ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 648

สรุปบท ราชันเร้นลับ 648: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

อ่านสรุป ราชันเร้นลับ 648 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บทที่ ราชันเร้นลับ 648 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 648 : กลางวันกลางคืน
ราชันเร้นลับ 648 : กลางวันกลางคืน
โดย
Ink Stone_Fantasy
แฮ่ก! แฮ่ก!

เสียงหอบคำใหญ่บรรจงดังในโสตประสาทของไคลน์อย่างต่อเนื่อง แผ่นหลังเย็นวาบขึ้นมาอย่างกะทันหัน ร่างกายหนาวสั่นอย่างไร้เหตุผล แต่ถึงอย่างนั้น สัญชาตญาณต่างๆ กลับมิได้แจ้งเตือนถึงภัยอันตราย

ไม่ใช่แค่ไคลน์ แต่รวมถึงพลเรือเอกดวงดาว·แคทลียา ผู้เชี่ยวชาญพิษ·แฟรงค์·ลี และโจรสลัดคนอื่นต่างได้ยินเสียงหอบกันถ้วนหน้า

หลังจากจำแนกความแตกต่าง ไคลน์พบว่าเสียงหายใจที่คมชัดดังมาจากซากปรักหักพังด้านหน้าเรือ ต้นตออยู่ระหว่างสองยอดเสาหินที่ลอยเหนือน้ำทะเล

ในวินาทีนี้ ‘ผู้ไร้เลือด’ ฮีธ·ดอยล์ โผล่ออกจากเงามืดพร้อมกับใช้สองมือกุมหัว ลมหายใจสั่นกระเส่าด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“มีศพ… ตรงนั้นมีศพ!”

ศพ? เจ้าของเสียงหายใจหอบคือศพ?

สมองไคลน์พลันประมวลผลรวดเร็ว ทางด้านแคทลียารีบถอดแว่นตาหนาเตอะออกและหันไปมองทางซากปรักหักพัง สีหน้าหญิงสาวแปรเปลี่ยนจากดำมืดเป็นองอาจ ปากตะโกนออกคำสั่งกับโจรสลัดในห้องอาหาร

“เร็วเข้า! เร่งความเร็วอ้อมไป! อย่าเข้าไปใกล้เด็ดขาด!”

เสียงหญิงสาวดังกังวานประหนึ่งโลหะกระทบ ปลุกให้ทุกคนตื่นจากภวังค์แตกตื่น บรรดาลูกเรือต่างวิ่งออกจากห้องอาหารเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ภายใต้การนำของต้นหนอ็อตโตลอฟและสรั่งเรือนีน่า พวกมันรีบปรับใบเรือเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง ส่งผลให้ลำเรือแล่นออกจากซากปรักหักพังไปไกลลิบ

จนกระทั่งยอดเสาหินที่ซ้อนทับกันเลือนหายไปจากสายตา ‘ผู้ไร้เลือด’ ฮีธ·ดอลย์ลดมือลงด้วยสีหน้าคลายความเจ็บปวด

ไคลน์หรี่ตาลงเมื่อเห็นภาพดังกล่าว เนื่องจากเริ่มตระหนักว่า ‘บิชอปกุหลาบ’ ผู้ช่วยกัปตันแห่งอนาคตกาล มีความเสี่ยงสูงมากในภารกิจการเดินทางครั้งนี้

ข้ออนุมานข้างต้นมิได้เกิดจากเหตุผลที่อีกฝ่ายอยู่บนเส้นทาง ‘ผู้วิงวอนความลับ’ เพียงอย่างเดียว แต่ยังประเมินจากสิ่งที่พลเรือเอกดวงดาวเคยอธิบายไว้ รวบไปถึงท่าทีที่ฮีธ·ดอยล์แสดงออก

ในจังหวะเมื่อครู่ ทุกคนได้ยินเสียงหายใจหอบดังกังวานเหมือนกันหมด แต่มีเพียงฮีธ·ดอยล์เท่านั้นที่แสดงสีหน้าเจ็บปวด แถมยังทราบทันทีด้วยว่า ภายในซากปรักหักพังมีศพอยู่ การรีบตอบสนองอย่างทันทีทันใดของแคทลียาถือเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนี้ในทางอ้อม

กล่าวคือ แม้ฮีล·ดอยล์จะไม่เคยฟังเสียงเพรียกของ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ มาก่อน แต่ก็ยังมีพลังของ ‘ผู้สดับ’ ติดตัว จึงมีโสตประสาทรับรู้สภาพแวดล้อมได้มากกว่าคนธรรมดาและผู้วิเศษลำดับต่ำหรือกลาง ส่งผลให้เวลาที่ได้ยินเสียงหอบในระยะใกล้ อาการของมันจะยิ่งกำเริบหนัก แต่ขณะเดียวกันก็ได้ทราบข้อมูลที่คนอื่นไม่ทราบ

สรุปก็คือ หากเป็นที่นี่ การเอาแต่หลีกเลี่ยงซากปรักหักพังไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะพลเรือเอกดวงดาว แคทลียา เคยระบุว่า ท้องทะเลแถบนี้เต็มไปด้วยเสียงที่สามารถทำให้ครึ่งเทพคลุ้มคลั่ง เป็นเสียงที่ไม่ควรได้ฟังด้วยประการทั้งปวง หากเมื่อไรที่ฮีธ·ดอลย์อยู่ในสภาพไม่พร้อม การได้ยินเสียงดังกล่าวแม้เพียงผิวเผินก็อาจนำพาไปสู่จุดจบ

แม้ลำดับ 6 อย่างบิชอปกุหลาบจะมีพลังในการได้ยินต่ำกว่าครึ่งเทพ แต่ก็คงด้อยกว่าไม่มากนัก เปรียบกับลูกเต๋าความน่าจะเป็น หากทอยได้หนึ่งหรือสองแต้ม ฮีธ·ดอยคงคลุ้มคลั่งทันทีที่ได้ยินเสียงอันไม่ควรได้ยิน… เราต้องเตือนมาดามเฮอร์มิท ไม่ว่าจะเธอจะเตรียมตัวรับมือไว้ดีแค่ไหนก็ตาม…

ขณะไคลน์เบือนสายตากลับ มันกับได้ยินเสียงคำรามของกระเพาะอาหารตัวเอง

ชายหนุ่มยังไม่ได้กินมื้อเช้า

กวาดตาไปรอบตัว มันเห็นเบียร์เย็นสาดกระเซ็นนองเต็มพื้น เนยถูกย่ำจนเปื้อนเปรอะ อาหารนานาชนิดจำพวกขนมปังปิ้ง ปลาทอด และขาวปังขาว ต่างกระจัดกระจายเต็มพื้นหรือไม่ก็แปะติดข้างฝาจนสกปรกเลอะเทอะ

ถ้าลอกชั้นนอกออกก็น่าจะยังพอกินได้อยู่… ไคลน์มองไปยังขนมปังก้อนหนึ่งที่วางเอนพิงขาโต๊ะอาหาร ภายในใจเกิดความลังเลว่าตนควรทำเช่นไร

นิสัยเช่นนี้ขัดแย้งกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์!

ขณะมันตัดสินใจรอกินอาหารกลางวันทีเดียว พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา หันไปออกคำสั่งกับพ่อครัว

“ช่วยเตรียมอาหารเช้าชุดใหม่ให้กับคนที่ยังไม่ได้กินด้วย… สำหรับเศษอาหารเหล่านี้ บางทีแฟรงค์อาจมีวิธีจัดการ”

เอาไปเลี้ยงสัตว์ประหลาดน่ะสิไม่ว่า… ไคลน์รำพัน

จากนั้นไม่นาน มันได้กินอาหารเช้าที่มิได้หรูหราเหมือนหนก่อน เป็นไส้กรอกหมูรมควันกับขนมปังปิ้งสองชิ้นที่ปิ้งจนผิวนอกกรอบ รวมถึงเบียร์รสอ่อนหนึ่งแก้วที่ปราศจากยาระงับประสาท ซึ่งไคลน์มองว่าไม่ต่างอะไรจากน้ำเปล่า

เนื่องจากกำลังเล่นผ่านน่านน้ำอันตรายที่อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ ไคลน์สำแดงฤทธิ์เดชของ ‘วิชากินไว’ ที่ฝึกมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย เพียงหนึ่งถึงสองนาทีก็จัดการอาหารเช้าจนราบคาบเกลี้ยงเกลา

เมื่อออกจากห้องอาหารโจรสลัดและกลับมายังดาดฟ้า มันเดินกึ่งย่อยอาหารกึ่งสำรวจสภาพแวดล้อมรอบลำเรือ

สำหรับปัจจุบัน ท้องทะเลยังคงถูกฉาบด้วยแสงอาทิตย์สีจางคล้ายยามเที่ยง

ไคลน์หยุดเดินและมองไปยังจุดห่างไกล จนกระทั่งพบจุดแสงแห่งหนึ่งซึ่งกำลังขยายขนาดขึ้น

ท่ามกลางแสงตะวันสาดทอ จุดแสงดังกล่าวสะท้อนกับสภาพแวดล้อมจนส่องประกายระยิบระยับและเต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย ราวอัญมณีสีใสเม็ดใหญ่ก็มิปาน

ขณะอนาคตกาลกำลังแล่นไปด้านหน้า จุดแสงเริ่มเผยตัวตนที่แท้จริง

ในตอนแรก ประกายแสงแตกตัวและแยกห่างจากกัน ก่อนจะกลายเป็นเสาขนาดใหญ่จำนวนสี่ต้นที่สร้างจากเพชรบริสุทธิ์

ดูคล้ายกับหอคอยกลางทะเลในตำนาน สี่ต้นเสาทอดยาวลงไปใต้น้ำอย่างมั่นคงเพื่อรองรับเกาะลอยขนาดใหญ่ด้านบน

เหนือเกาะลอยดังกล่าว เม็ดดินมีสีดำสนิทปราศจากเศษเสี้ยวของความเขียว ลึกเข้าไปบนเกาะมีแสงสว่างที่เจิดจ้ายิ่งกว่าแสงตะวันยามเที่ยงรอบนอก

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องดังลอยออกจากเกาะ

เป็นเสียงอันหนักหน่วงปราศจากการยับยั้ง แต่ก็มิได้มอบความรู้คุกคามหรือทำให้จิตใจไคลน์เกิดความสั่นคลอน

เพียงไม่นาน ไคลน์เริ่มได้ยินเสียงเท้าม้าตะกุยพื้น ก่อนจะเห็นอาชาทองคำสองตัววิ่งออกจากเกาะลอย ด้านหลังม้าทั้งสองเป็นราชรถสีทองอร่ามซึ่งงดงามไม่ต่างกัน

ในวินาทีนี้ พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา ตะโกนด้วยเสียงที่ถูกขยายให้ทรงพลังขึ้น ใจความถูกถ่ายทอดไปยังทุกซอกมุมของอนาคตกาลอย่างถ้วนทั่วและรวดเร็ว

“ก้มศีรษะลง! ห้ามจ้องมอง!”

เสียงโทนต่ำที่ค่อนข้างดังทำให้ภาพลักษณ์ของมันดูคล้ายหมีป่า

แคทลียาที่กำลังยืนด้านหลังกระจกห้องกัปตัน มอบคำตอบ

“เมื่อพวกเราตื่นขึ้น จะพบว่านายหายไปตลอดกาล”

กลางคืนที่นี่น่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียว? ไคลน์เริ่มสนใจ แต่ก็ไม่คิดฝ่าฝืนคำสั่งการนอน

เมื่อกลับถึงห้อง อาศัยแสงไฟภายในอนาคตกาลที่ยังไม่ดับสนิท ชายหนุ่มคลี่นกกระเรียนกระดาษพร้อมกับลงมือเขียนด้วยดินสอ

“ต้องระวังอันตรายใดบนน่านน้ำสุดเขตตะวันออกของทะเลโซเนียบ้าง แล้วต้องทำอย่างไรจึงจะหานางเงือกพบ?”

ไคลน์เก็บดินสอและพับนกกระเรียนกระดาษกลับ โดยมิได้ถอดเสื้อโค้ท ชายหนุ่มเอนตัวนอนลงบนเตียง และหลับสนิทภายใต้อำนาจของการเข้าฌาน

ท่ามกลางโลกสีเทา มันสะดุ้งตื่นพร้อมกับกระจ่างว่าตนกำลังฝัน

ไม่มีคนบุกรุก… ไคลน์มองไปรอบตัวและพบว่าตนกำลังอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะด้านหลัง ซ้าย หรือขวา ทุกทิศรายล้อมด้วยอาคารทรงศาสนาสีดำทึบ ด้านหน้าเป็นต้นไม้สีเหลืองเหี่ยวเฉากับหินก้อนใหญ่ยกสูง

ในจุดเหนือก้อนหิน พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา กำลังนั่งตามลำพังโดยใช้มือวางชันบนเข่า เธอโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย สายตาเพ่งไปยังภูเขาฝั่งตรงข้าม

หญิงสาวยังคงสวมชุดคลุมสีดำทรงโบราณที่แฝงกลิ่นอายความลึกลับ สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังสับสนจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก

ณ ปัจจุบัน เธอไม่ขยับเขยื้อนร่างกายจนดูคล้ายรูปปั้นหิน

ทำไมหล่อนถึงอยู่ในความฝันของเรา? ไคลน์ก้าวไปข้างหน้า ออกแรงกระโดดขึ้นไปบนหิน

แต่ก่อนจะได้เปิดปากถาม ฉากอันกว้างใหญ่ตรงหน้าพลันสร้างความตกตะลึงให้ชายหนุ่ม คล้ายกับร่างกายและจิตใต้สำนึกถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักหน่วง

ด้านหน้าของก้อนหินใหญ่คือผาไร้ก้น ฝั่งตรงข้ามเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยพระราชวัง ยอดแหลมของหอคอย และกำแพงเมืองสูงตระหง่าน

สิ่งปลูกสร้างทุกชนิดล้วนงดงามหรูหรา เรียงรายเป็นทิวแถว โดยทั้งหมดมีขนาดมหึมาจนดูไม่เหมือนกับถิ่นอาศัยของมนุษย์ เมื่อนำทุกปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน มันจะดูคล้ายกับสถาปัตยกรรมสุดมหัศจรรย์ตามตำนานปรัมปรา

ดวงอาทิตย์ลอยห่างออกไปไกล แผ่แสงหลากหลายระยิบระยับเหนือเมืองฝั่งตรงข้าม แสงทุกเส้นงดงามและสงบนิ่งคล้ายกับถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์

“นี่คือความฝันร่วมกันของเราทุกคน…” แคทลียายังคงนั่งในท่าชันเข่า พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงล่องลอยชวนฝัน

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ