ท่ามกลางกระแสความคิด ชายหนุ่มผุดทฤษฎีใหม่
อาจเป็นเจ้าของดวงตาลึกลับที่เคยจ้องเราบนดาดฟ้าเรือ…
เป็นไปได้… หากบุคคลลึกลับดังกล่าวซ่อนตัวอยู่บนเรือเพื่อตามเราเข้ามาในท้องทะเลพิเศษแห่งนี้ ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนอนในยามกลางคืนและโผล่ตัวบนโลกความฝัน… มาดามเฮอร์มิทมิอาจตระหนักถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย หรือรู้แต่ยังอนุญาตให้ทำ? หรือนี่คือหนึ่งในไพ่ตายของเธอ และเป็นเหตุผลที่เธอกล้ารับงานโดยไม่เกรงกลัวอันตราย? ไม่สิ อย่าเพิ่งด่วนสรุป อย่างน้อยก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า บุคคลที่เปิดประตูในส่วนลึกของโถงจิตรกรรม เป็นคนเดียวกับเจ้าของดวงตาลึกลับบนอนาคตกาล… ไคลน์จ้องแอนเดอร์สันด้วยสายตาซับซ้อน ต่อด้วยซักถาม
“แล้วทำไมถึงคิดว่าไม่ใช่คนบนเรือ”
จากคำบอกเล่าของแอนเดอร์สัน·ฮู้ด มันเคยเชื่อว่านั่นคงเป็นเสียงฝีเท้าของใครสักคนบนอนาคตกาล แต่ภายหลังเกิดเปลี่ยนใจ
แอนเดอร์สันตอบพลางยิ้ม
“บนโลกความฝัน ฉันแวะไปหาทุกคนบนเรือและยืนยันจนแน่ใจว่า ไม่มีใครสามารถขยับตัวได้อย่างอิสระ ยกเว้นนายคนเดียว”
“เสียใจด้วย แต่ตอนนั้นฉันกำลังผลักประตูออกไปข้างนอก” ไคลน์ตอบเยือกเย็น
แอนเดอร์สันยักไหล่
“ฉันรู้ และมิได้สงสัยว่าเป็นนาย ท้องทะเลแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายอยู่แล้ว มีสัตว์ประหลาดเหนือจินตนาการซ่อนอยู่มากมาย บางที คนที่เปิดประตูอาจเป็นเจ้ายักษ์ศิลานั่น หรือไม่ก็มังกรเน่าเปื่อยสักตนที่กำลังฝันถึงกองสมบัติมหาศาล”
กล่าวถึงตรงนี้ แอนเดอร์สันเอนตัวพิงกราบเรือและมองออกไปยังท้องทะเลด้านนอกที่กำลังถูกฉาบด้วยแสงสีทองเรืองรอง มันเผยรอยยิ้ม
“ฉันค้นพบว่า หลังจากรอดชีวิตจากเหตุการณ์เรืออับปางเพราะพายุ ความโชคร้ายก็เริ่มลดลงทีละนิด ฮะฮะ! อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่า ฉันจะไม่ซวยบัดซบไปตลอดชีวิต… เห็นได้ชัดจากการที่ฉันว่ายน้ำขึ้นไปบนเกาะสำเร็จ ถึงจะประสบโชคร้ายหลังจากนั้นอีกเล็กน้อย แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดมาจนกระทั่งพบนายได้… ถึงจะดึงดูดให้สัตว์ร้ายเข้ามาหา เช่นยักษ์ศิลาตัวนั้น แต่พวกเราก็ร่วมมือกันจัดการได้ในพริบตา… และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันอยู่บนเรือลำนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว แต่กลับยังไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น จึงน่าจะอนุมานได้ว่า…”
ก่อนที่แอนเดอร์สันจะกล่าวจบ ไคลน์พูดแทรกเสียงเข้ม
“หุบปาก!”
ถ้าไม่ถูกชกสักหมัด หมอนี่จะไม่พูดให้น้อยลงหรือไง? ลองดูสักทีดีไหม? หากไม่ใช่เพราะเราเคยทำนายยืนยันบนมิติหมอกแล้วว่า แอนเดอร์สันไม่มีพิษภัยหรือถูกสิ่งใดครอบงำ ป่านนี้คงจับมันโยนก้นทะเลไปนานแล้ว… นั่นสินะ ลำดับ 8 แห่งเส้นทาง ‘นักล่า’ คือ ‘นักยั่วยุ’ ด้วยสันดานของหมอนี่ การย่อยโอสถในพริบตาคงไม่ใช่เรื่องยาก… ด้วยความสัตย์จริง ไคลน์มองว่าระดับการ ‘ยั่วยุ’ ของแอนเดอร์สันเหนือกว่าเดนิสหลายเท่า
“ตกลง… ตกลง… ฉันจะเงียบแล้ว” แอนเดอร์สันยกสองมือขึ้นพลางเผยรอยยิ้มขื่นขมโดยมิได้แสดงความขุ่นเคือง
เมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเสียงเปิดประตูและฝีเท้าในโลกความฝัน ไคลน์ยืนครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องโดยสาร
ในวินาทีนี้ มันเพิ่งตระหนักได้ว่า ตนมองข้ามสิ่งสำคัญไปหนึ่งเรื่อง!
เมื่อแอนเดอร์สันผู้ถูกสาปให้โชคร้ายโดยสารมากับเรือ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงว่า อนาคตกาลอาจถูกโจมตีหรือเผชิญภัยพิบัติเหนือธรรมชาติได้ทุกเมื่อ! การเตรียมตัวรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญ!
กลับถึงห้อง ไคลน์หยิบนกหวีดทองแดงของอะซิกออกมาพร้อมกับนกกระเรียนกระดาษของวิล·อัสติน เดินเข้าห้องน้ำ ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเองเพื่อนำถุงมือ ‘อินธน์’ เข็มกลัดสุริยันและตะกอนพลัง ‘ฝันร้าย’ ออกจากมิติหมอกเทามายังโลกความจริง
มันมิได้สวมใส่อุปกรณ์เหล่านั้นทันที เพียงเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางร่วมกับขวดพิษชีวภาพ
ด้วยการเตรียมพร้อมระดับนี้ ถึงจะมีอันตรายเกิดขึ้นกะทันหัน แต่ก็ยังพอมีเวลาปรับแต่ง ‘ชุดศึก’ ให้เหมาะสมสถานการณ์
หลังจากจัดการเสร็จ ไคลน์ที่เริ่มบรรเทาความตึงเครียด เก็บข้าวของและเดินออกไปยังดาดฟ้าเรืออีกครั้ง ด้วยความกังวลว่าตนอาจพลาดเบาะแสสำคัญของนางเงือกไป
ในวินาทีที่ก้าวขาออกจากห้องโดยสาร ชายหนุ่มเห็นแฟรงค์·ลีนั่งยองอยู่ด้านข้าง สีหน้าเจือความตกตะลึงและเสียขวัญ
“เกิดอะไรขึ้น” หัวใจไคลน์แทบหยุดเต้น
มันเริ่มกังวลว่า การทดลองข้ามสายพันธุ์สุดพิสดารของแฟรค์อาจล้มเหลวและกำลังจะสร้างความฉิบหายขึ้นบนเรือ ส่งผลให้สมาชิกอนาคตกาลทุกคนต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางหายนะทางระบบนิเวศ
แฟรงค์ส่ายหน้าอย่างเหม่อลอย
“ฉันเคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ให้นายฟังแล้วใช่ไหม… พวกเด็ก ๆ ต้องนอนหลับสักพักถึงจะเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้… และในตอนนี้…”
“ในตอนนี้ทำไม?” ใบหน้าไคลน์เริ่มดำมืด
บทสนทนาดังกล่าวทำให้นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด แอนเดอร์สัน·ฮู้ด ผู้กำลังโอ้อวดกับลูกเรือคนอื่นว่าตนเคยล่าโจรสลัดไปมากเพียงใด พลันเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะปลีกตัวเดินตรงมาทางไคลน์และแฟรงค์ด้วยความใคร่รู้
แฟรงค์ที่กำลังนั่งยอง เงยหน้าขึ้นและเล่าต่อ
“พวกเด็ก ๆ เพิ่งประสบความสำเร็จในการแพร่พันธุ์จำนวนมาก ปัจจุบันกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการปรับแต่งพันธุ์กรรมเป้าหมาย… น… นี่มันเหตุการณ์ระดับปาฏิหาริย์!”
“แล้วไงต่อ? พวกมันไปไหน? หรือยังอยู่ในท้องทดลองของนาย?” ไคลน์เริ่มสัมผัสถึงลางร้าย
แฟรงค์ใช้เวลาราวสองวินาทีเพื่อตกผลึกคำตอบ ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกระจุกขนดกหนาบนท่อนแขน
มันใช้มือเคาะพื้นดาดฟ้าตรงหน้า พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
“พวกเด็ก ๆ ฝังตัวเองเข้าไปในนี้และพยายามปรับแต่งโครงสร้างของอนาคตกาลเสียใหม่…”
ท่ามกลางเสียงเคาะทื่อ ๆ หยดน้ำนมพลันพุ่งออกจากแผ่นไม้ดาดฟ้าเรือ สาดกระเซ็นจนเต็มใบหน้าแฟรงค์·ลี
มันเลียของเหลวข้างริมฝีปาก พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเจืออารมณ์ตื่นเต้น
“อนาคตกาล… อนาคตกาลผลิตน้ำนมได้แล้ว!”
ขณะเดียวกัน โจรสลัดที่กราบเรือต่างชี้ลงไปยังตำแหน่งของปืนใหญ่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ปากกระบอก… ปากกระบอกปืนใหญ่พ่นน้ำนมได้!”
นี่มัน… ไม่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์เลยสักนิด… ไคลน์เกือบหลุดกระตุกมุมปาก
นับตั้งแต่เริ่มโดยสารอนาคตกาล นับตั้งแต่เรือแล่นมาถึงหุบเหวและเผชิญการร่วงหล่นอย่างรุนแรง หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นโดยไม่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งศาสตร์เร้นลับในขอบเขตที่ตนเคยศึกษา!
แอนเดอร์สันเฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าตกตะลึง ถึงขั้นลืมซักถามความเป็นไป ทำเพียงกระทืบเท้าตามสัญชาตญาณเมื่อเห็นน้ำพุนมพวยพุ่งขึ้นมาจากบริเวณอื่น
กระแสความคิดมากมายแล่นเข้ามาในสมองไคลน์ ช่วยให้มันเริ่มเข้าใจถึงปัญหา
ชายหนุ่มมองไปทางแฟรงค์ ถามเสียงทุ้มลึก
“หลังจากสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ของนายฝังตัวลงในอนาคตกาล พวกมันสามารถแพร่ไปสู่คนได้ไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ