ค่ำคืนบนท้องทะเลแห่งนี้จะเชื่อมความฝันของทุกสิ่งมีชีวิตเข้าด้วยกัน!
และหากมีสิ่งมีชีวิตใดมิได้หลับใหลในช่วงเวลาดังกล่าว วิญญาณจะไม่ถูกปกป้องอยู่ในดินแดนความฝัน ส่งผลให้ถูกลอบโจมตีจากศัตรูลึกลับไร้ที่มา
ส่วนเรื่องที่ว่า เหตุใดการโจมตีในลักษณะดังกล่าวถึงทำให้ร่างกายหายไป แทนที่จะตายและกลายเป็นศพให้เห็น ไคลน์ผู้ยังไม่มีประสบการณ์โดยตรง ย่อมมิอาจเดาสุ่มได้ถูกต้อง
ขณะความคิดกำลังว้าวุ่น ไคลน์ถอนสายตาออกจากแคทลียา และจ้องไปยังทิศทางของเมืองอันงดงามฝั่งตรงข้ามหน้าผา ภายในใจเริ่มผุดคำถาม
หากโลกนี้เชื่อมต่อกับความฝันของทุกสิ่งมีชีวิตจริง… เมืองหรูหราฝั่งตรงข้ามเกิดจากจินตนาการหรือความฝันของใครกัน?
มันเพ่งมองต่อไปราวสองสามวินาที ก่อนจะซักถาม
“นั่นคือเมืองอะไร”
เมืองที่งดงามและหรูหราใกล้เคียงตำนานปรัมปราแห่งนี้จะชื่อว่าอะไรกันแน่
พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา มองตรงไปด้านหน้าพร้อมกับกล่าวเสียงล่องลอย
“ฉันไม่ทราบ… ถึงจะได้เห็นทุกครั้งที่ได้เข้ามาในความฝัน แต่ฉันก็ไม่เคยมีโอกาสเข้าไปใกล้… ท่านเคยกล่าวไว้ว่า สิ่งนี้คล้ายกับบรมมหาราชวังสนธยาของฟุซัค… ท่านน่าจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่ไม่เคยบอกกับฉัน”
ท่าน? ราชินีเงื่อนงำ? บรมมหาราชวังสนธยาคือสถานที่พำนักของเทพสงคราม… ไคลน์มองไปรอบตัวพลางกล่าวต่อหลังจากใคร่ครวญ
“ผมจะไปสำรวจแถวนี้สักหน่อย”
มันเชื่อว่า ‘อนาคตกาล’ คงยังไม่ออกจากทะเลแห่งนี้เร็วนัก น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสค่ำคืนลึกลับอีกหลายหน เพื่อปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามที่ไม่ทราบต้นตอ ตนต้องเร่งสำรวจและเก็บข้อมูลให้มากที่สุด
แน่นอน การสำรวจในจุดที่ไม่มีข้อมูล ยิ่งมีเพื่อนร่วมทางมากเท่าไรก็ยิ่งดี
แคทลียาตอบด้วยเสียงล่องลอยในท่านั่งชันเข่าเช่นเดิม
“ฉันไม่สน”
“…”
คำตอบเช่นนี้มิใช่สิ่งที่พลเรือเอกซึ่งมีวุฒิภาวะสูงพึ่งกระทำ อย่างน้อยถึงจะปฏิเสธ ก็ควรสุขุมและอ่อนโยนสักหน่อย ดูคล้ายกับมาดามเฮอร์มิทเป็นเพียงเด็กผู้หญิงเอาแต่ใจ… ไคลน์ชะงักเล็กน้อยเนื่องจากไม่แน่ใจว่า ตนได้ยินคำตอบของเธอผิดไปหรือไม่ พลเรือเอกดวงดาวในปัจจุบันค่อนข้างแตกต่างจากมาดามเฮอร์มิทที่มันรู้จัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อไคลน์ตระหนักว่า ขณะทำหน้าที่อาสาสมัคร เกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยต้องข่มความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อสิ่งสกปรกเอาไว้เป็นบางเวลา มันผุดสมมติฐานใหม่ขึ้นมาหนึ่งข้อ
บางที ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา คงมิอาจครองสติได้สมบูรณ์ในความฝัน เธอทราบเพียงว่าตัวเองกำลังฝัน แต่มิอาจควบคุมร่างกายได้ตามใจนึกคิด!
หรือก็คือ พลเรือเอกดวงดาวเผลอแสดงนิสัยและความรู้สึกในส่วนลึกที่คอยข่มไว้เป็นเวลานาน ออกมาให้ไคลน์เห็นโดยไม่รู้ตัว
เข้าใจแล้ว… สาเหตุที่เธอพูดว่า ตนไม่เคยไปถึงเมืองฝั่งตรงข้ามเลยสักครั้ง เป็นเพราะเธอมิอาจควบคุมร่างกายในความฝันแห่งนี้… ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนตั้งคำถาม
“พวกเราอาจได้พบสิ่งที่น่าสนใจก็ได้”
“ไม่ไป” แคทลียามอบคำตอบโดยปราศจากความลังเล แต่ก็ไม่ถึงขั้นส่ายหน้า “ฉันจะรอที่นี่! ไม่ทำอะไรทั้งนั้น!”
เป็นอย่างที่คิด เธอตื่นไม่สมบูรณ์… ไคลน์ประเมินจากน้ำเสียงและอากัปกิริยาของอีกฝ่าย
โดยไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำ ชายหนุ่มกระโดดลงจากก้อนหินใหญ่
กึก!
เมื่อฝ่าเท้าสัมผัสพื้น ไคลน์มองกลับไปด้านหลัง
‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียา ยังคงนั่งในท่ากอดเข่าโดยไม่มีใครในละแวกใกล้เคียง
สายลมแผ่วเบาจากภูเขาพัดผ่าน เงาดำสะบัดพลิ้วอย่างอ่อนโยน แต่แคทลียายังไม่ขยับเขยื้อนร่างกายแม้แต่น้อย คล้ายกับกำลังนั่งรอบางสิ่งอย่างดื้อรั้น
คงมีแต่ ‘นักจิตบำบัด’ เท่านั้นที่สามารถตีความอาการในปัจจุบันของเธอได้ เรื่องนี้แตกต่างจากวิวรณ์ที่ได้รับจากการทำนาย… ไคลน์ยกมุมปากพลางกวาดตาไปรอบตัว ภายในใจกำลังพิจารณาว่าควรสำรวจทิศทางใดก่อน
มันพบว่า ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา เกือบทุกทิศล้วนรายล้อมด้วยอารามสีดำสนิท รอบขอบหน้าผามีกำแพงสูงปิดกั้นมิดชิด ไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็ต้องผ่านอารามสีดำ หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องกระโดดลงไปในก้นเหวของหน้าผา
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ไคลน์ตัดสินใจเดินตรงไปยังประตูสีดำของอารามลึกลับ
บานประตูสูงใหญ่กว่าสิบเมตร คล้ายกับไม่ได้สร้างมาเพื่อมนุษย์ ไคลน์ยืนจ้องนานสองสามวินาทีก่อนจะสูดลมหายใจยาวและเหยียดแขนออกไปผลัก
เกิดเสียงเสียดสีดังขึ้น บานประตูมีน้ำหนักมากกว่าที่มันคิดไว้ กล้ามเนื้อบนท่อนแขนชายหนุ่มเริ่มปูดโปน ใบหน้าแดงก่ำ จนแล้วจนรอด มันผลักเปิดเข้าไปไม่สำเร็จ ทำได้เพียงขยับเขยื้อนบานประตูเล็กน้อย
โชคยังดี ที่นี่คือดินแดนความฝัน ขอเพียงเชื่อว่าทำได้ เราสามารถเพิ่มพละกำลังได้โดยไม่ต้องใช้พลัง ‘ยุบพองหิวโหย’ ออกมาจริง ๆ … ไคลน์พ่นลมหายใจพร้อมกับเปลี่ยนถุงมือข้างซ้ายให้กลายเป็นสีซีด
เมื่อถุงมือกลายเป็นสีเขียว ชายหนุ่มได้รับพลัง ‘ซอมบี้’ มาครอบครองทันที มวลท่อนแขนท่อนขามีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ครืด!
เสียงเสียดสีดังหนักแน่น บานประตูบรรจงเปิดออกทีละนิดจนเผยให้เห็นทัศนียภาพด้านใน
ยอดหอคอยปลายแหลมสองต้น ถูกเชื่อมติดกับตัวอาคารสีดำด้วยสะพาน ทั้งหมดโอบล้อมจัตุรัสหินสีเทาอ่อนในจุดกึ่งกลาง
พื้นจัตุรัสมีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อ บางจุดมีลูกศรขนาดยักษ์ปักอยู่ บางจุดมีคราบไหม้สีดำ คล้ายกับเคยผ่านการรบอันดุเดือดเมื่อในอดีต
ไคลน์เดินผ่านประตูเข้าไปจนถึงเขตจัตุรัส และค่อนข้างผิดคาด มันได้พบกับแฟรงค์·ลี นีน่า อ็อตโตลอฟ และพรรคพวกคนอื่นที่นี่
นี่ก็เป็นความฝันของพวกเขา? ไม่ใช่… หรือกำลังจะบอกว่า แต่ละคนต่างมีความฝันในแบบของตัวเอง และจะปรากฏตัวบนดินแดนแห่งนี้แบบสุ่ม? ไคลน์คาดเดาเลื่อนลอยโดยไม่มีหลักฐาน
แฟรงค์·ลีอยู่ใกล้ไคลน์มากที่สุด มันกำลังตักก้อนกรวดด้วยพลั่วยาวในมือ ใกล้กันมีขนมปังขาว ขนมปังปิ้ง ปลาทอด และอาหารประเภทอื่นที่กระจัดกระจายบนพื้น
กำลังจะปลูกบางสิ่งโดยใช้สิ่งเหล่านี้แทนปุ๋ย? แม้แต่ในฝันก็ยังห่วงแต่เรื่องเพาะปลูก… ไคลน์เดินเข้าไปใกล้และเอ่ยปากถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ