มันเดินเฉียงสองสามก้าว ตรงไปทางกราบเรือพลางเพ่งมองคลื่นทะเลขรุขระ
ในตอนนี้ เมฆสูงบนท้องฟ้าเริ่มบางเบาลง เผยให้เห็นพระจันทร์สีแดงอย่างแจ่มชัด
ท่ามกลางบรรยากาศสลัว ไคลน์มองไปยังจุดหนึ่งซึ่งห่างออกไปไม่ไกล พบเมฆดำลอยตัวต่ำและทอดยาวเป็นทิวแถว ก่อตัวเป็นพายุขนาดมหึมาปกคลุมผืนทะเลอันกว้างใหญ่
แสงสีเงินของสายฟ้ากำลังสว่างวิบวับอย่างต่อเนื่อง พายุฝนฟ้าคะนองกำลังเต้นรำท่ามกลางสายลมโหมกระหน่ำ เปรียบประหนึ่งฉากวันสิ้นโลกก็มิปาน
แม้ภัยพิบัติเช่นนี้จะอยู่ห่างจากอนาคตกาลเพียงไม่กี่ไมล์ทะเล แต่กลับแทบไม่ส่งผลกระทบใดมาถึง อย่างมากก็แค่มีลมแรงพัดผ่าน
นี่คือความสำคัญของ ‘เส้นเดินเรือปลอดภัย’ ถูกพิสูจน์แล้วว่าปลอดจากภัยธรรมชาติ… หากไม่ใช่นักเดินเรือฝีมือฉกาจ การแล่นเรือพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เผชิญหายนะทันที…
ไคลน์มองไปยังทิศทางของหัวเรือ พบว่าแสงด้านหน้าค่อนข้างสลัวและมีหมอกหนา ทัศนวิสัยน่าเป็นห่วง เป็นการยากที่จะให้ระบุว่าเขตใดคือเส้นทางเดินเรือปลอดภัยด้วยตาเปล่า
สำหรับเส้นแบ่งเขตร่องน้ำเดินเรือที่ปลอดภัยกับไม่ปลอดภัย ไคลน์ไม่เคยเห็นอย่างใกล้ชิดและชัดเจนเท่านี้มาก่อน แม้กระทั่งในย่านทิศตะวันตกของเกาะโอลาวี
ขณะชายหนุ่มเตรียมเบือนหน้าหนี มันบังเอิญเห็นวัตถุขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวในจุดใกล้กับขอบพายุ!
สัตว์ทะเล?
ไคลน์หวนนึกถึงตำนานและข่าวลือเกี่ยวกับสัตว์ทะเลที่เคยได้ยินในผับ
หากออกจากเส้นทางเดินเรือปลอดภัยแม้เพียงเล็กน้อย โอกาสพบสัตว์ทะเลดุร้ายจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า บางตัวมีขนาดมหึมาและนิสัยก้าวร้าว ถ้าได้โผล่ขึ้นผิวน้ำเมื่อใด พวกมันจะกัดเรือจนสะบั้นหักกลางลำ
อนาคตกาลมิได้หยุดแล่นไปข้างหน้า ไม่นานก็เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้กับวัตถุสีดำขนาดมโหฬาร
ไคลน์เริ่มเห็นอย่างชัดเจน และพบว่านั่นไม่ใช่สัตว์ทะเล แต่เป็นเรือใบลำใหญ่กว่าอนาคตกาล!
ยาวเกือบสองร้อยเมตร หัวและท้ายเรือถูกยกสูงกว่าปรกติ มองผิวเผินจะคล้ายกับจันทร์เสี้ยวสีดำทะมึน
ผิวเรือเป็นสีดำล้วน กราบเรือติดปืนใหญ่สามแถวเรียงรายสูงต่ำอย่างไม่เป็นระเบียบ เสากระโดงใหญ่หนึ่งต้นยืนขึ้นมาจากดาดฟ้าเรืออย่างโดดเด่น สูงราวตึกห้าชั้นเห็นจะได้
จุดแปลกประหลาดที่สุดก็คือการที่ลำทั้งเรือมีเสากระโดงเพียงต้นเดียว จนดูคล้ายกับหลุมศพสีดำขนาดมหึมา
“แจ้งมรณะ…” เสียงอันเคร่งขรึมเจือความหมองหม่นดังแว่วข้างหูไคลน์ แฟรงค์·ลีย้ายมายืนด้านข้างโดยไม่มีใครทราบว่าอีกฝ่ายวางปลาเกล็ดเงินลงตอนไหน
รองกัปตันอนาคตกาลเจ้าของค่าหัวเจ็ดพันปอนด์กำลังมีสีหน้าแข็งทื่อ กล้ามเนื้อใบหน้าตึงแน่น ประหนึ่งพร้อมรับศึกจากเรือใบสีดำลำใหญ่ตรงหน้าทุกเมื่อ
แจ้งมรณะ…
ไคลน์ประหลาดใจในตอนต้น แต่เพียงไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่านามดังกล่าวหมายถึงสิ่งใด
มันคือชื่อของหนึ่งในเรือที่โด่งดังและมีตำนานเล่าขานมากที่สุดบนห้าห้วงสมุทร!
เรือธงของราชาอมตะ อาการิธ!
ได้เจอกับหนึ่งในสี่ราชาโจรสลัดเข้าจนได้…
ไคลน์พยายามเก็บซ่อนความตกใจ ภาวะตึงเครียดฉับพลันทำให้มันเกือบหลุดมาดอันเยือกเย็นของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มยังคงฉาบใบหน้าของตนด้วยความเย็นชาจนถึงที่สุด เพียงยืนจ้อง ‘แจ้งมรณะ’ อย่างไม่สั่นคลอน
ขณะเดียวกัน หลังจากตระหนักว่าตนเพิ่งได้รับคำเตือนจากจอมเชือด·จิลเซียสภายในเมืองนาสเมื่อไม่นานมานี้ ไคลน์เริ่มเบาใจ และพบเหตุผลว่าทำไม ‘แจ้งมรณะ’ ถึงแล่นอยู่ใกล้กับเกาะการ์กัส
หลังจากยกภูเขาออกจากอก ชายหนุ่มนึกทบทวนข่าวลือเกี่ยวกับราชาอมตะที่ตนเคยได้ยินจากผับ บางส่วนมีใจความตามนี้ :
โชคดีที่เรากำลังโดยสารอนาคตกาล ราชาอมตะคงเห็นแก่หน้าเฮอร์มิทบ้างไม่มากก็น้อย เธอเป็นถึงพลเรือโจรสลัด… ไม่สิ… สำหรับสี่ราชาโจรสลัดและเจ็ดนายพลโจรสลัด หากไม่ได้อยู่ในงานชุมนุมโจรสลัดที่จัดขึ้นโดยราชาแห่งห้าห้วงสมุทร พวกมันจะมีความสัมพันธ์ระหว่างกันในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเสมอ ถ้าไม่ใช่มิตรก็ศัตรู แต่โดยส่วนมากจะเป็นอย่างหลัง… หากประเมินจากสันดานของราชาอมตะ ถ้าเรือแล่นสวนกัน คงไม่จบลงแค่การทักทายธรรมดาแน่!
ขณะความคิดกำลังแล่นผ่าน ไคลน์ได้ยินเสียงแตรสัญญาณดังกังวาน
หวูด!
ลูกเรือในห้องโดยสารถูกปลุกให้ตื่นอย่างพร้อมเพรียง หลายคนไม่ใส่เสื้อ บ้างรีบตรงไปประจำการยังปืนใหญ่แต่ละกระบอก บ้างรีบมารวมตัวกันบนดาดฟ้าเรือ อนาคตกาลเปลี่ยนจากภาวะสงบสุขเป็นสงครามในพริบตา
ไคลน์เงยหน้ามอง พบว่าหน้าต่างห้องกัปตันถูกเปิดอยู่ พลเรือเอกดวงดาว·แคทลียาปรากฏกายในชุดคลุมสีดำทรงโบราณเช่นทุกที สายตาเพ่งมองไปในทิศทางของ ‘แจ้งมรณะ’
หญิงสาวมิได้สวมแว่นตาเลนส์หนา เผยให้เห็นดวงตาสีม่วงเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ลึกลับและน่าค้นหา
เราไม่ได้คิดไปเอง แม้แต่เธอก็ยังกังวลว่าราชาอมตะจะเปิดฉากโจมตี…
ไคลน์เบือนหน้ากลับ หันไปจ้องส่วนหัวและท้ายเรือของ ‘แจ้งมรณะ’ ที่ถูกยกสูง
ทันใดนั้น เรือสองลำเริ่มแล่นสวนกัน สองกลุ่มโจรสลัดต่างฝ่ายต่างมองเห็นกันและกันอย่างเลือนรางจากระยะไกล
โจรสลัดฝั่งตรงข้ามมองกลับมาด้วยท่าทีตอบสนองหลากหลาย บางส่วนยืนนิ่งประหนึ่งรูปปั้นไร้อารมณ์ แต่บางส่วนชักดาบออกมาควง ชักปืนออกมาเล็งขู่หรือเป่าปากกระบอก เผยท่าทียั่วยุเสียเต็มประดา
ในวินาทีนี้ แค่ไม้ขีดก้านเดียวก็มากพอจะปะทุความตึงเครียด จุดชนวนเกิดเป็นสงคราม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ