ตอน ราชันเร้นลับ 644 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ราชันเร้นลับ 644 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
มันเดินเฉียงสองสามก้าว ตรงไปทางกราบเรือพลางเพ่งมองคลื่นทะเลขรุขระ
ในตอนนี้ เมฆสูงบนท้องฟ้าเริ่มบางเบาลง เผยให้เห็นพระจันทร์สีแดงอย่างแจ่มชัด
ท่ามกลางบรรยากาศสลัว ไคลน์มองไปยังจุดหนึ่งซึ่งห่างออกไปไม่ไกล พบเมฆดำลอยตัวต่ำและทอดยาวเป็นทิวแถว ก่อตัวเป็นพายุขนาดมหึมาปกคลุมผืนทะเลอันกว้างใหญ่
แสงสีเงินของสายฟ้ากำลังสว่างวิบวับอย่างต่อเนื่อง พายุฝนฟ้าคะนองกำลังเต้นรำท่ามกลางสายลมโหมกระหน่ำ เปรียบประหนึ่งฉากวันสิ้นโลกก็มิปาน
แม้ภัยพิบัติเช่นนี้จะอยู่ห่างจากอนาคตกาลเพียงไม่กี่ไมล์ทะเล แต่กลับแทบไม่ส่งผลกระทบใดมาถึง อย่างมากก็แค่มีลมแรงพัดผ่าน
นี่คือความสำคัญของ ‘เส้นเดินเรือปลอดภัย’ ถูกพิสูจน์แล้วว่าปลอดจากภัยธรรมชาติ… หากไม่ใช่นักเดินเรือฝีมือฉกาจ การแล่นเรือพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เผชิญหายนะทันที…
ไคลน์มองไปยังทิศทางของหัวเรือ พบว่าแสงด้านหน้าค่อนข้างสลัวและมีหมอกหนา ทัศนวิสัยน่าเป็นห่วง เป็นการยากที่จะให้ระบุว่าเขตใดคือเส้นทางเดินเรือปลอดภัยด้วยตาเปล่า
สำหรับเส้นแบ่งเขตร่องน้ำเดินเรือที่ปลอดภัยกับไม่ปลอดภัย ไคลน์ไม่เคยเห็นอย่างใกล้ชิดและชัดเจนเท่านี้มาก่อน แม้กระทั่งในย่านทิศตะวันตกของเกาะโอลาวี
ขณะชายหนุ่มเตรียมเบือนหน้าหนี มันบังเอิญเห็นวัตถุขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวในจุดใกล้กับขอบพายุ!
สัตว์ทะเล?
ไคลน์หวนนึกถึงตำนานและข่าวลือเกี่ยวกับสัตว์ทะเลที่เคยได้ยินในผับ
หากออกจากเส้นทางเดินเรือปลอดภัยแม้เพียงเล็กน้อย โอกาสพบสัตว์ทะเลดุร้ายจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า บางตัวมีขนาดมหึมาและนิสัยก้าวร้าว ถ้าได้โผล่ขึ้นผิวน้ำเมื่อใด พวกมันจะกัดเรือจนสะบั้นหักกลางลำ
อนาคตกาลมิได้หยุดแล่นไปข้างหน้า ไม่นานก็เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้กับวัตถุสีดำขนาดมโหฬาร
ไคลน์เริ่มเห็นอย่างชัดเจน และพบว่านั่นไม่ใช่สัตว์ทะเล แต่เป็นเรือใบลำใหญ่กว่าอนาคตกาล!
ยาวเกือบสองร้อยเมตร หัวและท้ายเรือถูกยกสูงกว่าปรกติ มองผิวเผินจะคล้ายกับจันทร์เสี้ยวสีดำทะมึน
ผิวเรือเป็นสีดำล้วน กราบเรือติดปืนใหญ่สามแถวเรียงรายสูงต่ำอย่างไม่เป็นระเบียบ เสากระโดงใหญ่หนึ่งต้นยืนขึ้นมาจากดาดฟ้าเรืออย่างโดดเด่น สูงราวตึกห้าชั้นเห็นจะได้
จุดแปลกประหลาดที่สุดก็คือการที่ลำทั้งเรือมีเสากระโดงเพียงต้นเดียว จนดูคล้ายกับหลุมศพสีดำขนาดมหึมา
“แจ้งมรณะ…” เสียงอันเคร่งขรึมเจือความหมองหม่นดังแว่วข้างหูไคลน์ แฟรงค์·ลีย้ายมายืนด้านข้างโดยไม่มีใครทราบว่าอีกฝ่ายวางปลาเกล็ดเงินลงตอนไหน
รองกัปตันอนาคตกาลเจ้าของค่าหัวเจ็ดพันปอนด์กำลังมีสีหน้าแข็งทื่อ กล้ามเนื้อใบหน้าตึงแน่น ประหนึ่งพร้อมรับศึกจากเรือใบสีดำลำใหญ่ตรงหน้าทุกเมื่อ
แจ้งมรณะ…
ไคลน์ประหลาดใจในตอนต้น แต่เพียงไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่านามดังกล่าวหมายถึงสิ่งใด
มันคือชื่อของหนึ่งในเรือที่โด่งดังและมีตำนานเล่าขานมากที่สุดบนห้าห้วงสมุทร!
เรือธงของราชาอมตะ อาการิธ!
ได้เจอกับหนึ่งในสี่ราชาโจรสลัดเข้าจนได้…
ไคลน์พยายามเก็บซ่อนความตกใจ ภาวะตึงเครียดฉับพลันทำให้มันเกือบหลุดมาดอันเยือกเย็นของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มยังคงฉาบใบหน้าของตนด้วยความเย็นชาจนถึงที่สุด เพียงยืนจ้อง ‘แจ้งมรณะ’ อย่างไม่สั่นคลอน
ขณะเดียวกัน หลังจากตระหนักว่าตนเพิ่งได้รับคำเตือนจากจอมเชือด·จิลเซียสภายในเมืองนาสเมื่อไม่นานมานี้ ไคลน์เริ่มเบาใจ และพบเหตุผลว่าทำไม ‘แจ้งมรณะ’ ถึงแล่นอยู่ใกล้กับเกาะการ์กัส
หลังจากยกภูเขาออกจากอก ชายหนุ่มนึกทบทวนข่าวลือเกี่ยวกับราชาอมตะที่ตนเคยได้ยินจากผับ บางส่วนมีใจความตามนี้ :
โชคดีที่เรากำลังโดยสารอนาคตกาล ราชาอมตะคงเห็นแก่หน้าเฮอร์มิทบ้างไม่มากก็น้อย เธอเป็นถึงพลเรือโจรสลัด… ไม่สิ… สำหรับสี่ราชาโจรสลัดและเจ็ดนายพลโจรสลัด หากไม่ได้อยู่ในงานชุมนุมโจรสลัดที่จัดขึ้นโดยราชาแห่งห้าห้วงสมุทร พวกมันจะมีความสัมพันธ์ระหว่างกันในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเสมอ ถ้าไม่ใช่มิตรก็ศัตรู แต่โดยส่วนมากจะเป็นอย่างหลัง… หากประเมินจากสันดานของราชาอมตะ ถ้าเรือแล่นสวนกัน คงไม่จบลงแค่การทักทายธรรมดาแน่!
ขณะความคิดกำลังแล่นผ่าน ไคลน์ได้ยินเสียงแตรสัญญาณดังกังวาน
หวูด!
ลูกเรือในห้องโดยสารถูกปลุกให้ตื่นอย่างพร้อมเพรียง หลายคนไม่ใส่เสื้อ บ้างรีบตรงไปประจำการยังปืนใหญ่แต่ละกระบอก บ้างรีบมารวมตัวกันบนดาดฟ้าเรือ อนาคตกาลเปลี่ยนจากภาวะสงบสุขเป็นสงครามในพริบตา
ไคลน์เงยหน้ามอง พบว่าหน้าต่างห้องกัปตันถูกเปิดอยู่ พลเรือเอกดวงดาว·แคทลียาปรากฏกายในชุดคลุมสีดำทรงโบราณเช่นทุกที สายตาเพ่งมองไปในทิศทางของ ‘แจ้งมรณะ’
หญิงสาวมิได้สวมแว่นตาเลนส์หนา เผยให้เห็นดวงตาสีม่วงเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ลึกลับและน่าค้นหา
เราไม่ได้คิดไปเอง แม้แต่เธอก็ยังกังวลว่าราชาอมตะจะเปิดฉากโจมตี…
ไคลน์เบือนหน้ากลับ หันไปจ้องส่วนหัวและท้ายเรือของ ‘แจ้งมรณะ’ ที่ถูกยกสูง
ทันใดนั้น เรือสองลำเริ่มแล่นสวนกัน สองกลุ่มโจรสลัดต่างฝ่ายต่างมองเห็นกันและกันอย่างเลือนรางจากระยะไกล
โจรสลัดฝั่งตรงข้ามมองกลับมาด้วยท่าทีตอบสนองหลากหลาย บางส่วนยืนนิ่งประหนึ่งรูปปั้นไร้อารมณ์ แต่บางส่วนชักดาบออกมาควง ชักปืนออกมาเล็งขู่หรือเป่าปากกระบอก เผยท่าทียั่วยุเสียเต็มประดา
ในวินาทีนี้ แค่ไม้ขีดก้านเดียวก็มากพอจะปะทุความตึงเครียด จุดชนวนเกิดเป็นสงคราม
ทันใดนั้น อักขระเวทมนตร์และลวดลายซับซ้อนตามผนังและต้นเสาของอนาคตกาลพลันส่องแสงพราวพราย ดุจดังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแต่ปราศจากดวงจันทร์
เสียงหัวเราะอันแหลกลึก สยองขวัญ และแหบพร่ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ คล้ายกับมันถูกขับไล่ให้ห่างออกไปจากอนาคตกาลมากขึ้นทีละนิด เริ่มเจือจางลงจนดูเหมือนเป็นเพียงเสียงมายา
อาการวิงเวียนของไคลน์บรรเทาลงรวดเร็ว ชายหนุ่มเริ่มมีสติพอจะเงยหน้าสำรวจ
ภายในห้องกัปตันที่หน้าต่างกำลังเปิดกว้าง ใบหน้าอันงดงามของพลเรือเอกดวงดาวกำลังปรากฏความหมองคล้ำ กล้ามเนื้อแน่นตึงประหนึ่งพร้อมระเบิดปะทุได้ทุกเมื่อ
พร้อมกันนั้น แคทลียาใช้ฝ่ามือวางลงบนกรอบหน้าต่าง ร่างกายของเธอเริ่มมีมวลหมู่ดวงดาวรายล้อม ส่องแสงระยิบระยับสะท้อนกับผิวของน้ำทะเลเบื้องล่าง สอดประสานกับความงดงามของอักขระเวทมนตร์บนอนาคตกาล
ฟ้าว!
สายลมเริ่มก่อตัวจากความว่างเปล่า ใบเรือหมุนปรับทิศทางด้วยตัวเอง ช่วยให้อนาคตกาลซึ่งปราศจากลูกเรือคอยควบคุม แล่นไปบนผิวน้ำด้วยความเร็วที่สูงกว่าในยามปรกติหลายเท่า
ไคลน์มองเข้าไปในห้องพักซึ่งเคยมีภาพดวงตาปรากฏในตอนกลางวัน แต่ก็พบเพียงฉากผ้าม่านกระพือเพราะถูกสายลมแรงพัดผ่าน ไม่มีความผิดปรกติใดนอกจากนั้น
ฟ้าว!
เมื่อสายลมแรงผนวกเข้ากับ ‘สะพานดาว’ ซึ่งเกิดจากมวลหมู่ดวงดาวเรียงตัวเป็นทางยาว อนาคตกาลเริ่ม ‘พุ่ง’ ไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันน่าทึ่งประหนึ่งกำลัง ‘โบยบิน’ ไปบนท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดาราพราวพราย
จนกระทั่ง แจ้งมรณะหายไปจากการมองเห็นโดยสมบูรณ์ เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกที่มีพลังทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่ง เริ่มจางลงจนกลายเป็นเพียงเสียงมายา และห่างไกลออกไปจนแทบไม่ได้ยิน
แฟรงค์ลดสองมือลง อ้าปากค้างพลางหายใจเข้าออกอย่างเชื่องช้า ลูกเรือคนอื่นบนดาดฟ้ายังคงนอนกองกับพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด แต่อย่างน้อยอาการก็ไม่แย่ลงจากเดิม
ราชาอมตะแข็งแกร่งสมคำร่ำลือ เป็นพลังที่หมดสิทธิ์ป้องกันโดยสิ้นเชิง… สมแล้วที่เป็นหนึ่งในสี่ราชาโจรสลัด…
ไคลน์ขมวดคิ้ว ถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย
แม้จะเคยผ่านประสบการณ์ทางอ้อมหลายหน แต่นี่คือครั้งแรกอย่างแท้จริง ที่มันถูกโจมตีจากตัวตนระดับครึ่งเทพโดยตรง พร้อมกับได้ตระหนักว่า แม้อาการิธจะเป็นราชาโจรสลัดอันดับท้ายสุด แต่ก็แข็งแกร่งพอจะทำให้ตนกลายเป็นเพียงทารกแรกเกิด หมดโอกาสขัดขืนโดยสิ้นเชิง
จากสันดานของอาการิธ มันอาจสั่งให้แจ้งมรณะไล่ตามอนาคตกาล… ถึงจุดประสงค์หลักคือการจอดรอจอมเชือด·จิลเซียส แต่ก็ยังตัดประเด็นดังกล่าวออกไปไม่ได้… ถ้าไล่ตามมาจริง เราจะสวดวิงวอนถึงเทพสมุทร อาศัยพลังของคทาสร้างลมพายุและวังวนคลื่นสมุทร จากนั้นก็กระหน่ำสายฟ้าเข้าใส่…
หลังจากวางแผนเสร็จ ไคลน์แหงนหน้าขึ้นไปมองแคทลียา
ใบหน้าของพลเรือเอกดวงดาวกำลังขาวซีด แต่ปราศจากร่องรอยความหมองคล้ำในตอนแรก ประกายดวงดาวเริ่มสลายไปทีละนิด
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ