มันพะงาบปาก คล้ายต้องการอธิบายบางสิ่ง แต่กลับลงเอยด้วยการคุกเข่าลงหนึ่งข้าง ละล่ำละลักท่ามกลางแรงกดดันมหาศาล
“ท…ท่านนายพล! คนเร่ร่อนรายนั้นเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอาการป่วย ผมจึงต้องหานักผจญภัยที่มีพลังแปลงโฉมมาทำงานแทนขอรับ”
ในทางกลับกัน ไคลน์มิได้ตึงเครียดอะไรนัก เพราะพลเรือเอกอมิรุส·รีเวลต์ตระหนักถึงตนได้ตั้งแต่งานเลี้ยงแล้ว เรื่องที่บิลต์มากับผู้วิเศษจึงมิใช่สิ่งแปลกใหม่ในสายตาอีกฝ่าย ในเมื่อยังกล้านัดพบโดยปราศจากความเกรงกลัว ก็แปลว่า พลเรือเอกแห่งกองทัพเรือรายนี้มิได้แยแสว่าบิลต์จะพาใครมาทำงาน
ไม่กังวลเลยสักนิด… คงเป็นความมั่นใจของครึ่งเทพ หรือไม่ก็ เส้นทางของเขามีลักษณะเฉพาะในการหยั่งถึงอันตรายล่วงหน้า…
ไคลน์ฝืนเงยหน้า จ้องพลเรือเอกที่กำลังมองกลับมาทางตน
“แข็งแกร่งพอตัว” อมิรุส·รีเวลต์แสดงความเห็นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
มันหันไปจ้องบิลต์พลางกล่าว
“อย่าได้นำลูกไม้ใต้โต๊ะที่คุณถนัดมาใช้กับผม บนโลกใบนี้ คนธรรมดาและผู้วิเศษมีจุดยืนแตกต่างกันมาก ตัวผมที่เป็นผู้บังคับใช้กฎ ย่อมสามารถจำแนกได้ชัดเจนกว่าใคร”
ไม่ผิดจากที่คิด… จากข้อมูล นายพลเป็นคนชอบสอนสั่ง เราต้องจดบันทึกไว้ นี่คือบุคลิกใหม่ที่แตกต่างจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์โดยสิ้นเชิง…
ไคลน์ก้มหน้ามองพื้นอีกหน เพราะมิอาจทนแรงกดดันจากอีกฝ่ายไหว
อมิรุส·รีเวลต์ขยับมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
“ความผิดแรกของคุณคือการโกหกผม ความผิดที่สองคือการประมาทเลินเล่อ “ลองคิดตามให้ดี คนเร่ร่อนที่คุณลงทุนลงแรงไปมากมายได้เสียชีวิตลงอย่างกะหันทัน หลังจากนั้นก็มีนักผจญภัยที่สามารถแปลงโฉมปรากฏตัวต่อหน้าทันที …ไม่คิดบ้างหรือว่ามันบังเอิญเกินไป”
ใช่ บังเอิญเกินไป…
ไคลน์เกือบจะเปล่งเสียงตาม
หากไม่ใช่เพราะมิติหมอกยืนยันว่าภารกิจนี้ปลอดภัย มันคงเกิดข้อกังขาว่า โชคชะตาของตนอาจถูกสัตว์ในตำนานหรือสมบัติวิเศษระดับ 0 คอยชักนำเข้าอีกแล้ว
เมื่อบิลต์ได้ยินประโยคดังกล่าว รูม่านตาพลันหดลีบเท่าหัวเข็มหมุด สติเริ่มกระจ่างแจ่มชัด
มันพบว่า จิตใจของตนในช่วงก่อนหน้านี้มีเพียงความหวาดกลัวอัดแน่นเต็มเปี่ยม ประหนึ่งคนใกล้ตายที่ดิ้นรนคว้าเส้นฟางเพื่อเอาชีวิตรอด หลงลืมความรอบคอบและประสบการณ์ที่สั่งสมมาชั่วชีวิตจนหมดสิ้น ลืมคิดไปว่า เหตุการณ์เกี่ยวกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์เต็มไปด้วยความบังเอิญมากเพียงใด!
ในวันแรกที่นักผจญภัยเสียสติมาเยือนผับมะนาวหวาน คนเร่ร่อนซึ่งเตรียมไว้ก็ตายทันที!
ยิ่งบิลต์ใคร่ครวญ มันก็ยิ่งพบความไม่ปรกติของเหตุการณ์
เมื่ออมิรุส·รีเวลต์เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของบิลต์ มันผงกศีรษะแผ่วเบาด้วยบรรยากาศขึงขัง
“บิดาของผม อดีตเอิร์ลรีเวลต์ผู้ล่วงลับ เคยมอบคำสอนไว้ว่า : จงยกโทษให้กับความผิดพลาดครั้งแรกของผู้ใต้บังคับบัญชา “บิลต์… คุณต้องขอบคุณท่าน”
บิลต์เริ่มผ่อนคลาย ในใจเกิดความซาบซึ้ง
มันคิดไปแล้วว่า นายพลอมิรุส·รีเวลต์ บุคคลที่ใกล้เคียงเทพมากกว่ามนุษย์ จะลงมือประหารตนทันที นัยเพื่อตักเตือนนักผจญภัยทรงพลังที่รับภารกิจปลอมตัว บิลต์คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีเมตตายอมไว้ชีวิต
“ท่านเจ้าคุณ… ผ…ผม” บิลต์ตะกุกตะกัก
อมิรุสยังคงเคร่งขรึม กล่าวเสียงลุ่มลึก
“คำสอนของท่านยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง นั่นก็คือ : จงลงโทษอย่างเด็ดขาดเมื่อลูกน้องทำผิดพลาดซ้ำสอง บิลต์ คงทราบแล้วใช่ไหมว่าต้องทำตัวอย่างไรนับจากนี้”
บิลต์ที่กำลังคุกเข่าหนึ่งข้าง นำกำปั้นขวาทาบลงบนหน้าอกซ้ายจนเกิดเสียง
“กระผมขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านนายพลตลอดไป!”
อมิรุสพยักหน้า หันมาทางไคลน์
“ชื่ออะไร”
เอาตัวตนไหนดีครับ…
ไคลน์รำพันติดตลก มอบคำตอบเยือกเย็น
“เกอร์มัน·สแปร์โรว์”
ได้ยินเช่นนั้น อมิรุส·รีเวลต์ชะงักไปสองวินาที ประหนึ่งเวลาภายในห้องพัสดุถูกแช่แข็ง
ไคลน์เกิดความอึดอัดเหนือพรรณนา จนกระทั่งอมิรุสกล่าวออกมา
“คุณนี่เอง”
ไม่เอาน่าท่านเจ้าคุณ ผมเป็นแค่สายข่าวตัวเล็ก ๆ ของ MI9 เท่านั้น แถมยังไม่เคยเบิกค่าแรงเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่นำศีรษะโจรสลัดไปขึ้นเงินรางวัลผ่านออส·เคนท์…
ไคลน์พึมพำ ภายในใจเริ่มประหม่า
อมิรุสผงกหัว มองบิลต์และไคลน์พลางกล่าว
“ดำเนินการตามแผนเดิม แต่ต้องทำพันธสัญญา”
พันธสัญญา…?
ไคลน์ฝืนเผชิญสายตาที่เต็มไปด้วยอำนาจและความน่าเกรงขาม
อมิรุสไม่อธิบายเพิ่มเติม เพียงหยิบปากกาและกระดาษที่เตรียมไว้ออกมาเขียน
ทุกครั้งที่จรดปลายปากกา ตัวหนังสือจะแผ่แสงสีทองสว่าง ประหนึ่งกำลังเขียน ‘กฎ’ ลงไป
ไคลน์หรี่ตาลง ทัศนวิสัยเริ่มพร่ามัว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้าลงอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ