ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 612

สรุปบท ราชันเร้นลับ 612: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 612 – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ตอนนี้ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ราชันเร้นลับ 612 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 612 : อยู่ในมือ
ราชันเร้นลับ 612 : อยู่ในมือ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เสาโคมไฟแก๊สบนสองฝั่งสะพานกำลังสาดแสงเหลืองนวลไปโดยรอบ แต่ก็ยังมิอาจสลายความมืดมิดภายในโพรงมืดด้านล่าง มีเพียงแสงจันทร์แดงสลัวจากด้านบนเท่านั้นที่พอจะช่วยมอบแสงสลัว

‘สภาแห่งชะตา’ ริคคาร์ดที่ซ่อนตัวอยู่ในโพรงใต้สะพาน มิได้ส่งเสียงใดกลับมาเป็นเวลานาน จนไคลน์อดคิดไม่ได้ว่า อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนขาดใจตายไปแล้ว และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ตนล้มเหลวในการพนัน

ขณะไคลน์เตรียมซักถามเพื่อยืนยันให้แน่ชัด ริคคาร์ดกระแอมค่อยสองหน กล่าวด้วยเนื้อเสียงแหบพร่า

“สมแล้วที่เป็นนักผจญภัยทรงพลังผู้สามารถผนึกลูกเต๋าได้ในระยะเวลาหนึ่ง สถานการณ์ค่อนข้างผิดไปจากความคาดหมายของผม แค่ก! ผมกำลังนึกสงสัยว่า เหตุใดพลังแห่งโชคถึงไม่ยอมทำงาน… ค่อนข้างน่าเสียดายที่ผมกำลังบาดเจ็บหนัก ไม่อย่างนั้นคงจะออกไปดูด้วยตาตนเอง ว่าสิ่งใดกันที่ผู้วิเศษเส้นทางอื่นยากจะมองเห็น แม้จะใช้เนตรวิญญาณระดับสูงตรวจสอบแล้วก็ตาม หึหึ… นี่คือลักษณะพิเศษที่มีเพียงผู้ครอบครอง ‘โชคชะตา’ เท่านั้นจึงจะมองเห็น”

นายกำลังจะบอกว่า ปัญหาอยู่ที่ตัวฉัน? แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย สาระสำคัญอยู่ที่ พวกนายยังติดเงินอยู่เจ็ดร้อยปอนด์… ไม่สิ เจ็ดร้อยสามสิบ…

ไคลน์บ่นอย่างหัวเสีย แต่ก็อดหวนนึกถึงเด็กชาย ‘อาเดมิทอร์’ ในตลาดมืดค้าของวิเศษประจำเมืองทิงเก็นไม่ได้

ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อเด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมลำดับ 9 ครึ่งจ้องไคลน์ด้วยตาเปล่า อาการแรกคือแหกปากร้องลั่น อาการที่สองคือเลือดออกจากดวงตา ลงไปนอนเกลือกกลิ้งชักดิ้นชักงอบนพื้น

เป็นเพราะเด็กคนนั้นมีลักษณะพิเศษของเส้นทางโชคชะตา จึงมองเห็นที่เกี่ยวกับสายหมอกในตัวเรา? น่าเสียดาย สภาแห่งชะตาคนนี้กำลังพักรักษาตัว ทำได้เพียงแผ่ออร่าความโชคร้ายออกมาโดยรอบ ไม่สามารถตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้กับเราได้… คงต้องกลับไปถามอสรพิษปรอท วิล·อัสติน รายนั้นอาจมีข้อมูลในเชิงลึก… แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโชคชะตา เขาอาจไม่ยอมบอกเราตามตรง มีโอกาสที่จะอธิบายแบบคลุมเครือเหมือนกับพวกนักต้มตุ๋น…

ไคลน์ครุ่นคิดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ”

ริคคาร์ดถอนหายใจ

“ช่วยตามดัควีลล์มาที ผมจะทำการอวยพรโชคแก่เขา ให้ไปพนันแทนคุณ”

จากชื่อโรงแรมที่ริคคาร์ดมอบให้ ไคลน์ตามหาตัวดัควีลล์ได้ไม่ยาก จากนั้นก็พานักปรุงยาอ้วนเดินไปยังบ่อนพนันพร้อมกับกระเป๋าเดินทางและไม้ค้ำ

การพนันเกมแล้วเกมเล่าผ่านไป จนกระทั่งเปลี่ยนบ่อนสี่ครั้ง ดัควีลล์สามารถทำเงินครบเจ็ดร้อยห้าสิบปอนด์ได้ตั้งแต่ในช่วงเช้า

หลังจากรับเงินสดจำนวนเจ็ดร้อยสามสิบปอนด์มาถือ ชายหนุ่มเริ่มพบต้นตอของปัญหา

เป็นไปตามคำกล่าวของริคคาร์ด ตนมิได้แพ้พนันเพราะพลังของอีกฝ่ายอ่อนแอ ปัญหาอยู่ที่ความไม่ปรกติของตัวเอง!

แล้วเป็นเพราะอะไรกัน…

ไคลน์ครุ่นคิดพลางจับกระเป๋าสตางค์ที่บวมพองขึ้นจากตอนแรก ปากพึมพำ

จากนั้น มันฉุกคิดถึงสายหมอกล่องหนรอบตัว และเริ่มเข้าใจถึงสาเหตุอย่างรวดเร็ว

หลังจากกลายเป็นผู้ไร้หน้า หมอกเทาเริ่มมีบทบาทกับโลกความจริงมากขึ้น ไม่เพียงจะช่วยสกัดกั้นมลทินน่ารังเกียจในบางเรื่องโดยอัตโนมัติ แต่ยังกีดขวางการบิดเบือนโชคชะตาจากผู้อื่นได้ประมาณหนึ่ง ส่งผลให้สภาแห่งชะตาอวยพรโชคไม่สำเร็จ

ตามตรรกะดังกล่าว โชคร้ายก็จะไม่เกิดขึ้นกับตัวเราเช่นกัน…

ตลกร้ายชะมัด… เราไม่มีทางเป็นคนดวงซวยบัดซบ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีวันได้เป็นคนดวงดีถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง…

ไคลน์ส่ายหน้าแผ่วเบา เดินตามดัควีลล์และนกฮูกแฮร์รี่กลับไปยังสะพานหิน แจ้งวิธีอัญเชิญผู้ส่งสารของตนให้ริคคาร์ดทราบ กำชับว่าหากอีกฝ่ายพบสมบัติวิเศษเกี่ยวกับการโจมตีเมื่อใด ให้รีบส่งข่าวมาทันที

เมื่อเรื่องราวอันวุ่นวายจบลง ไคลน์เช็กอินเปิดห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองท่าโอลาวี

กรุงเบ็คลันด์ ช่วงเช้า

ท่ามกลางหมอกหนาที่ไม่มากเท่าเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเมื่อปีก่อน เอ็มลินเดินเตร็ดเตร่ภายใต้ท้องฟ้าสลัวที่มันชื่นชอบจนมาถึงหน้าบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์

สั่นกริ่งบ้านเสร็จ ผีดูดเลือดหนุ่มยืนรอด้วยมาดสง่างาม แผ่นหลังตั้งตรง ปลายคางเชิดขึ้น

เลียวนาร์ดเปิดประตูบ้าน สำรวจใบหน้าอันหล่อเหลาแต่โอหังเสียเต็มประดาสักพัก ก่อนจะส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้าไปข้างใน

มันยังคงสวมเชิ้ตขาวและกางเกงขายาวสีดำคล้ายเมื่อวาน แต่คราวนี้สวมเสื้อกั๊กสีเข้มซึ่งไม่ติดกระดุมทับไว้

“ข้อสรุปของคุณคือ?” เลียวนาร์ดยิ้มถาม

“ไม่มีปัญหา”

เนื่องจากไม่ใช่เงินของตัวเอง เอ็มลิน·ไวท์ไม่คิดจะต่อรองแม้แต่หนึ่งเพนนี

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันกังวลว่า จากท่าทีของอีกฝ่ายในคราวก่อน การต่อรองอาจให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม ราคาสมบัติวิเศษอาจสูงขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากอีกฝ่ายเกิดความหงุดหงิดรำคาญ

เลียวนาร์ดพยักหน้ารับ อมยิ้มเล็กน้อย

“ร่ำรวยทีเดียว”

ชมเชยตามมารยาทสินะ…

เอ็มลินรำพัน เปิดปากโต้ตอบ

“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับคุณ”

กล่าวจบ มันเปิดกระเป๋าเดินทางที่มีธนบัตรเงินสดจำนวนเจ็ดพันปอนด์อัดแน่น

เลียวนาร์ดหยิบปึกแล้วปึกเล่าออกมาตรวจสอบอย่างใจเย็น ขั้นตอนนี้ใช้เวลาสักพัก

เมื่อพึงพอใจ มันถอดถุงมือสีแดงข้างซ้ายออก และยื่นส่งมาทางเอ็มลินพร้อมกับอธิบาย

“นี่คือสมบัติวิเศษที่คุณต้องการ มันสามารถเปลี่ยนสีเพื่ออำพรางได้อย่างอิสระ”

“สิ่งนี้ชื่อว่า ‘อินธน์’ (เชื้อไฟ) มีสรรพคุณในการเพิ่มเสน่ห์ของผู้สวม เปลี่ยนให้คำพูดน่าเชื่อถือขึ้นเล็กน้อย นอกจากนั้นยังมีความสามารถในการขโมยพลังพิเศษของเป้าหมายภายในระยะห้าสิบเมตร ยิ่งมีข้อมูลและรู้จักกับเป้าหมายมากเพียงใด โอกาสขโมยพลังที่ต้องการก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย พลังที่ได้รับก็ยิ่งเป็นแบบสุ่ม ขึ้นอยู่กับดวง หากเป้าหมายมีลำดับสูงกว่า 6 โอกาสสำเร็จจะไม่ใช่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ยิ่งลำดับสูงมากเท่าไร โอกาสล้มเหลวก็ยิ่งมากตาม หากขโมยสำเร็จ เป้าหมายจะสูญเสียพลังดังกล่าวทันที และต้องอยู่ห่างจากอินธน์อย่างน้อยสิบสองชั่วโมงเพื่อให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง โดยทางฝั่งผู้สวมอินธน์จะใช้พลังดังกล่าวได้อย่างอิสระเป็นเวลาสิบนาที เนื่องจากมีผลข้างเคียงต่ำ ราคาของมันจึงสูงกว่าสมบัติวิเศษในระดับเดียวกัน”

หลังจากนั่งฟังอย่างเงียบงัน เอ็มลินเริ่มให้ความสนใจกับพลังของอินธน์ จึงซักถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

“ผลข้างเคียงคืออะไร”

“สรุปว่ายังไง ระบุตัวคนซื้ออินธน์ได้หรือยัง”

เสียงชราดังขึ้นในใจ

“ออร่าที่ข้าทิ้งไว้ถูกขจัดโดยสมบูรณ์ ไม่หลงเหลือแม้แค่เศษเสี้ยว”

“แล้วพบอะไรบ้างไหม”

เลียวนาร์ดหดขากลับ ซักถามเสียงเบา

ชายชราถอนหายใจ

“ไม่เลย ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ทุกอย่างก็จบลง หากอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด บางทีคงพอจะสืบจนพบเบาะแสได้บ้าง แต่น่าเสียดาย ตัวข้าอ่อนแอมานานหลายปี”

เลียวนาร์ดเงียบงันราวสิบวิ ส่ายหน้าเล็กน้อยและกล่าว

“คงต้องเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

เหนือมิติสายหมอก ไคลน์ฟังคำสวดวิงวอนจากเอ็มลิน จดบันทึกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสมบัติวิเศษชิ้นใหม่ พลางก้มหน้าตรวจสอบถุงมือสีแดงที่มีชื่อว่า ‘อินธน์’

“หึหึ… หมายความว่า ตอนนี้เรามีถุงมือสำหรับสวมข้างขวาแล้ว”

หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ไคลน์ตัดสินใจยังไม่ช่วงชิงจิตกัดกร่อนออกจากดวงตาดำล้วนในทันที

เพื่อความไม่ประมาท ชายหนุ่มวางแผนทำเรื่องดังกล่าวตอนที่คิดจะปรุงโอสถนักเชิดหุ่น เพราะจากเอกสารของเมืองเงินพิสุทธิ์ การช่วงชิงพลังสามารถทำได้ตามปรกติโดยไม่ต้องพึ่งพามิติสายหมอก ขอเพียงกะจังหวะและเวลาอย่างเหมาะสม ไม่สนว่าวัตถุเป้าหมายจะถูกกัดกร่อนโดยจิตชั่วร้ายของพระผู้สร้างแท้จริงโดยตรง

แต่ถ้ายิ่งมีมิติหมอก อันตรายก็แทบเป็นศูนย์

เราสามารถใช้อินธน์ได้ตามปรกติ แต่ก่อนใช้งานต้องเก็บสิ่งสำคัญไว้บนมิติหมอก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรสูญหาย… หึหึ ในความเป็นจริง ตัวเราที่เป็นนักทำนายแทบไม่ต้องกังวลเรื่องของหายเลยสักนิด แค่ทำนายหาก็พบแล้ว…

ในการต่อสู้ปรกติ ด้วยมือซ้ายที่สวมยุบพองหิวโหยและมือขวาที่สวมอินธน์ แค่จินตนาการก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก…

ไคลน์นั่งตรึกตรอง และพบว่าตนมีวัตถุสำหรับปรุงโอสถลำดับ 5 นักเชิดหุ่นพร้อมสรรพ ขาดเพียงวัตถุดิบเสริมอีกสองชนิด

ชายหนุ่มส่ายหน้า พึมพำกับตัวเอง

เหลือแค่รอให้โอสถถูกย่อยอย่างสมบูรณ์!

จากนั้นก็ขึ้นเรือของพลเรือโทดวงดาวหรือไม่ก็เรือของแฮงแมน มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกของทะเลโซเนียเพื่อตามหานางเงือก!

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ