ได้ยินบิลต์อธิบาย ไคลน์ผุดคำหนึ่งในหัวทันที
ลาก่อน!
เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ขมวดคิ้ว บิลต์รีบเสริมอย่างตื่นตระหนก
“แต่นั่นมิได้ทำให้เนื้องานยากขึ้น คุณไม่ต้องสำแดงพลังครึ่งเทพใด ๆ ทั้งสิ้น”
มันกระแอมล้างคอ ฉีกยิ้มกว้าง
“เพื่อให้ภารกิจง่ายลง ท่านนายพลจงใจเลือกเวลาให้ตรงกับการเยือนฐานทัพเรือโอลาวี ช่วยให้ตัวปลอมไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์บัญชาการใหญ่ของฐานทัพเรือในบายัม ไม่ต้องพบหน้าแยนน์·ค็อตแมน เจ้าสมุทร ไม่ต้องพบหน้าจอร์จ·นีแกน นายกเทศมนตรีแห่งหมู่เกาะรอสต์ ไม่ต้องพบหน้าลูกน้องคนสนิทเกือบทั้งหมด ไม่ต้องพบหน้าญาติและครอบครัวที่ปักหลักทำธุรกิจและมีที่ดินอยู่ในบายัม ไม่ต้องพบหน้าภรรยารองที่ใกล้ชิดกว่าใคร หรือสรุปโดยสั้น คุณไม่ต้องเผชิญหน้าครึ่งเทพคนใดเลย ไม่ต้องเผชิญกับการทดสอบจากหลากหลายบุคคลที่เคยใกล้ชิดท่าน ในภารกิจนี้จะมีเพียงสามบุคคลที่ค่อนข้างสนิทสนมกับท่านนายพล คนแรก เลขานุการส่วนตัว พันโทลัวอาน เป็นคนที่ MI9 ส่งมาคอยตรวจสอบท่านนายพล มักเปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ๆ ตามแบบฉบับสายลับระดับสูง ผมไม่ทราบชื่อจริงของเขา คนที่สอง ภรรยารองของท่านนายพลบนเกาะโอลาวี สาวงามนามว่าซินเธีย บรรพบุรุษของเธอเคยเป็นขุนนางใหญ่ แต่ปัจจุบันถูกริบบรรดาศักดิ์และเนรเทศมายังเกาะแห่งนี้ คนที่สาม ออสเท่น·รีเวลต์ นายกเทศมนตรีของเกาะโอลาวี และเป็นน้องชายคนเล็กของท่านนายพล โดยเอิร์ลรีเวลต์แห่งสภาขุนนางคือพี่ใหญ่ของท่านทั้งสอง”
ฟังดูไม่ยากเท่าไร อีกทั้ง ผลการทำนายบนมิติหมอกก็ยืนยันแล้วว่าไม่มีอันตราย…
ไคลน์เงียบงันสักพัก ตามด้วยพยักหน้า
“ฉันต้องการข้อมูลของนายพลอมิรุส”
“พวกเราเตรียมไว้แล้ว นี่คือภาพถ่าย นี่คือรอยตำหนิในร่มผ้า นี่คือสำเนียงการพูด นี่คือคำพูดติดปาก นี่คือท่าทีตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน นี่คือรายละเอียดความสัมพันธ์กับพันโทลัวอาน ซินเธีย ออสเท่น และคนอื่น”
ด้วยสีหน้าเบิกบาน บิลต์พรั่งพรูข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับนายพลอมิรุส
ชายหนุ่มรับภาพไปดู พบว่าอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนเจ้าของเส้นผมสีดำ ดวงตาสีฟ้าแฝงความขึงขังและเข้มงวด เส้นผมดกดำมากกว่าชายชาวโลเอ็นตามปรกติ
ไคลน์ผงกศีรษะ เงยหน้าขึ้น
บิลต์กล่าวต่อ
“ผมทราบว่าข้อมูลเหล่านี้มีปริมาณมาก แต่ในฐานะมืออาชีพด้านการแปลงโฉม คุณคงจดจำมันได้ในสองวันได้โดยไม่มีปัญหา…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง บิลต์พลันผงะถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากบุคคลที่ยืนตรงหน้ามิใช่เกอร์มัน·สแปร์โรว์อีกต่อไป แต่เป็นอมิรุส·รีเวลต์!
ทั้งบรรยากาศรอบตัวและสายตาอันน่าเกรงขามของอีกฝ่าย ทุกสิ่งดูสมจริงจนน่าเหลือเชื่อ!
“โอ้พระองค์วายุสลาตัน! น…นี่มัน… นี่มันระดับปาฏิหาริย์!” บิลต์สำรวจหัวจรดเท้าอย่างไม่เชื่อสายตา จนกระทั่งเริ่มใจเย็นลง มันเล่าต่อ “แต่ยังขาดบางจุดไปนิด ควรสูงกว่านี้สักสามเซนติเมตร ต้นขาต้องมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่านี้อีกเล็กน้อย… ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาแน่! ในวันมะรืน ท่านนายพลจะเดินทางมาถึงเกาะพร้อมกับกองเรือหลวงโซเนียที่หนึ่ง เยี่ยมชมฐานทัพเรือในช่วงบ่าย และรับประทานอาหารค่ำในงานเลี้ยงต้อนรับ ณ คฤหาสน์นายกเทศมนตรี ผมได้รับคำเชิญเป็นกรณีพิเศษ และสามารถพาคุณเข้าไปพร้อมกันได้ จุดประสงค์เพื่อให้คุณสังเกตการณ์ปฏิบัติตัวต่อคนรอบข้างของท่านนายพล”
เล่าถึงจุดนี้ บิลต์รับเงินสดจำนวนห้าร้อยปอนด์ที่โซทอธหยิบจากตู้นิรภัย ตามด้วยการหันมาพูดกับไคลน์
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับคุณ!”
ไคลน์รับเงิน กวาดตาตรวจสอบเล็กน้อย
“ด้วยความยินดี”
…
กรุงเบ็คลันด์ ถนนวิลเลียมส์
ในฐานะถุงมือแดงหน้าใหม่ เลียวนาร์ด·มิเชลทำได้เพียงยืนพิงกำแพงด้านนอกบ้านหลังหนึ่ง รอฟังผลสรุปจากการสืบสวนจุดเกิดเหตุเบื้องต้น
ฝ่าเท้าขวายกขึ้นทาบกำแพง ปลายเท้าจิกพื้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย
ผ่านไปสักพัก มันเห็นพวกพ้องคนหนึ่งเดินกลับมา สีหน้าค่อนไปทางซับซ้อน แฝงด้วยความตื่นเต้น สับสน ประหม่า และคาดหวังในเวลาเดียวกัน
“ธอมสัน ผลเป็นยังไงบ้าง?” เลียวนาร์ดเผยรอยยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปหา
“ค่อนข้างดี” ธอมสันพยักหน้า เริ่มเล่ารายละเอียดการสืบสวน “ทั้งสองฝั่งพูดความจริง พวกมันไม่มีทางโกหกในความฝันได้อยู่แล้ว”
ธอมสันที่เหลือผมบนศีรษะไม่มากนัก สวมหมวกกลับและเล่าต่อ
“พวกมันให้การสอดคล้องกัน ใต้ถนนวิลเลียมส์มีซากอารยธรรมของราชวงศ์ทูดอร์จากยุคสมัยที่สี่ซ่อนอยู่ ทางเข้าจะอยู่ในห้องสวดมนต์ร้างกลางถนน ส่วนเรื่องที่ว่า ยังมีทางเข้าอื่นอีกหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีใครทราบ”
“น่าสนใจมาก” เลียวนาร์ดไม่ถามเพิ่มเติม เพียงกลับไปยืนพิงกำแพงตามเดิม
มันเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อไม่พบใครจึงพึมพำเสียงแผ่ว
“ตาแก่ คุณถนัดเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรือ ซากอารยธรรมของทูดอร์ซ่อนอยู่ข้างล่าง”
เสียงค่อนข้างชราดังในหัวเลียวนาร์ด
“นับวันเจ้ายิ่งไม่มีสัมมาคารวะ… หากเป็นในยุคสมัยของข้า บุคคลที่ล่วงเกินผู้อาวุโสจะถูกเปลี่ยนให้เป็นเหยื่อสังเวยในพิธีกรรม และนั่นต้องไม่ใช่ซากอาคารของทูดอร์แห่งเดียวในกรุงเบ็คลันด์แน่”
“พวกมันโกหก?” เลียวนาร์ดถามเสียงค่อย
ชายชรากล่าวพลางหัวเราะ
“ไม่ใช่ แค่พวกมันไม่รู้ว่ามีอยู่ หากการคาดเดาของข้าถูกต้อง ซากโบราณสถานดังกล่าวน่าจะเป็นของจักรวรรดิร่วมระหว่างทรันซอสต์-ทูดอร์”
“อะไรนะ…” เลียวนาร์ดพลันอึ้ง มันไม่เคยได้ยินเบาะแสของจักรวรรดิดังกล่าวมาก่อน
เสียงชราหัวเราะ
“เด็กน้อย หลังจากจักรวรรดิโซโลมอนล่มสลายเป็นแห่งแรก จักรวรรดิทรันซอสต์-ทูดอร์ได้ก้าวขึ้นมาปกครองทวีปเหนือทั้งหมดแทนด้วยระบอบกงสุลแฝด กงสุลแฝด…” เลียวนาร์ดงับคำ
เสียงชราครึ่งหัวเราะครึ่งถอนหายใจ
“ซากโบราณสถานใต้ดินข้างล่างคงมีเชิงเทียนฝั่งซ้ายสี่สิบเอ็ดต้นและฝั่งขวาสี่สิบต้น รวมถึงบัลลังก์ของประมุขจำนวนสองที่นั่งเสมอกัน โดยขนาดของบัลลังก์จะใหญ่โตประหนึ่งสร้างให้คนยักษ์ใช้งาน แล้วก็… หึหึ… บางที มันอาจเป็นจุดที่อลิสต้า·ทูดอร์ใช้ก้าวขึ้นไปเป็นจักรพรรดิโลหิต”
เลียวนาร์ดขมวดคิ้วและคลายออก
ตามด้วยยิ้มมุมปาก
“ข้างในต้องมีความลับซ่อนไว้มากมายแน่”
“ถูกต้อง แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้” ชายชรากล่าวด้วยท่วงทำนองเหยียดหยัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ