รองศาสตราจารย์มิตเชล… บันทึกสงครามสองทศวรรษ…
ออเดรย์แยกคำสำคัญออกจากบทสนทนา สายตามองตรงไปทางซูซี่กำลังวิ่งนำหน้าม้าสีน้ำตาลแดงอย่างสนุกสนาน เปล่งเสียงถามซีมินด้วยสีหน้าสนใจ
“มิสซีมิน มันคือบันทึกเกี่ยวกับอะไรคะ”
“พวกเราเองก็ไม่แน่ใจ ทราบแต่เพียงว่า เนื้อหาเกี่ยวกับสงครามสองทศวรรษ และเป็นหนึ่งในของสะสมของรองศาสตราจารย์มิตเชล โดยจุดสำคัญของหนังสือเล่มนั้น คือลายเส้นบนปกที่เรียงต่อกันเป็นรูปมังกร” ซีมินไม่ปิดบัง เล่าทุกเรื่องที่เธอฟังมาให้ออเดรย์ทราบ
หลังจากฟังจบ หญิงสาวลดความเร็วม้าลง สมองครุ่นคิดหาวิธีทำภารกิจให้ลุล่วง
เราแค่ต้องหาโอกาสนัดพบรองศาสตราจารย์มิตเชลเพื่อขอดูของสะสม จากนั้นก็เอ่ยปากขอซื้อหนังสือสักเล่ม ฟังดูไม่ใช่งานยาก…
ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจสักเท่าไร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเราปรารถนาสิ่งใด แทบไม่มีชายใดกล้าตอบปฏิเสธ… อึก… ออเดรย์! เธอไม่ควรพึ่งพาเรื่องแบบนี้มากเกินไป!
ประเด็นสำคัญคือความแนบเนียน เราไม่เคยรู้จักมักจี่กับรองศาสตราจารย์มิตเชลมาก่อน การพรวดเข้าไปขอนัดพบคงไม่ใช่เรื่องดีนัก และยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าหนังสือเล่มดังกล่าวสำคัญต่อเขามากแค่ไหน การดึงดันขอซื้อรังแต่จะสร้างความหวาดระแวงและน่าสงสัย…
จริงสิ หากจำไม่ผิด พี่ชายของเจนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสโตน โดยในงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย เขาเป็นคนช่างพูดและชอบแลกเปลี่ยนความรู้ หากลองเราชักชวนให้มางานเลี้ยงน้ำชาพร้อมกันทั้งพี่ทั้งน้อง และเกริ่นถึงความสนใจด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และของสะสม เขาต้องเอ่ยชื่อรองศาสตราจารย์มิตเชลออกมาแน่…
คนที่ถูกเรียกว่า ‘นักสะสม’ คงมีไม่มากเท่าไรในมหาวิทยาลัย…
เมื่อเตรียมการเบื้องต้นเสร็จ เราจะส่งคนเข้าไปนัดกับรองศาสตราจารย์มิตเชลเพื่อขอดูของสะสม การเยี่ยมชมครั้งแรกต้องไม่เผยความสนใจจนเกินพอดี เพียงคอยจับตามองท่าทีของอีกฝ่ายก็พอ บรรจงกล่อมให้เผยความสนใจของตัวเองออกมาทีละนิด จากนั้นค่อยเอ่ยปากขอซื้อในจังหวะเหมาะสม…
หลังจากยืนยันแผนเสร็จ ออเดรย์หันไปพยักหน้าให้ซีมินพร้อมกับเผยรอยยิ้ม
“ดิฉันจะพยายามค่ะ แต่ไม่ขอรับประกันความสำเร็จ”
เมื่อสิ้นเสียง หญิงสาวเกร็งเท้าทั้งสองข้างเพื่อตบโกลนให้แนบลำตัวม้า เหยียดตัวยืนตรงอย่างสง่างาม ปล่อยสายธนูเพื่อส่งศรพุ่งตรงไปทางสุนัขจิ้งจอกสีน้ำตาลแดง ซึ่งกำลังถูกล้อมกรอบต้อนโดยเหล่าคนรับใช้
…
ท่ามกลางคลื่นทะเลสูงต่ำ โทสะสีครามโยกคลอนประหนึ่งใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิว ลำเรือโคลงเคลงซ้ายทีขวาที แต่สมดุลของมันยอดเยี่ยมจนน่าเหลือเชื่อ ยังคงยึดเกาะผิวน้ำไว้แนบแน่นโดยไม่มีทีท่าจะพลิกคว่ำ
ณ ห้องกัปตัน
อัลเจอร์วิลสันกำลังลอยตัวข้างหน้าต่างในลักษณะฝ่าเท้าไม่ติดพื้น ตามองออกไปยังคลื่นสูงประหนึ่งขุนเขาด้านนอกเรือ สายลมล่องหนกำลังหมุนวนรอบตัวอย่างเงียบงัน
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ อัลเจอร์ร่อนลงโดยใช้ฝ่าเท้าสัมผัสกับพรมหนา
‘ข้ารับใช้วายุ’ สวมบทบาทได้ง่ายสมชื่อ… ปัญหาเดียวคืออารมณ์ที่หุนหัน เพื่อให้เข้ากับความเกรี้ยวกราดของสายลม…
อัลเจอร์ถอนหายใจ สีหน้ามิได้เผยความยินดี
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มันตามหาสูตรโอสถ ‘นักขับขานสมุทร’ มาครอบครองไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะจากช่องทางส่วนตัวหรือชุมนุมทาโรต์ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เหนือความคาดหมายสักเท่าไร โอสถลำดับ 5 หมายถึงประตูบานสุดท้ายก่อนถึงครึ่งเทพ ไม่มีขายในราคาท้องตลาดแน่นอน หากไม่ควักเงินก้อนโตก็คงยากจะได้มาครอบครอง นอกเสียจากจะยอมเสี่ยงโชคกับของถูกที่มีโอกาสปลอมมากกว่าจริง
ว่ากันตามตรง ช่องทางที่ง่ายและน่าเชื่อถือที่สุดคงหนีไม่พ้นโบสถ์ แต่อัลเจอร์ผู้มีตำแหน่งทัดเทียมบิชอปของโบสถ์วายุสลาตัน กลับไม่สามารถสะสมคะแนนผลงานแลกอย่างตรงไปตรงมาได้ มันต้องการให้ลำดับของตนถูกปิดเป็นความลับ เก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเพื่อแลกกับอิสรภาพและการไม่ถูกจับตามอง คอยสั่งสมพลังเพื่อรอโอกาสเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง จากนั้นก็สะสางในสิ่งที่ตนปรารถนามานาน
สิ่งที่ทำให้อัลเจอร์ใจเย็นลงก็คือ สองเดือนที่ผ่านมามิได้ผ่านไปอย่างสูญเปล่า อย่างน้อยพัฒนาการของโอสถ ‘ข้ารับใช้วายุ’ ก็คืบหน้าเป็นอันมาก
จริงอยู่ ตอนนี้อาจยังสวมบทบาทได้ง่าย แต่หากกลายเป็น ‘นักขับขานสมุทร’ เมื่อไร เราจะใช้วิธีใดสวมบทบาท? ต้องหมั่นร้องเพลง?
อัลเจอร์ครุ่นคิดพลางหันไปทางดาดฟ้าเรือ
แม้จะถูกกำแพงห้องกั้นหลายชั้น แต่มันยังได้ยินเสียงสำมะเลเทเมาของเหล่าลูกเรือด้านนอกอย่างชัดเจน เป็นการแหกปากร้องเพลงเพื่อเอาชนะเสียงหวีดแหลมของลมพายุกระโชก
อัลเจอร์ขมวดคิ้วหน้าหงิกโดยไม่รู้ตัว
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด
คณะละครสัตว์ซินดิส
“พี่สาวไม่ใช่นักมายากลหรอกหรือ ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้?” เมื่อเห็นนักมายากลสวมชุดคลุมสีดำและหมวกปลายแหลมสีเดียวกัน เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องแต่งตัวแบบนี้… อาจเพราะในการแสดงครั้งแรก สมองของเราถูกอากาศอันหนาวเหน็บแช่แข็งจนทำงานผิดพลาด แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวมาตลอด…
ฟอร์สเกาแก้มสีแดงระเรื่อและยิ้มตอบ
“ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว มายากลมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเวทมนตร์คาถา”
แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยอธิบายว่าทำไมเราถึงแต่งตัวแบบนี้…
จากนั้น หญิงสาวยกหนึ่งในสามแก้วคว่ำที่วางอยู่ตรงหน้า สอดลูกบอลสีขาวใบเล็กและคว่ำกลับไปตามเดิม
ฟอร์สสับเปลี่ยนตำแหน่งของถ้วยด้วยความไวมืออันน่าทึ่ง ปิดท้ายด้วยการส่งรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งตั้งคำถาม
“ลูกบอลอยู่ใต้แก้วใบไหนเอ่ย?”
“นี่มันเกมการพนันที่จักรพรรดิโรซายล์คิดค้นไม่ใช่หรือ…” เด็กหนุ่มเกริ่นอย่างสนใจ “แต่พี่สาวไม่ใช่เจ้ามือบ่อน และที่นี่คือคณะละครสัตว์ ดังนั้นพี่สาวน่าจะเล่นกลตบตา สลับลูกบอลออกไปเรียบร้อยแล้ว! แก้วทั้งหมดว่างเปล่า!”
ฟอร์สกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ปิ๊งป่อง… ผิดจ้า”
หญิงสาวหงายเปิดแก้วใบกลาง ทันใดนั้น ร่างสีขาวโพลนโผล่พรวดออกมากะทันหัน
นกพิราบ!
เมื่อนกพิราบบินออกไป ลูกบอลสีขาวใบเล็กถูกวางอยู่ใต้ถ้วยใบเดียวกัน
“สุดยอด!”
“พระเจ้าช่วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ