ขณะกำลังเก็บกระเป๋า ผู้ส่งสารโครงกระดูกตัวใหญ่ปรากฏกายกะทันหัน
มันต้องการแตะไหล่ไคลน์ แต่เนื่องจากส่วนสูงที่เลยเพดานและไม่มีชั้นล่างให้ลงไปยืน ฝ่ามือจึงสัมผัสโดนเพียงอากาศ และทำได้แค่โยนจดหมายมาทางไคลน์ ก่อนจะแตกตัวกลับไปเป็นน้ำตกโครงกระดูก
มิสเตอร์อะซิกตอบกลับมาสักที… ผ่านไปนานเกือบหนึ่งสัปดาห์… ผู้ส่งสารของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยรึเปล่า… ท่าทางดูคล้ายกับตัวแรกที่พยายามทักทายเราก่อนยื่นจดหมาย…
ไคลน์รับกระดาษ คลี่ออกอ่าน
“ผมต้องขอโทษที่ไม่ได้เขียนตอบหลายวัน คงเป็นเพราะความทรงจำที่พรั่งพรูเข้ามาในปริมาณเกินขีดจำกัด ร่างกายของผมจึงต้องการพักผ่อนหลายวันเพื่อให้เคยชิน สิ่งที่คุณเขียนอธิบายนั้นตรงกับลักษณะเฉพาะของลำดับ 4 ‘ปรสิต’ แห่งเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ โดยตั้งแต่ลำดับนี้เป็นต้นไป พลังของพวกมันจะเน้นหนักในด้านการแทรกแซงร่างกายเป้าหมาย จากความทรงจำของผม ปรสิตที่สิงร่างเหยื่อจะมีสองประเภท ประเภทแรก ปรสิตขั้นต้น เป็นการซ่อนตัวภายในร่างโฮสต์ จุดประสงค์เพื่อยืดอายุขัยและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ มองเห็นทุกสิ่งที่โฮสต์เห็น ได้ยินทุกสิ่งที่โฮสต์ได้ยิน แต่ไม่สามารถควบคุมหรือขโมยความคิดของโฮสต์ได้ ดังนั้น โฮสต์จำเป็นต้องเปล่งเสียงหากหวังสื่อสารกับปรสิต”
“อีกหนึ่งประเภทก็คือ ปรสิตเต็มรูปแบบ ร่างวิญญาณของปรสิตและโฮสต์ผสานกันเกือบสมบูรณ์ ตระหนักถึงทุกการกระทำและความคิดของโฮสต์ สามารถควบคุมร่างกายได้ดังใจ หากเผชิญหน้ากับปรสิตประเภทแรก เราสามารถแจ้งให้โฮสต์ทราบผ่านทางความฝัน การสนทนาผ่านจิตใต้สำนึก หรือวิธีอื่น โดยไม่ต้องกังวลว่าปรสิตจะได้ยิน เพราะพวกมันต้องอาศัยประสาทสัมผัสของโฮสต์ในการรับรู้สิ่งรอบตัว”
“แต่ถ้าเป็นประเภทที่สอง เราไม่มีวิธีสื่อสารกับโฮสต์โดยไม่ให้ปรสิตรู้ตัว แต่ก็มีโอกาสขจัดออกจากร่าง โดยต้องหวังพึ่งพาความช่วยเหลือจากเทพที่โฮสต์เชื่อ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ซับซ้อนจนผมยากจะอธิบาย สามารถบอกได้เพียงว่า ขณะทำการสวดวิงวอนถึงองค์เทพ ปลายทางจะตรวจพบปรสิตในตัวสาวก จากนั้น พวกท่านจะมอบการตอบสนองผ่านพิธีกรรม เพื่อกำจัดปรสิตทิ้ง หรือไม่ก็แยกออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า โฮสต์ไม่ทราบมาก่อนว่าตนถูกปรสิตสิง และห้ามคิดเรื่องจำกัดทิ้ง ไม่อย่างนั้นแล้ว ปรสิตจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางพฤติกรรมดังกล่าว…”
เหมือนกับกรณีของเดอะซันน้อย…
เขาสวดวิงวอนถึงเราด้วยความไม่รู้ จนทำให้เราพบร่างแบ่งภาคของอามุนด์ จึงเริ่มเก็บซ่อนเจตนา แอบสอนให้เขาประกอบพิธีกรรมพันธะสัญญาลับ เพื่อชำระล้างปรสิตออกจากร่าง…
ไคลน์เริ่มกระจ่างในบางสิ่ง
“แต่เรายังยืนยันไม่ได้ว่า ปรสิตในร่างนักกวีเพื่อนรักนั้นเป็นประเภทใด สมัยยังอยู่ทิงเก็น หมอนั่นชอบพูดกับตัวเอง คงเป็นสัญญาณของประเภทแรก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน อาจพัฒนาไปเป็นปรสิตเต็มรูปแบบ ต้องยืนยันเรื่องนี้ให้แน่ชัดก่อนลงมือ จะได้แก้ปัญหาอย่างถูกวิธี การเข้าไปสนทนาในความฝันส่งเดช รังแต่จะทำให้ปรสิตประเภทที่สองรู้ตัวเร็วขึ้น เกิดเป็นปัญหาลุกลามจนยากจะแก้ไขได้ด้วยวิธีปรกติ ถ้าเป็นประเภทที่สอง นักกวีเพื่อนรักเชื่อในเทพธิดารัตติกาล แต่ปัญหาคือ พระองค์มีสาวกหลายสิบล้านคน ไม่น่าจะหันมาสนใจถุงมือแดงปลายแถวที่ไม่ใช่ข้ารับใช้ใกล้ชิดหรือนักบุญ ไม่เหมือนกับเรา เดอะฟูล ผู้มักตอบสนองคำวิงวอนของสาวกเป็นรายบุคคลบ่อยครั้ง…ช่วยไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ ‘สตาร์ทอัป’ ต้องทำ”
ไคลน์ครุ่นคิด จากนั้นก็ถอนหายใจ
อันที่จริง มันอยากจ้างเอ็มลินให้คอยจับตามองเลียวนาร์ด ยืนยันว่าอีกฝ่ายยังชอบพึมพำกับตัวเองอยู่หรือไม่ แต่หลังจากพิจารณาว่า ในการซื้อขายถุงมือ ‘อินธน์’ เอ็มลินเคยปรากฏตัวต่อหน้าเลียวนาร์ดและปรสิตแล้ว อาจถูกเป้าหมายไหวตัวทัน จึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป
มิสเมจิกเชี่ยนอยู่แค่ลำดับ 8 นักตุกติก ยังไม่เก่งกาจพอจะตามสะกดรอยเทวทูตเดินดิน ‘ปรสิต’ หรือกระทั่งถุงมือแดง…
ในฐานะผู้ชม มิสจัสติสเหมาะกับงานนี้มาก อีกทั้งยังเป็นสาวกของเทพธิดา แต่ปัญหาคือ เธอยังอยู่ในดินแดนของตระกูล ต้องรอให้ถึงเดือนมิถุนายนกว่าจะกลับเบ็คลันด์…
มิสเตอร์แฮงแมนกับมาดามเฮอร์มิทต่างกำลังอยู่ในทะเล และเดอะซันน้อยหมดสิทธิ์ติดต่อกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง…
“ชุมนุมทาโรต์ยังมีจำนวนสมาชิกไม่เพียงพอ ขาดแคลนความหลากหลายสำหรับทำภารกิจให้ครบทุกรูปแบบ ส่งผลให้เราหาคนทำงานแทนไม่ได้ในภารกิจนี้ จากบรรดาคนรู้จักทั้งหมด มาดามชารอนคือตัวเลือกที่ดีกว่าใคร พลังของเธอเหมาะกับภารกิจสอดแนมมาก แต่เราดันไม่มีวิธีติดต่อ… จะฝากเอ็มลินกับมิสเมจิกเชี่ยนส่งข่าวก็ไม่ได้… เฮ่อ… เรารีบร้อนออกจากเบ็คลันด์เกินไป จนลืมที่จะจัดการหลายสิ่งให้เรียบร้อย”
ไคลน์เงยศีรษะ ใช้มือลูบหน้าผากพลางพิจารณาว่า หากเลียวนาร์ดคือถุงมือแดงแห่งเหยี่ยวราตรี รอบตัวก็คงมีอาวุโสใหญ่ของโบสถ์คอยจับตามองตลอดเวลา ปรสิตคงไม่กล้าลงมือโฉ่งฉ่างไปอีกพักใหญ่
ดังนั้น ตนควรพับเก็บเรื่องนี้ไปก่อน รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยลงมือช่วยเหลือ
อาจต้องรอให้เราย่อยโอสถเสร็จ เดินทางไปยังย่านตะวันออกของทะเลโซเนียเพื่อตามหานางเงือก และเลื่อนลำดับ จากนั้นค่อยเดินทางกลับกรุงเบ็คลันด์เพื่อสะสางเรื่องนี้ด้วยตัวเอง…
…
ณ ผับมะนาวหวาน
บิลต์ ผู้กำลังหดหู่หลังจัดการกับสองสาวกนิกายกายาสวรรค์ที่เป็นคนใกล้ตัว พลันเผยสีหน้าตื่นเต้นเมื่อได้ยินข่าวดี
“นายพลอมิรุสออกเดินทางแล้ว และปลายทางคือบายัม?” มันรีบดึงซิการ์ออกจากปาก ลุกพรวดขึ้นถาม
คนสนิทของบิลต์ โซทอธ พยักหน้ารับ
“ราวครึ่งชั่วโมงก่อน กองเรือของท่านนายพลแล่นออกจากฐานทัพ หันหัวไปยังทิศทางของหมู่เกาะรอสต์”
ฟู่ว…
เมื่อยืนยันว่าตนไม่ถูกลงโทษเพิ่มเติม บิลต์ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
ภายในไม่ถึงสี่วัน ภารกิจปลอมตัวสวมรอยของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้สร้างความพินาศย่อยยับแก่นายพลอมิรุส สูญเสียองครักษ์ประจำตัวหลายนาย น้องชายถูกปลดจากตำแหน่ง เลขานุการได้รับบาดเจ็บ ภรรยารองเสียชีวิตในคฤหาสน์ ในฐานะคนเลือกตัวแทน บิลต์ไม่กล้าตัดตัวเองออกจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
จริงอยู่ ปัญหาส่วนใหญ่อาจไม่ได้เกิดจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ แต่เมื่อทุกสิ่งปะทุออกมาพร้อมกัน คงเป็นการยากที่จะให้อมิรุสมองข้ามนักผจญภัยเสียสติ ถือเป็นคราวซวยโดยแท้จริง และนั่นยังทำให้บิลต์กังวลว่า บทลงโทษของนายพลอมิรุสอาจลุกลามมาถึงตนด้วย
“ท่านนายพลช่างวางตัวสมกับเป็นครึ่งเทพ! ไม่ปล่อยให้ความโกรธบดบังความถูกต้อง… พระองค์วายุสลาตันจงเจริญ! ขอพลังแห่งพายุจงสถิตกับเราทุกคน”
บิลต์ใช้กำปั้นขวากระแทกอกซ้าย
ทันใดนั้น หนึ่งในคนที่มันส่งออกไป รีบวิ่งกลับมาด้วยท่าทีร้อนรน
“บอส เกอร์มัน·สแปร์โรว์หายตัวไปแล้ว!”
ชายคนดังกล่าวรีบรายงาน
บิลต์ขมวดคิ้ว
“หายตัวไป?”
“ครับ! หลังจากเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม เขาออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง เดินวนรอบถนนสักพัก ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!”
ลูกน้องเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามจริง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กับการต้องสะกดรอยนักผจญภัยที่สามารถแปลงโฉมเป็นใครก็ได้…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ