โซทอธใช้มือลูบใต้เบ้าตา กล่าวเสียงทุ้ม
“บอส… ท่านผู้นั้นจะมาถึงในวันมะรืน”
บิลต์หันไปมองด้วยสีหน้าอึมครึม
“ฉันรู้”
“พวกเรามีแค่สองทางเลือก หนึ่ง จ้างเกอร์มัน·สแปร์โรว์โดยไม่สนใจว่าเขาน่าเชื่อถือหรือไม่ และสวดภาวนาให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด สอง ยอมทิ้งธุรกิจทั้งหมดในเมืองโอลาวี ออกทะเลไปพร้อมเงินสดและเครื่องเพชร เปลี่ยนตัวเองเป็นโจรสลัด ผมเชื่อว่า ลูกเรือและนักผจญภัยที่ล่าโจรสลัดจำนวนมาก จะต้องติดตามบอสไปแน่” โซทอธเว้นวรรค “บอส สมัยยังเป็นนักผจญภัย คุณเปี่ยมไปด้วยภาวะผู้นำ พลังงาน และความเด็ดเดี่ยว แผนไล่ล่าโจรสลัดของคุณไม่เคยผิดพลาด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมเชื่อว่าคุณคงมีคำตอบในใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องปรึกษาคนอย่างผม”
“ฮะฮะ… อย่ายอกันนักเลย” บิลต์ยิ้มแห้ง “ฉันไม่ใช่นักล่าโจรสลัดที่ปราศจากความเกรงกลัวอีกแล้ว ชีวิตแสนสะดวกสบายอันยาวนานจะกัดกร่อนจิตใจและฝีมือผู้คนเสมอ จิตใจของฉันอ่อนแอถึงขั้นไม่กล้าเลื่อนลำดับ คล้ายกับว่า ฉากที่พวกพ้องแปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดยังคงตามหลอกหลอนจนถึงทุกวันนี้”
ฟู่ว…
มันถอนหายใจยาว ใบหน้าเริ่มเคร่งขรึม
“แต่นายพูดถูก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวลังเล ต้องรีบตัดสินใจกระทำบางสิ่งโดยเร็ว”
เมื่อกล่าวจบ บิลต์มองข้าง ใช้ปลายคางชี้ไปยังหน้าต่าง
โซทอธผงะเล็กน้อย มันเข้าใจความนัย
…
ไคลน์ออกจากผับมะนาวหวาน เดินตรงไปตามถนน เตรียมเช่ารถม้าที่มุมสี่แยก
ทันใดนั้น เสียงกระจกแตกดังจากชั้นสองของตัวอาคาร เงาลางใครบางคนร่วงหล่นลงมาตรงหน้าชายหนุ่ม
คงเป็นเพราะความพิสดารที่สมุดบันทึกอันทีโกนัสเคยมอบให้ และคงเป็นเพราะความพิสดารที่เกิดขึ้นบนเกาะแบนชี ที่ภัตตาคารมะนาว ที่สำนักงานโทรเลข ความคิดแวบแรกในหัวไคลน์หลังจากได้ยินเสียงหน้าต่างแตกจึงเป็น :
บิลต์·แบรนโด้ตายแล้ว! ตายในลักษณะนอนแผ่ไปบนพื้นด้วยดวงตาเบิกโพลง!
ราวกับตนเปิดประตูห้องเข้าไปเห็นมารดาของรีเอล·บีเบอร์เสียชีวิตบนเก้าอี้นอน ศพเน่าเปื่อย ดวงตาหนึ่งข้างหลุดร่วงกลิ้งไปบนพื้นเมื่อถูกเขย่าตัว
หลังจากควบคุมความคิดฟุ้งซ่านที่แล่นผ่าน ไคลน์เริ่มเห็นชัดเจนว่าใครตกลงมาจากหน้าต่าง
เป็นโซทอธ·เอียน มิใช่บิลต์·แบรนโด้
นอกจากนั้น อีกฝ่ายอยู่ในสภาพปรกติ ลมหายใจยังครบถ้วน
ให้ตายสิ… ความฉิบหายไล่ตามมาถึงที่…
ภายในใจไคลน์เริ่มปั่นป่วน ลองคาดเดาสถานการณ์ตามความเคยชิน
หากทำตัวตามนิสัยแก่นแท้ มันคงแสร้งมองไม่เห็นโซทอธ·เอียนที่กระโดดลงมาเรียกร้องความสนใจ เลือกหันหลังวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด จนกว่าจะสลัดหลุดโดยสมบูรณ์
พลเรือเอกดวงดาวก็คงถูกความรู้ไล่ล่าในทำนองนี้กระมัง…
น่าเสียดาย ปัจจุบันเราคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยเสียสติ ไม่สามารถวิ่งหนีไปจากเรื่องเล็กน้อยได้… เฮ่อ… ช่างสวมบทบาทได้เก่งกาจอะไรเช่นนี้… เป็นมืออาชีพก็ลำบากเหมือนกัน…
ไคลน์หยุดเดิน หันไปมองโซทอธในเสื้อลินิน แจ็คเก็ตสีน้ำตาล โดยอีกฝ่ายกำลังใช้มือกดหมวกทาบลงบนหน้าอก กล่าวอย่างนอบน้อม
“มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์ พวกเรามีงานที่สำคัญมากต้องการรบกวนคุณ”
นั่นปะไร…
ไคลน์ตอบเสียงเย็น
“ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง”
“ขอรบกวนเวลาของคุณไม่มาก ช่วยรับฟังรายละเอียดก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธก็ยังไม่สาย” โซทอธหนวดเคราคมเข้มกล่าวด้วยเสียงวิงวอน
เกรงว่าหลังจากฟังจบ ถึงตอนนั้นคงไม่มีโอกาสให้ปฏิเสธแล้ว… เดี๋ยวก่อน… แบบนั้นก็ยิ่งดีเลยไม่ใช่หรือ ถ้าบิลต์·แบรนโด้กับโซทอธ·เอียนพยายามข่มขู่เรา ก็แค่เปลี่ยนพวกมันให้เป็นขุมสมบัติและตะกอนพลังเท่านั้นเอง…
ไคลน์ไตร่ตรองอย่างจริงจัง และพบว่าตนค่อนข้างมีอิสระมากในทะเล ด้วยพลังระดับพลเรือโจรสลัด ไม่สิ่งใดที่ทำไม่ได้
ชายหนุ่มหยิบนาฬิกาพกสีทองออกจากกระเป๋าเสื้อ กดปุ่มกลไกเปิดฝาตรวจสอบ
“ให้เวลาห้านาที”
“แค่นั้นก็เกินพอครับ” โซทอธชี้ไปยังทางเข้าผับมะนาวหวานด้านหลังไคลน์
กลับมายังห้องเดิม ไคลน์มองนาฬิกาแขวนบนผนังและพูดเสียงขรึม
“เหลืออีกสามนาทีสิบสองวินาที”
ท่าทีดังกล่าวทำให้บิลต์เริ่มสงบลง มันเชื่อว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์คือบุคคลที่สามารถบรรลุภารกิจสำคัญของตนได้
“มิสเตอร์เกอร์มัน ผมได้ยินว่าคุณมีพลังที่สามารถแปลงโฉมเป็นใครก็ได้ เหมือนกับพลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์” บิลต์รีบจบคำถามโดยเร็ว
ชิ… ใครมันเป็นคนปล่อยข่าว?
ไคลน์ขมวดคิ้วชัดเจน หันไปจ้องตาบิลต์
หากข่าวลือเรื่องที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์แปลงโฉมเป็นใครก็ได้แพร่สะพัดออกไป ไคลน์พบว่าตนจะตกอยู่ในสถานการณ์ค่อนข้างยากลำบาก เพราะนั่นจะทำให้ผู้คนนึกถึง ‘ยุบพองหิวโหย’ ของคีลิงเกอร์ หรือไม่ก็อาจเดาได้ว่า ตนคือผู้ไร้หน้าบนเส้นทางนักทำนาย โดยไม่ว่าจะทางใดก็ล้วนเป็นปัญหาทั้งสิ้น ในกรณีแรก มันอาจถูก ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ ที่ว่าจ้างคีลิงเกอร์ส่งคนมาตามล่า และถ้าเป็นกรณีหลัง มันก็อาจถูกโบสถ์รัตติกาลตามล่าเช่นกัน
จริงอยู่ พลังของโบสถ์รัตติกาลไม่ทรงพลังมากนักในทะเล และไคลน์มิได้กังวลว่าตัวเองจะเป็นอันตรายสักเท่าไร เพียงแต่ มันไม่อยากเป็นศัตรูกับเหยี่ยวราตรี
หากเกิดเรื่องเช่นนั้น มันคงไม่มีทางเลือกนอกจากละทิ้งตัวตนเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เพราะนักผจญภัยบ้าบิ่นที่มีมุมอ่อนโยนได้ถูกผู้คนรู้จักเป็นวงกว้างพอสมควรแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จในการ ‘สวมบทบาท’
เมื่อบิลต์ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในดวงตาเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เนื้อตัวมันเริ่มสั่นเทา รีบกล่าวพลางหัวเราะกลบเกลื่อนความประหม่า
“ฮะฮะ… เป็นข่าวลือจากกาฬมรณะน่ะ”
เทรซี่… หล่อนพยายามเอาคืนเรา… ย่อมได้ แล้วมาดูกันว่าฝ่ายไหนจะโดนเชือดก่อน…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ