยืนนิ่งหลายวินาที ก่อนจะจับไหล่ไคลน์และพาเข้าสู่โลกวิญญาณ ทิ้งให้เทรซี่ถูกทิ้งให้อยู่กับคาร์เทอริน่าตามลำพังในห้องกัปตันเรือกาฬมรณะ
สตรีแห่งโรคภัยยืนจ้องจุดที่ทั้งสองหายตัวไปเป็นเวลานาน กัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ
“ฉันจะไม่ลืมหนี้แค้นในวันนี้แน่!”
คาร์เทอริน่าเผยรอยยิ้มสง่างาม
“ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ระทมหรือความทรมาน ยิ่งเจ้าได้ลิ้มรสมากเพียงใด ก็ยิ่งสัมผัสถึงความอ่อนแอของตัวเองได้ชัดเจนเท่านั้น หากเจ็บปวดเจียนตายจนถึงระดับหนึ่ง จิตใต้สำนึกจะบอกให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งนั้นจะเป็นผลดีต่อการดื่มโอสถลำดับถัดไป เจ้าจะกลายเป็นครึ่งเทพได้ง่ายขึ้น กลายเป็นผู้ครอบครองส่วนหนึ่งของพลังเทพ”
ได้ยินคำดังกล่าว พลเรือโทโรคภัย เทรซี่ พลันฉุกคิดบางสิ่งได้ จึงรีบหันไปถามโดยไม่ปิดบังอารมณ์บิดเบี้ยวบนใบหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ