“เจ็ดร้อยปอนด์”
“สมเหตุสมผล” แคทลียาไม่ต่อรอง
ตะกอนพลังของลำดับ 8 จะมีราคาอยู่ราวหกร้อยถึงเจ็ดร้อยปอนด์ หากใครต้องการเร่งด่วนก็จะยิ่งถูกโก่งเพิ่ม เพราะโดยธรรมชาติแล้ว สินค้าประเภทนี้ปรากฏตัวในชุมนุมลับไม่บ่อยครั้ง
ไคลน์ไม่ทำการแลกเปลี่ยนทันที เพียงยกกระเป๋าเดินทางขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์
“จะนำมาให้พรุ่งนี้”
แน่นอน ชายหนุ่มมิได้พกตะกอนพลัง ‘กลาดิเอเตอร์’ ติดตัว สิ่งของมีค่าส่วนใหญ่ล้วนถูกเก็บไว้บนมิติหมอก
พลเรือเอกดวงดาว·แคทลียาไม่ประหลาดใจกับคำตอบ เพียงพยักหน้ารับ
“ไม่มีปัญหา”
เธอเคยพบใครหลายคนที่เก็บตะกอนพลังด้วยวิธีการพิเศษ สำหรับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็คงไม่ต่างกัน วิธีการเก็บตะกอนพลังกลาดิเอเตอร์คงเป็นความลับที่บอกใครไม่ได้ เธอจึงมิได้หวังให้อีกฝ่ายเปิดกระเป๋าและส่งมอบสินค้าทันที
นักผจญภัยเสียสติต้องมีความลับสักเรื่องสองเรื่องอยู่แล้ว…
แคทลียาเว้นวรรค เสริมหนึ่งประโยค
“ห้องของคุณไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์สอดแนม”
สิ่งที่เธอสามารถเห็น ก็ได้เห็นไปหมดแล้วด้วยดวงตาสีม่วงเข้ม
“ถึงจะมีก็ไม่เป็นไร” ไคลน์ยกมุมปากด้วยสีหน้าเย็นชา
แผนเดิมของมันคือ ขณะประกอบพิธีกรรมเข้าสู่มิติหมอก ตนจะนำนกหวีดทองแดงอะซิกและนกกระเรียนกระดาษของวิล·อัสตินออกมาวางข้างกัน เป็นเทคนิคการกีดขวางผลการทำนายถึง อีกทั้งยังจะใช้ห้องน้ำเป็นตัวช่วยกีดขวางทางกายภาพ
แต่ไคลน์ก็มิได้คิดว่าพลเรือเอกดวงดาวจะทำตัวล้ำเส้น ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายหวาดกลัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ แต่เป็นเพราะบุคคลระดับเธอย่อมมีวิธีล้วงข้อมูลที่นุ่มนวลกว่านั้น
เช่นการใช้ ‘ผู้ชม’ …
ไคลน์ถอดหมวกทาบอก แสดงความขอบคุณ และเดินตาม ‘ผู้เชี่ยวชาญพิษ’ แฟรงค์·ลีไปยังห้องพักของตัวเอง
เมื่อเห็นแผ่นหลังของนักผจญภัยเสียสติเลือนหายไป แคทลียาเดินกลับเข้าห้องกัปตัน หยิบแว่นตาหนาเตอะขึ้นมาสวมทับดั้งจมูก
…
กรุงเบ็คลันด์ ย่านใต้สะพาน
วิหารฤดูเก็บเกี่ยว
บิชอปยูทรอฟสกี้ ผู้มีรูปร่างสูงใหญ่จนดูคล้ายลูกครึ่งยักษ์ในสายตาคนปรกติ กำลังวางพระคัมภีร์ในมือพลางกวาดตาไปรอบโถงสวดมนต์ด้วยสีหน้าเบิกบาน
“จำนวนผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
“งั้นหรือ…” เอ็มลิน·ไวท์ในชุดคลุมสีน้ำตาลของนักบวช กำลังก้มหน้าเช็ดเชิงเทียนอย่างเหม่อลอย เปล่งเสียงโดยไม่เงยหน้าขึ้น
มันทราบดี นับตั้งแต่จบโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันในกรุงเบ็คลันด์ จำนวนสาวกของโบสถ์พระแม่ธรณีเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์หรือช่วงเย็น จำนวนสาวกที่เข้ามาสวดมนต์แทบไม่เคยเกินห้าคน แต่สำหรับปัจจุบัน ในเวลาธรรมดาเช่นนี้กลับมีจำนวนสาวกมากเกินกว่าสิบ
หลวงพ่อยูทรอฟสกี้ก้มหน้าจ้องแวมไพร์หนุ่มที่กำลังทำงานขะมักเขม้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หากดวงตาไม่มืดบอด ทุกคนล้วนทราบดีว่า การเพิ่มของผู้ศรัทธาเกิดขึ้นได้เพราะฝีมือคุณ ผลงานของคุณเป็นที่ประจักษ์หลังจากเกิดโศกนาฏกรรม หากไม่เพราะคุณปรุงยาดีซึ่งช่วยรักษาพวกเขาจนหายขาด อีกทั้งยังใจกว้างช่วยสอนวิธีปรุงยาหลังจากนั้น คงเป็นการยากที่จะเผยแผ่ความเชื่อของพวกเรา แข่งขันกับศาสนาหลักอื่นๆ ของที่นี่”
เอ็มลินในท่าถือผ้าขี้ริ้วด้วยมือข้างหนึ่ง เหยียดตัวตรงพร้อมกับเชิดคาง
“ข้าทำไปเพียงเพราะต้องการสวมบทบาท”
เฮ่อะ! ความเชื่อของพวกเราอะไรกัน ใครเป็นพวกเดียวกับเจ้า!
ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวเล็กน้อย ก่อนจะยิ้ม
“พูดถึงคนตาบอด มีมุกตลกหนึ่งของเบ็คลันด์ที่ข้าเคยได้ยิน : ช่วงนี้คนตาบอดกำลังเป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก เพราะทางศาลอยากให้พวกเขาไปทำงานเป็นคณะลูกขุน”
หลวงพ่อยูทรอฟสกี้เพิกเฉยมุกตลก
“ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใด แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลง ความพยายามของคุณส่งผลให้มีผู้เชื่อในพระแม่ธรณีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คุณมีจิตใจที่งดงาม”
ฉันพูดความจริง! ทำไมถึงไม่ยอมเชื่อกันบ้าง!
เอ็มลินเงยหน้าจ้องหลวงพ่อร่างยักษ์สักพัก ก่อนจะเบือนหน้ากลับมาทำงาน
หลังจากเสร็จงานที่วิหาร ผีดูดเลือดหนุ่มเปลี่ยนกลับไปเป็นเครื่องแต่งกายตามปรกติ สวมหมวกผ้าไหมเพื่อป้องกันแสงแดด ย่างกรายไปตามถนนกุหลาบ
หลังจากแอบกลอกตาซ้ายขวา มันพบว่าเป็นอีกครั้งที่ตนไม่ถูกสะกดรอย
“ถุงมือแดงที่ชื่อเลียวนาร์ดคนนั้นไม่ยอมโผล่หน้ามาอีกเลย… ข้าเคยคิดว่าหลังจากเปิดโปงตัวจริงพร้อมกับซื้ออินธน์ เจ้านั่นจะแอบสะกดรอยตามเสียอีก…” เอ็มลิน·ไวท์ส่ายหน้าแผ่วเบาจนยากสังเกตเห็น ในใจกำลังสับสน
ตอนแรก มันต้องการนำทฤษฎีของแฮงแมนมาปรับใช้ วางแผนปล่อยให้การสะกดรอยของ ‘ถุงมือแดง’ สร้างความขัดแย้งกับการจับตามองของเบื้องบนตระกูลผีดูดเลือด โดยมีโบสถ์พระแม่ธรณีและบิชอปยูทรอฟสกี้คอยเป็นแกนกลางในการรักษาสมดุล
แต่เหตุการณ์กลับไม่ดำเนินไปตามที่คิด ถุงมือแดง ‘เลียวนาร์ด·มิเชล’ มิได้สะกดรอยอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับหายตัวไปจากเบ็คลันด์อย่างลึกลับและกะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ