แคทลียามองเห็นเข้าไปถึง ‘กายอากาศ’ ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ พบว่าผิวของชั้นวิญญาณดารามีสีดำสนิทปราศจากแสงสว่างโดยสิ้นเชิง ภายในนั้นมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าแต่ต่อเนื่อง ลักษณะคล้ายกับคลื่นสงบใต้ผิวน้ำ
เธอเห็นมือซ้ายของเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังส่องแสงเจิดจ้า แต่ขณะเดียวก็ถูกฉาบด้วยสีเลือดสดเข้มข้น
เธอเห็นประกายสีฟ้าจุดเล็กๆ จากข้อมือซ้าย เห็นจุดแสงสีเงินสว่างภายในช่องลับของกระเป๋าเสื้อฝั่งซ้ายหลายตำแหน่ง ประหนึ่งแสงเหล่านี้กำลังเชื่อมต่อและซ้อนทับกับโลกวิญญาณ รอบจุดดังกล่าวแฝงด้วยกลิ่นอายคลื่นทะเล รวมไปถึงภาพมายาของสายลมเกรี้ยวกราด
เธอเห็นแสงสีเขียวและดำจากช่องกระเป๋าลับฝั่งขวา เห็นแสงสีทองสองจุด สีเงินสองจุด และทองแดงหนึ่งจุดใต้รักแร้ซ้าย บนหน้าอกเป็นแสงสีเทาหม่นคล้ายซากศพเน่าเปื่อย
สมบัติวิเศษสี่ชิ้น รวมถึงวัตถุวิญญาณหรือยันต์อีกกว่าสิบชนิด…
เมื่อตระหนักว่าดวงตาของตนเริ่มส่องประกาย พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา รีบหลับตาลง
เธอพยักหน้ารับ
“สายัณห์สวัสดิ์ มิสเตอร์สแปร์โรว์”
แม้ว่าแคทลียาจะเป็นตัวตนทรงพลังในทะเลมานานหลายปี แต่บุคคลระดับพลเรือเอกอย่างเธอก็แทบไม่เคยเห็นใครพกพาสมบัติวิเศษติดตัวเรียงรายเป็นทิวแถวเช่นนี้
จริงอยู่ เธออาจเคยเห็นใครบางคนพกพาสมบัติวิเศษ วัตถุวิญญาณ และยันต์ในปริมาณที่มากกว่า แต่บุคคลดังกล่าวมีองค์กรลับคอยหนุนหลัง มีโจรสลัดในการปกครองนับพันชีวิต ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ต้องถูกจัดสรรให้สมาชิกอย่างเหมาะสม บางส่วนที่ไม่มีประโยชน์ต้องนำไปขายและหารเป็นเงิน เพื่อจะได้นำเงินไปใช้พัฒนาความแข็งแกร่งของกลุ่มต่อไป จึงเหลือที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวไม่มากนัก
แต่คำว่า ‘ไม่มากนัก’ ในที่นี้ก็มิได้ด้อยไปกว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์สักเท่าไร สำหรับแคทลียาเอง ตัวเธอเลือกขายไปเกือบหมดและพกติดตัวไว้เพียงสองชิ้น แต่ทั้งคู่ต่างเป็นก็สมบัติวิเศษทรงพลังซึ่งเหมาะสมกับฐานะพลเรือโจรสลัด
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากแสงระยิบระยับมากมายในการมองเห็นเมื่อครู่ แคทลียาเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ดวงตาม่วงเข้มของตนมิอาจส่องความลับของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้ครบทุกซอกมุม คล้ายกับอีกฝ่ายยังมีไพ่เด็ดนอกเหนือการคำนวณซ่อนอยู่ในม่านเงามืด
หรือนี่คือเหตุผลว่าทำไม ขณะอยู่ในชุมนุมทาโรต์ เราถึงเห็นเขาไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตปรกติ?
ไม่เพียงเท่านั้น ความลับของเขายังยิ่งใหญ่มาก อย่างน้อยก็ลำดับ 3 ‘นักบุญ’ หรือสูงกว่านั้นอย่าง ‘เทวทูต’ …
แคทลียาไม่คิดสอดส่องเพิ่มเติม ดวงตากลับไปเป็นสีปกติเมื่อลืมขึ้นอีกหน
ครุ่นคิดสักพัก หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะเยาะตัวเองในใจ เนื่องจากพบความน่าขบขันเกี่ยวกับข้อสังเกตที่เธอมีต่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์
ความลับที่เกี่ยวกับลำดับ 3 หรือสูงกว่า…
มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ชายคนนี้เหมือนกับเรา เป็นหนึ่งในสมาชิกชุมนุมทาโรต์ ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ฟูล ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นหนึ่งในเทพบรรพกาลที่กำลังฟื้นฟูพลัง…
หลังจากทักทายตามมารยาท ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง หญิงสาวเพียงเดินนำไคลน์เข้าไปในเขตห้องโดยสาร
ทันใดนั้น อนาคตกาลที่หยุดนิ่งมาสักพักเริ่มออกตัวแล่นอีกครั้ง กราบเรือตีวงโค้งและหันหัวไปยังทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศเดียวกับเส้นทางล่าวาฬขาว ฉากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดริมท่าเรือนาสเริ่มผ่อนคลายลงจากเดิม
ตลอดบนดาดฟ้าเรือทาง แม้ไคลน์จะเผชิญกับสายตาโจรสลัดจำนวนมาก แต่มันก็มิได้ยี่หระ เพียงมองไปรอบตัวอย่างผ่อนคลายประหนึ่งที่นี่เป็นบ้านของตน พลางซักถามอย่างเป็นกันเอง
“คนน้อยกว่าที่คิดนะ”
พลเรือเอกดวงดาว·แคทลียา หันมาชำเลืองชายหนุ่มและมอบคำตอบเรียบง่าย
“การเดินเรือเข้าไปในย่านตะวันออกของเขตล่าวาฬนั้นอันตรายอย่างมาก มีเพียงลูเธอร์ไวลล์คนเดียวที่เข้าไปในนั้นบ่อยครั้ง คล้ายกับมันกำลังตามหาบางสิ่ง นอกจากอนาคตกาล ดิฉันจะไม่นำเรือลำอื่นตามเข้าไปด้วยเด็ดขาด อีกทั้ง ลูกเรือส่วนใหญ่ของอนาคตกาลยังถูกโยกย้ายไปประจำการที่อื่นชั่วคราว มีเพียงจำนวนขั้นต่ำสุดซึ่งพอจะช่วยให้ภารกิจลุล่วงเท่านั้น”
ตัดสินใจได้ชาญฉลาด… ลูเธอร์ไวล์… หมายถึงพลเรือเอกขุมนรก·ลูเธอร์ไวล์? ขณะเราได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกจากปากมิสเตอร์แฮงแมน อีกฝ่ายยังเล่าด้วยว่า พลเรือเอกขุมนรกกำลังสำรวจแถบตะวันออกของทะเลโซเนีย…
ไคลน์พยักหน้าโดยไม่เสริม
นี่คือมาดและบุคลิกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
ชายหนุ่มมองไปรอบตัวและเริ่มตระหนักว่า ตามผนังกำแพงของเรืออนาคตกาล หรือกระทั่งต้นเสา ผิววัสดุเกือบทั้งหมดจะถูกสลักลวดลายซับซ้อน คล้ายกับเป็นแท่นบูชาเคลื่อนที่สำหรับประกอบพิธีกรรมขนาดใหญ่
เหมือนกับฝันทองคำ เป็นเรือวิเศษ แต่ไม่ถึงกับเรือผีสิง… เมื่อเทียบกับพลเรือเอกดวงดาวและพลเรือโทธารน้ำแข็ง เทรซี่ที่เพิ่งเป็นพลเรือโจรสลัดไม่กี่เดือนยังด้อยกว่ามาก… กาฬมรณะไม่มีกลิ่นอายความพิเศษแบบนี้…
ไคลน์ถอนสายตากลับและเดินตามแคทลียาเข้าไปในเขตห้องโดยสาร
ที่นั่นมีชายคนหนึ่งยืนรออยู่ สวมเชิ้ตขาวและกางเกงขายาวพร้อมสายรัดบ่า อายุราวสามสิบ ร่างกายกำยำบึกบึน ขนดกหนา ถึงขนาดว่าท่อนแขนเปลือยที่ปกคลุมด้วยเส้นขน ดูคล้ายกับกำลังสวมเสื้อไหมพรมแขนยาวสีน้ำตาล
ในสภาพสวมหมวกปีกกลมกึ่งกลางจมลึก ชายคนดังกล่าวฉีกยิ้มกว้างพลางเหยียดแขนออกมาหาไคลน์
“รองกัปตันแห่งอนาคตกาล แฟรงค์·ลี สายัณห์สวัสดิ์ มิสเตอร์สแปร์โรว์”
แฟรงค์·ลี…
‘ผู้เชี่ยวชาญพิษ’ ค่าหัวเจ็ดพันปอนด์…
ไคลน์จดจำอีกฝ่ายได้ทันที
เมื่อพิจารณาว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ชอบจับมือกับใครบ่อยนัก ชายหนุ่มทำเพียงพยักหน้ารับ
“สายัณห์สวัสดิ์”
แฟรงค์·ลีดึงมือกลับพร้อมกับหันไปทางพลเรือเอกดวงดาว·แคทลียา ตามด้วยยิ้มและกล่าว
“คุณรู้จักผมมาก่อนหรือ? นั่นสินะ หนึ่งในรูปถ่ายของผมถูกนำไปทำเป็นใบประกาศจับ อย่าได้ใส่ใจกับคำว่าผู้เชี่ยวชาญพิษนักเลย ผมเป็นมิตรอย่างมาก นอกเสียจากจะเผชิญหน้ากับไอ้พวกระยำนั่น! งานอดิเรกของผมคือการศึกษาเรื่องดิน พืชผล และการผสมข้ามสายพันธุ์ เชื่อผมเถอะ นี่คืออนาคตของมนุษยชาติ!”
“แต่คนของโบสถ์พระแม่ธรณีไม่คิดแบบนั้น”
แคทลียาช่วยแนะนำตัวแฟรงค์·ลีทางอ้อม
…เคยเป็นคนของโบสถ์พระแม่มาก่อน?
การผสมข้ามสายพันธุ์ถือเป็นเรื่องดี มีแต่จะช่วยให้พืชผลพัฒนาไปในทิศทางที่ตลาดต้องการ เติบโตได้ง่าย เก็บเกี่ยวได้ไว ช่วยแก้ปัญหาปากท้องของผู้คนอย่างแท้จริง…
ไคลน์จ้องแฟรงค์·ลีและกล่าวชื่นชมด้วยความนับถือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ