ร่างกายทุกส่วนของมันถูกฉาบด้วยสีเทาอมขาวคล้ายก้อนหิน ใบหน้าตะปุ่มตะป่ำ ไม่มีดวงตา จมูก ปาก และใบหูที่ชัดเจน
“ยักษ์ศิลา…” พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา พึมพำประเภทของสัตว์วิเศษ
ทั้งไคลน์และแอนเดอร์สันต่างไม่มีข้อมูล
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครหันไปมองแคทลียาด้วยสีหน้าฉงน ทั้งคู่ยังคงจดจ้องสัตว์ประหลาดอย่างไม่ละสายตา อากัปกิริยาสมกับเป็นมืออาชีพ
แคทลียาหมุนตัวไปทางอนาคตกาลที่จอดเทียบท่าอยู่ด้านข้าง ตามด้วยการยกมือขวาขึ้นพร้อมกับเปล่งเสียงที่ถูกขยาย
“เล็ง!”
เหล่าโจรสลัดที่ประจำการเตรียมพร้อม รีบปรับทิศของปืนใหญ่หลายสิบกระบอกบนเรือให้เล็งไปยังยักษ์ศิลาตัวหนาที่กำลังย่างกรายเข้าใกล้
ตูม! ตูม! ตูม!
กระสุนปืนใหญ่พุ่งออกไปและตกลงใกล้กับยักษ์ศิลา ฝุ่นควันลอยตลบอบอวลปกคลุมอาณาเขตกว้างขวาง
ท่ามกลางการสั่นสะเทือนของพื้นดิน เปลวไฟลุกโชนขึ้นหลายจุด เศษเล็กเศษน้อยกระจัดกระจายไปทุกทิศราวกับทุกสิ่งถูกทำลายจนราบคาบ
ตึง! ตึง! ตึง!
ร่างสูงใหญ่สีเทาอมขาวเดินทะลุผ่านม่านควันในสภาพห่างไกลจากปางตาย มีเพียงแตกรอยร้าวเล็กน้อยตามพื้นผิว
พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มันไม่ใช่คนยักษ์ แต่เป็นประเภทสัตว์ศิลา แก่นสามารถใช้เป็นวัตถุดิบหลักของโอสถการ์เดี้ยนแห่งเส้นทางเทพสงคราม ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พลังป้องกันของมันจะสูงสักเพียงไหน”
ท่ามกลางเสียงปืนใหญ่ระดมยิง ไคลน์เริ่มสงสัยว่าตนอาจหูฝาด
ในเมื่อตระหนักถึงจุดแข็งของสัตว์ศิลา แล้วทำไมถึงยังสั่งให้ยิงปืนใหญ่? นั่นจะไม่สิ้นเปลืองกระสุนโดยเปล่าประโยชน์เอาหรือ? ชายหนุ่มกึ่งฉงนกึ่งรำพัน
คล้ายกับได้ยินเสียงนึกคิดของไคลน์ แคทลียากล่าวพลางจ้องไปทางยักษ์ศิลาที่กำลังเข้าใกล้
“ฉันไม่เคยเผชิญหน้ากับสัตว์วิเศษประเภทนี้มาก่อน จึงต้องการทดสอบให้แน่ใจ”
สมเหตุสมผล… ไคลน์เงียบงัน
ขณะเดียวกัน แอนเดอร์สัน·ฮู้ดที่สำรวจยักษ์ศิลามาสักพัก ยกมือขึ้นและพูด
“ในหมู่พวกนาย ใครมีพลังพิเศษสายน้ำแข็งบ้าง”
“ฉัน” พลเรือเอกดวงดาวตอบเสียงสุขุม
เมื่อได้ยินคำตอบของเฮอร์มิท ไคลน์กลืนคำพูดที่ตนเตรียมจะเปล่ง
สำหรับชายหนุ่ม หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันก็ไม่ต้องการพึ่งพาพลัง ‘ยุบพองหิวโหย’ สักเท่าไร แม้ว่าซอมบี้จะมีพลังอยู่ในขอบเขตของน้ำแข็งก็ตาม
บนเกาะร้างแห่งนี้ ไคลน์เชื่อว่าตนคงมิอาจอาหารที่เหมาะสมมาป้อนมันได้แน่!
แคทลียาหยิบม้วนคาถาสีเทาดำออกจากช่องกระเป๋าลับของเสื้อคลุมแม่มด ตามด้วยการพึมพำภาษาเฮอร์มิสโบราณ
“เยือกแข็ง!”
ท่ามกลางความเงียบ ม้วนคาถาถูกเพลิงสีฟ้าเย็นปกคลุม บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยแสงประกายแวววาวและใสกระจ่างราวกับแก้ว
พวกมันโปรยปรายลงบนร่างยักษ์ศิลาและเริ่มแช่แข็งเป้าหมายจนมีน้ำแข็งเกาะหลายจุด
เสียงน้ำแข็งกัดดังระงม ขณะยักษ์ศิลาย่างกรายออกจากขอบเขตเวทมนตร์ ก้อนน้ำแข็งเริ่มแตกออกทีละหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าผิวกายภายนอกสีเทาขาวของมันหมองลงเล็กน้อย การเคลื่อนไหวเชื่องช้าแตกต่างจากก่อนหน้า
ทันใดนั้น แอนเดอร์สันยกมือขึ้นประหนึ่งพิธีกรที่พยายามเรียกร้องให้ผู้ชมปรบมือ
ณ ฝ่าเท้าของยักษ์ศิลา เปลวเพลิงสีส้มอ่อนจนเกือบขาว ลุกโชนราวกับมันเหยียบลงบนกับดัก
ผิวกายภายนอกเริ่มผุดไอน้ำจำนวนมาก ก่อนจะแตกร้าวจนเกิดรอยแยกขนาดใหญ่
แอนเดอร์สันชักแขนขวากลับ หอกเพลิงสีขาวก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือ
เปลวไฟปลายหอกเริ่มควบแน่นกลายเป็นจุดแสงขนาดเล็กที่ส่องสว่าง
คมหอกพุ่งแหวกอากาศ กระแทกใส่รอยแยกบนร่างกายยักษ์ศิลาอย่างแม่นยำ รูโหว่ดังกล่าวถูกเติมเต็มด้วยเปลวไฟแผดเผาในพริบตา
แอนเดอร์สัน·ฮู้ดที่เคยยืนอยู่ริมหาด คล้ายกับร่างของมันหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับหอกแสงเล่มเมื่อครู่ นักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดโผล่ไปปรากฏตัวด้านหลังยักษ์ศิลาได้อย่างน่าตะลึงงัน
มันกำหมัดซ้ายแน่น ท่อนแขนโป่งพอง ก่อนจะชกผ่านรูโหว่ตรงเข้าไปยังหัวใจของยักษ์ศิลา
การโจมตีอันเรียบง่ายดังกล่าวสร้างผลลัพธ์เหนือจินตนาการ ยักษ์ศิลาพลันแน่นิ่ง ร่างกายแตกร้าวจากด้านใน ก่อนจะสลายตัวกลายเป็นเศษดินหินในพริบตา
โจมตีจุดอ่อน… ไคลน์หรี่ตาลง
พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา ที่ยังยืนในจุดเดิม กล่าวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ลำดับ 5 แห่งเส้นทางนักล่า ยมทูต… พวกเขาเชี่ยวชาญการหาจุดอ่อนของเหยื่อ”
ยมทูต… ผู้เก็บเกี่ยวชีวิต? งั้นก็ไม่น่าแปลกใจ… ไคลน์พยักหน้ารับเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน แอนเดอร์สันกำลังนั่งยองลง มือควานหาบางสิ่งจากซากยักษ์ศิลา
จากนั้นก็หันหน้ามาด้วยรอยยิ้มจืดชืด
“สัตว์วิเศษปลอม”
หรืออีกนัยหนึ่ง ไม่มีของมีค่าให้เก็บเกี่ยว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ