‘สภาแห่งชะตา’ ริคคาร์ดที่ซ่อนตัวอยู่ในโพรงใต้สะพาน มิได้ส่งเสียงใดกลับมาเป็นเวลานาน จนไคลน์อดคิดไม่ได้ว่า อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนขาดใจตายไปแล้ว และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ตนล้มเหลวในการพนัน
ขณะไคลน์เตรียมซักถามเพื่อยืนยันให้แน่ชัด ริคคาร์ดกระแอมค่อยสองหน กล่าวด้วยเนื้อเสียงแหบพร่า
“สมแล้วที่เป็นนักผจญภัยทรงพลังผู้สามารถผนึกลูกเต๋าได้ในระยะเวลาหนึ่ง สถานการณ์ค่อนข้างผิดไปจากความคาดหมายของผม แค่ก! ผมกำลังนึกสงสัยว่า เหตุใดพลังแห่งโชคถึงไม่ยอมทำงาน… ค่อนข้างน่าเสียดายที่ผมกำลังบาดเจ็บหนัก ไม่อย่างนั้นคงจะออกไปดูด้วยตาตนเอง ว่าสิ่งใดกันที่ผู้วิเศษเส้นทางอื่นยากจะมองเห็น แม้จะใช้เนตรวิญญาณระดับสูงตรวจสอบแล้วก็ตาม หึหึ… นี่คือลักษณะพิเศษที่มีเพียงผู้ครอบครอง ‘โชคชะตา’ เท่านั้นจึงจะมองเห็น”
นายกำลังจะบอกว่า ปัญหาอยู่ที่ตัวฉัน? แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย สาระสำคัญอยู่ที่ พวกนายยังติดเงินอยู่เจ็ดร้อยปอนด์… ไม่สิ เจ็ดร้อยสามสิบ…
ไคลน์บ่นอย่างหัวเสีย แต่ก็อดหวนนึกถึงเด็กชาย ‘อาเดมิทอร์’ ในตลาดมืดค้าของวิเศษประจำเมืองทิงเก็นไม่ได้
ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อเด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมลำดับ 9 ครึ่งจ้องไคลน์ด้วยตาเปล่า อาการแรกคือแหกปากร้องลั่น อาการที่สองคือเลือดออกจากดวงตา ลงไปนอนเกลือกกลิ้งชักดิ้นชักงอบนพื้น
เป็นเพราะเด็กคนนั้นมีลักษณะพิเศษของเส้นทางโชคชะตา จึงมองเห็นที่เกี่ยวกับสายหมอกในตัวเรา? น่าเสียดาย สภาแห่งชะตาคนนี้กำลังพักรักษาตัว ทำได้เพียงแผ่ออร่าความโชคร้ายออกมาโดยรอบ ไม่สามารถตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้กับเราได้… คงต้องกลับไปถามอสรพิษปรอท วิล·อัสติน รายนั้นอาจมีข้อมูลในเชิงลึก… แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโชคชะตา เขาอาจไม่ยอมบอกเราตามตรง มีโอกาสที่จะอธิบายแบบคลุมเครือเหมือนกับพวกนักต้มตุ๋น…
ไคลน์ครุ่นคิดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ”
ริคคาร์ดถอนหายใจ
“ช่วยตามดัควีลล์มาที ผมจะทำการอวยพรโชคแก่เขา ให้ไปพนันแทนคุณ”
จากชื่อโรงแรมที่ริคคาร์ดมอบให้ ไคลน์ตามหาตัวดัควีลล์ได้ไม่ยาก จากนั้นก็พานักปรุงยาอ้วนเดินไปยังบ่อนพนันพร้อมกับกระเป๋าเดินทางและไม้ค้ำ
การพนันเกมแล้วเกมเล่าผ่านไป จนกระทั่งเปลี่ยนบ่อนสี่ครั้ง ดัควีลล์สามารถทำเงินครบเจ็ดร้อยห้าสิบปอนด์ได้ตั้งแต่ในช่วงเช้า
หลังจากรับเงินสดจำนวนเจ็ดร้อยสามสิบปอนด์มาถือ ชายหนุ่มเริ่มพบต้นตอของปัญหา
เป็นไปตามคำกล่าวของริคคาร์ด ตนมิได้แพ้พนันเพราะพลังของอีกฝ่ายอ่อนแอ ปัญหาอยู่ที่ความไม่ปรกติของตัวเอง!
แล้วเป็นเพราะอะไรกัน…
ไคลน์ครุ่นคิดพลางจับกระเป๋าสตางค์ที่บวมพองขึ้นจากตอนแรก ปากพึมพำ
จากนั้น มันฉุกคิดถึงสายหมอกล่องหนรอบตัว และเริ่มเข้าใจถึงสาเหตุอย่างรวดเร็ว
หลังจากกลายเป็นผู้ไร้หน้า หมอกเทาเริ่มมีบทบาทกับโลกความจริงมากขึ้น ไม่เพียงจะช่วยสกัดกั้นมลทินน่ารังเกียจในบางเรื่องโดยอัตโนมัติ แต่ยังกีดขวางการบิดเบือนโชคชะตาจากผู้อื่นได้ประมาณหนึ่ง ส่งผลให้สภาแห่งชะตาอวยพรโชคไม่สำเร็จ
ตามตรรกะดังกล่าว โชคร้ายก็จะไม่เกิดขึ้นกับตัวเราเช่นกัน…
ตลกร้ายชะมัด… เราไม่มีทางเป็นคนดวงซวยบัดซบ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีวันได้เป็นคนดวงดีถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง…
ไคลน์ส่ายหน้าแผ่วเบา เดินตามดัควีลล์และนกฮูกแฮร์รี่กลับไปยังสะพานหิน แจ้งวิธีอัญเชิญผู้ส่งสารของตนให้ริคคาร์ดทราบ กำชับว่าหากอีกฝ่ายพบสมบัติวิเศษเกี่ยวกับการโจมตีเมื่อใด ให้รีบส่งข่าวมาทันที
เมื่อเรื่องราวอันวุ่นวายจบลง ไคลน์เช็กอินเปิดห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองท่าโอลาวี
…
กรุงเบ็คลันด์ ช่วงเช้า
ท่ามกลางหมอกหนาที่ไม่มากเท่าเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเมื่อปีก่อน เอ็มลินเดินเตร็ดเตร่ภายใต้ท้องฟ้าสลัวที่มันชื่นชอบจนมาถึงหน้าบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์
สั่นกริ่งบ้านเสร็จ ผีดูดเลือดหนุ่มยืนรอด้วยมาดสง่างาม แผ่นหลังตั้งตรง ปลายคางเชิดขึ้น
เลียวนาร์ดเปิดประตูบ้าน สำรวจใบหน้าอันหล่อเหลาแต่โอหังเสียเต็มประดาสักพัก ก่อนจะส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้าไปข้างใน
มันยังคงสวมเชิ้ตขาวและกางเกงขายาวสีดำคล้ายเมื่อวาน แต่คราวนี้สวมเสื้อกั๊กสีเข้มซึ่งไม่ติดกระดุมทับไว้
“ข้อสรุปของคุณคือ?” เลียวนาร์ดยิ้มถาม
“ไม่มีปัญหา”
เนื่องจากไม่ใช่เงินของตัวเอง เอ็มลิน·ไวท์ไม่คิดจะต่อรองแม้แต่หนึ่งเพนนี
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันกังวลว่า จากท่าทีของอีกฝ่ายในคราวก่อน การต่อรองอาจให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม ราคาสมบัติวิเศษอาจสูงขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากอีกฝ่ายเกิดความหงุดหงิดรำคาญ
เลียวนาร์ดพยักหน้ารับ อมยิ้มเล็กน้อย
“ร่ำรวยทีเดียว”
ชมเชยตามมารยาทสินะ…
เอ็มลินรำพัน เปิดปากโต้ตอบ
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับคุณ”
กล่าวจบ มันเปิดกระเป๋าเดินทางที่มีธนบัตรเงินสดจำนวนเจ็ดพันปอนด์อัดแน่น
เลียวนาร์ดหยิบปึกแล้วปึกเล่าออกมาตรวจสอบอย่างใจเย็น ขั้นตอนนี้ใช้เวลาสักพัก
เมื่อพึงพอใจ มันถอดถุงมือสีแดงข้างซ้ายออก และยื่นส่งมาทางเอ็มลินพร้อมกับอธิบาย
“นี่คือสมบัติวิเศษที่คุณต้องการ มันสามารถเปลี่ยนสีเพื่ออำพรางได้อย่างอิสระ”
“สิ่งนี้ชื่อว่า ‘อินธน์’ (เชื้อไฟ) มีสรรพคุณในการเพิ่มเสน่ห์ของผู้สวม เปลี่ยนให้คำพูดน่าเชื่อถือขึ้นเล็กน้อย นอกจากนั้นยังมีความสามารถในการขโมยพลังพิเศษของเป้าหมายภายในระยะห้าสิบเมตร ยิ่งมีข้อมูลและรู้จักกับเป้าหมายมากเพียงใด โอกาสขโมยพลังที่ต้องการก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย พลังที่ได้รับก็ยิ่งเป็นแบบสุ่ม ขึ้นอยู่กับดวง หากเป้าหมายมีลำดับสูงกว่า 6 โอกาสสำเร็จจะไม่ใช่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ยิ่งลำดับสูงมากเท่าไร โอกาสล้มเหลวก็ยิ่งมากตาม หากขโมยสำเร็จ เป้าหมายจะสูญเสียพลังดังกล่าวทันที และต้องอยู่ห่างจากอินธน์อย่างน้อยสิบสองชั่วโมงเพื่อให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง โดยทางฝั่งผู้สวมอินธน์จะใช้พลังดังกล่าวได้อย่างอิสระเป็นเวลาสิบนาที เนื่องจากมีผลข้างเคียงต่ำ ราคาของมันจึงสูงกว่าสมบัติวิเศษในระดับเดียวกัน”
หลังจากนั่งฟังอย่างเงียบงัน เอ็มลินเริ่มให้ความสนใจกับพลังของอินธน์ จึงซักถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“ผลข้างเคียงคืออะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ