สตรีที่เป็นเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนอาสาสมัครรีบก้มตัวลง เก็บปากกาที่ตกพื้นอย่างทุลักทุเล
ทันใดนั้น ไคลน์เพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อสามวันก่อน ภายในนั้นมีใบหน้าและข่าวของตนแผ่หลาเด่นชัด
ที่นี่สมัครรับหนังสือพิมพ์ด่วนของเกาะรอสต์ไว้ด้วยหรือ? เพราะถ้าพิจารณาจากระยะเวลาในการเดินเรือ คนทั่วไปจะได้อ่านข่าวของหมู่เกาะรอสต์ก็ต่อเมื่อผ่านไปแล้วสี่วัน… ชิ… ถ้ารู้แบบนี้ เราคงปลอมหน้าและบัตรประชาชนมาสมัครทำงาน…
ไคลน์ยืนครุ่นคิดหน้าโต๊ะอย่างนึกเสียดาย
สตรีวัยสามสิบหยิบปากกาขึ้น แหงนหน้ามองพลางกล่าวเสียงสั่น
“ค…คุณจะทำงานอาสาสมัครหรือคะ”
“ใช่” ไคลน์ยืนยันเสียงขรึม
“ต…แต่ว่าคุณเป็นนักผจญภัย” หญิงสาวกล่าวติดอ่างอย่างหวาดกลัว
จากสัญชาตญาณ เธอไม่ต้องการให้บุคคลอันตรายตรงหน้าทำงานเป็นอาสาสมัคร!
เป็นคนดังไม่ได้มีแต่ข้อดี… ช่างมัน… ไว้เราค่อยเปลี่ยนหน้า เครื่องแต่งกาย บัตรประชาชน และกลับมาสมัครใหม่…
ไคลน์ถอดใจ กล่าวด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“ใครเป็นคนกำหนดว่านักผจญภัยทำงานอาสาสมัครไม่ได้”
เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนสาวทำหน้าคล้ายจะร่ำไห้ โพล่งขึ้นเสียงดัง
“ไม่ใช่ฉันก็แล้วกัน!”
ทันใดนั้น ห้องลงทะเบียนอาสาสมัครพลันเงียบกริบ ไคลน์อึ้งจนพูดไม่ออก ในใจนึกขบขัน แต่ภายนอกต้องปั้นหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์
ผ่านไปสักพัก หญิงสาวได้สติ เริ่มตระหนักถึงความไม่เหมาะสมในสิ่งที่ตนพูดออกไป จึงกล่าวโดยฝืนยิ้มแข็ง
“อ…เอ่อ ดิฉันหมายถึง ไม่เคยมีใครกำหนดเอาไว้แบบนั้นค่ะ เพียงแค่คิดว่า การเป็นนักผจญภัยอาจไม่มีเวลามากนัก จำเป็นต้องออกทะเลบ่อยครั้ง ไม่น่าจะว่างมาทำงานอาสาสมัคร”
“นั่นมันคนอื่น” ไคลน์ตอบห้วน
หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นมาปิดปาก ก่อนจะวางลงพร้อมกับเผยรอยยิ้มสดใส
“เข้าใจแล้วค่ะ มาลงทะเบียนกันดีกว่า”
เธอกล่าวพลางยื่นแบบฟอร์มส่งให้
“กรุณากรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พวกเราจะมีการอบรมอาสาสมัครตามความต้องการของคุณ หลังจากนี้ให้รอเรียกตัวนะคะ ทางเราจะติดต่อคุณกลับไป หรือไม่ก็ คุณสามารถแวะเข้ามาตรวจสอบผลได้ด้วยตัวเอง”
เธอตัดสินใจได้แล้วว่า จะไม่กรอกแบบฟอร์มของเกอร์มัน·สแปร์โรว์เข้าไปในระบบ แต่จะส่งข้อมูลไปยังหัวหน้ามูลนิธิ ให้อีกฝ่ายช่วยแจ้งไปยังกรมตำรวจแทน
โอ้ท่านเทพธิดา… เหตุไฉนบุคคลอันตรายเช่นนี้ถึงมาลงทะเบียนเป็นอาสาสมัคร?
หญิงสาวแอบวาดจันทร์แดงกลางหน้าอก
ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย รับแบบฟอร์มและนั่งลงกรอกเอกสารให้ครบทุกช่อง
ระหว่างนั้น ชายสวมชุดกาวน์สีขาวของแพทย์เดินเข้ามาในห้อง เอ่ยปากถาม
“โยฮันน่า ยังมีอาสาสมัครคนใหม่เหลืออีกไหม พวกเราจะเริ่มฝึกอบรมภาคเช้าแล้ว”
โยฮันน่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทะเบียนสาว ต้องการส่ายหน้าปฏิเสธตามจิตใต้สำนึก แต่การมีเกอร์มัน·สแปร์โรว์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ถึงแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แต่ก็มากพอจะทำให้หญิงสาวไม่กล้าโกหก
“มีค่ะ” เธอหันไปตอบกับชายสวมกาวน์ขาว ตามด้วยหันมาพูดกับไคลน์ “มิสเตอร์สแปร์โรว์ คุณอยากจะฝึกอบรมพื้นฐานตอนนี้เลย หรือค่อยเริ่มวันพรุ่งนี้คะ?”
ไคลน์ทำหน้านึกสักพัก
“ตอนนี้”
มันต้องการเรียนรู้งานล่วงหน้า วันพรุ่งนี้จะได้ใช้ใบหน้าอื่นมาทำงานอาสาสมัครและแสดงฝีมือได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะนั่นอาจให้ถูกส่งตัวไปทำงานจริงในโรงพยาบาลได้เร็วขึ้น
โยฮันน่าสูดลมหายใจยาว
“ถ้าคุณกรอกใบสมัครเสร็จ เชิญเดินตามมิสเตอร์กราญ่าเข้าไปได้เลยค่ะ”
“ตกลง” ไคลน์ตอบห้วน
ครึ่งชั่วโมงถัดมา นักผจญภัยเสียสติ บ้าบิ่น และเยือกเย็น เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ยืนจ้องห้องน้ำสภาพโสโครกตรงหน้า พลางกลั้นหายใจถาม
“ให้ฉันขัด?”
“ถูกต้อง คุณผ่านการฝึกอบรมด้านความอดทนมาแล้วก็จริง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่พวกเราทำในโรงพยาบาล และยังห่างไกลจากสิ่งน่ารังเกียจที่ต้องเผชิญมาก งานหลักของพวกเราคือการทำความสะอาดเสมหะและคราบอาเจียนของผู้ป่วย เปลี่ยนผ้าปูเตียงสกปรก รักษาความสะอาดห้องน้ำ รักษาความสะอาดห้องคนไข้ ฮะฮะ! โชคยังดีที่งานพันแผลเป็นของมืออาชีพ งานของพวกเราจึงเหลือแค่เรื่องพื้นฐาน” กราญ่าปิดจมูก ชี้ไปทางชักโครกสุดบัดซบที่เต็มไปด้วยคราบเหลืองสลับดำ “จงทำตามสิ่งที่ได้ฝึกอบรมไปในช่วงเช้า เริ่มงานได้”
ไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยสักนิด…
แตกต่างราวฟ้ากับเหว…
ความคิดแรกในหัวไคลน์คือการหันและเดินกลับทันทีโดยไม่เหลียวมอง แต่ท้ายที่สุด มันตัดสินใจหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม อดทนต่ออาการวิงเวียน เดินเข้าไปใกล้และนั่งยองลง
ชายหนุ่มโน้มตัวเหยียดแขนลงไปขัด
***
เที่ยงตรง ไคลน์ถอดกาวน์สีขาวออก สวมหมวก เดินออกจากมูลนิธิเวชบริบาลโอลาวีด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
‘ยังต้องกลับมาทำงานแบบนี้จริงหรือ’ นี่คือคำถามที่มันยังตอบกับตัวเองไม่ได้
จนกระทั่งมาถึงผับมะนาวหวานด้วยรถม้าเช่า ไคลน์ตัดสินใจได้ว่า ลองดูสักตั้งก็คงไม่เสียหาย
เราต้องเป็นนักเชิดหุ่นภายในปี 1350 ให้ได้ จากนั้นก็รีบย่อยโอสถ และมองหาลู่ทางก้าวไปสู่ครึ่งเทพ…
ไคลน์วางแผนระยะยาว
มันพยายามสงบสติ เดินเข้าผับมะนาวหวาน ตรงไปนั่งหน้าเคาน์เตอร์และจ่ายเงินแปดเพนนีเป็นค่าสเต๊กหมู น้ำแอปเปิ้ล และเนยหนึ่งก้อน
นอกจากนั้นยังมีเบียร์ไรย์อีก 1.5 เพนนี ทั้งหมดคืออาหารเที่ยงของไคลน์
ใช้เวลาจัดการอาหารสักพัก ชายหนุ่มเช็ดปากด้วยผ้าเช็ดมือ กล่าวกับบาร์เทนเดอร์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ