มันขอบคุณเพราะว่า หากราชินีเงื่อนงำไม่ลงมือ ถึงสมบัติปิดผนึกที่ช่วยปิดกั้นการได้ยินของฮีธ·ดอยล์จะได้ผลอยู่บ้าง แต่คงเป็นการยากที่จะไม่กลายร่าง
สำหรับผู้วิเศษลำดับกลางและต่ำในเส้นทางอื่น หากไม่ใช่การได้ยินเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริงโดยตรง อย่างมากก็แค่ก็เกิดอาการซึมเศร้าหรือแตกตื่น อย่างดีก็ฝันร้าย ไม่เกิดอันตรายรุนแรงนัก แต่สำหรับ ‘บิชอปกุหลาบ’ ซึ่งมีลำดับ 0 ของเส้นทางเป็นพระผู้สร้างแท้จริง หากต้องเดินทางไปในเขตที่เต็มไปด้วยเสียงเพรียกของเทพมารดังกล่าว ถึงจะหูหนวก แต่ก็คงเกิดปัญหากับร่างกายไม่ช้าก็เร็ว
เมื่อฮีธ·ดอยล์เสียสติหรือคลุ้มคลั่ง ด้วยธรรมชาติของทะเลแถบนี้ คงเป็นการยากที่เหล่าสมาชิกบนเรือจะปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ไคลน์เชื่อว่า ตราบใดที่ตนไม่ถูกจู่โจมจนตายในทันที มีโอกาสได้สวดวิงวอนถึงเดอะฟูล ส่งตัวเองเข้าสายหมอกและใช้คทาเทพสมุทร ปัญหาก็ยังพอจะมีทางคลี่คลาย
แต่สิ่งที่ชายหนุ่มประหลาดใจมากที่สุดก็คือ เรื่องราวดังกล่าวขัดแย้งกับทฤษฎีก่อนหน้าของตนโดยสิ้นเชิง มันเคยเชื่อว่า ทะเลแถบนี้คือมรดกของสงครามระหว่างทวยเทพจากยุคสมัยที่สอง เป็นศึกช่วงชิงพลังซึ่งนำโดยพระผู้สร้างที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์เคารพนับถือ ต่อกรกับเหล่าแปดเทพบรรพกาลรวมไปถึงบรรดาเทพรับใช้ แต่ใครจะไปคิดว่า ตนอาจเข้าใจผิดทั้งหมดมาตั้งแต่แรก เพราะ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ คือบุคคลที่เพิ่งปรากฏตัวครั้งแรกหลังจากมหาภัยพิบัติแห่งยุคสมัยที่สาม!
แต่ยังมีความเป็นไปได้ว่า เสียงเพรียกเหล่านี้อาจเป็นของใหม่… ไคลน์ไม่ด่วนสรุป เฝ้ามองราชินีเงื่อนงำเดินผ่านหน้า ลูบคลำงานแกะสลักนูนต่ำบนราว พลางก้าวลงบันไดอย่างเชื่องช้า
แผ่นหลังที่สูงโปร่ง สัดส่วนไขมันสมบูรณ์แบบ โดยรวมแล้วหุ่นดี ผมยาวสีเกาลัดปล่อยตามธรรมชาติ…
ไคลน์เกิดความคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด หลังจากลองใคร่ครวญเหตุการณ์ที่ตนเข้าไปพัวพันกับราชินีเงื่อนงำอย่างละเอียด ชายหนุ่มเริ่มพบสาเหตุของความคุ้นเคย
ขณะเยี่ยมชมนิทรรศการรำลึกโรซายล์เพื่อตามหาไพ่เย้ยเทพ มันเคยเห็นแผ่นหลังแบบเดียวกันมาก่อน ในเวลานั้น เจ้าของแผ่นหลังแต่งกายค่อนข้างแปลก ทั้งที่สวมเดรสสีเหลืองหลายชั้นเหมือนกับเด็กสาวทั่วไป แต่กลับสวมหมวกอ่อนสีดำซึ่งเคยนิยมในอดีต
คงเป็นราชินีเงื่อนงำ… เหมือนกับเรา เธอเข้าไปเยี่ยมชมนิทรรศการก่อน… สิ่งที่เธอกำลังจ้องในตอนนั้นคือหนังสือแบบเรียนที่จักรพรรดิโรซายล์พัฒนาขึ้นสำหรับลูกๆ ตัวเอง รวมถึงการประดิษฐ์หมากรุกและอิฐตัวต่อ… เธอคงมั่นใจว่าเราเป็นคนนำไพ่จักรพรรดิมืดไป…
บุตรสาวคนโตของจักรพรรดิ แบร์นาแดต ก่อตั้งแก่นรุ่งอรุณเพื่อคานอำนาจกับนิกายมอสส์ และถ้าอ้างอิงจากไดอารี สตรีผู้นี้ยอมรับในคติพจน์ ‘ทำตามที่ใจอยาก แต่ต้องไม่เดือดร้อนใคร’ ดังนั้น อ้างอิงจากสองปัจจัยข้างต้น มีโอกาสสูงมากที่เธอจะเป็นครึ่งเทพบนเส้นทาง ‘ผู้ส่องความลับ’ …
ลำดับ 4 ของเส้นทางผู้ส่องความลับคือ ‘ปราชญ์พิศวง’ … และเนื่องจากราชินีเงื่อนงำโด่งดังในทะเลมานานกว่าร้อยปี ลำดับของเธอก็น่าจะสูงกว่า 4 ไปแล้ว… หืม… หลังจากแคทลียาออกจากสังกัดของราชินีเงื่อนงำ เธอได้เข้าร่วมกับนิกายมอสส์…
ราชินีเงื่อนงำให้ความสำคัญกับการถอดเนื้อความไดอารีโรซายล์มาก…
กระแสข้อมูลเริ่มเรียงร้อยถักสาน จนกระทั่งไคลน์ผุดทฤษฎีหนึ่ง
บางที ราชินีเงื่อนงำอาจเป็นบุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์ แบร์นาแดต·กุสตาฟ!
ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายได้ว่า ทำไมการแต่งกายของราชินีถึงประหลาดและคล้ายกับโลกเก่านัก… เธอได้รับอิทธิพลทางรสนิยมมาจากจักรพรรดิ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยสมัยนิยม จึงผสมผสานออกมาเป็นสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร ค่อนไปทางแปลกประหลาด… แต่จะดูดีหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนหน้าตาดี แค่สวมกระสอบก็ดูดี แถมยังถูกชมว่าเป็นผู้นำแฟชั่น… ไคลน์รำพันในใจ แต่ฉากนอกยยังคงเงียบขรึมขึงขัง เดินตามราชินีเงื่อนงำลงบันไดอย่างระมัดระวัง
ราชินีเงื่อนงำไม่หันหลังกลับมามอง กล่าวขณะเดิน
“ความฝันแห่งนี้มิได้กว้างขวาง มีเพียงสองส่วน ส่วนแรกเป็นการจำลองวังราชาคนยักษ์บนภูเขาฝั่งตรงข้าม ส่วนที่สองคืออารามสีดำที่นี่”
วังราชาคนยักษ์? ฉากของอาคารอันซับซ้อนและสง่างามท่ามกลางแสงแดดยามเย็น ผุดเข้ามาในใจไคลน์ทันที
นั่นคือแบบจำลองของวังราชาคนยักษ์!
และเดอะซันน้อยก็เพิ่งมาถึงทางเข้าวังราชาคนยักษ์ในโลกจริง หมู่บ้านยามบ่าย!
ราชินีเงื่อนงำกล่าวเสียงนุ่มนวลแต่ไร้อารมณ์
“นั่นเป็นเพียงการคาดเดาของฉัน เพราะรูปแบบอาคารคล้ายกับบรมมหาราชวังสนธยาของฟุซัคมาก… ผนวกกับข่าวลือในยุคสมัยที่สี่ซึ่งระบุว่า เทพสงครามคือคนยักษ์โบราณที่รอดชีวิตมาจากมหาภัยพิบัติ”
เส้นทางเทพสงครามคือเส้นทางคนยักษ์… ไคลน์เห็นด้วยกับทฤษฎีของราชินีเงื่อนงำ
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มฉุกคิดเกี่ยวกับตำนานเทพบรรพกาลที่เดอะซันน้อยรวบรวมมาให้ คำอธิบายส่วนหนึ่งของ ‘วังราชาคนยักษ์’ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ที่นั่นจะมี ‘แสงสนธยา’ ส่องค้างไว้ตลอดเวลา จุดนี้นับว่าสอดคล้องกันลักษณะพิเศษของภูเขาฝั่งตรงข้าม
จากพระผู้สร้างแท้จริงจนมาถึงวังราชาคนยักษ์ ราชินีเงื่อนงำยอมเปิดเผยสองข้อมูลที่สำคัญมากแก่เรา… เธอพยายามทำดีกับเรา… ไม่สิ พยายามทำดีกับบุคคลลึกลับเบื้องหลังเราต่างหาก… หึหึ และคนที่อยู่เบื้องหลังเราก็คือตัวเราเอง… ไคลน์ตอบกลับอย่างใจเย็น
“วังราชาคนยักษ์บนโลกความจริง… อยู่ในดินแดนเทพทอดทิ้ง”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ เป็นการอวดโอ่ข้อมูลในมือ รวมไปถึงความยิ่งใหญ่ของบุคคลเบื้องหลัง
ราชินีเงื่อนงำชะงักฝีเท้า มือขวาวางลงบนราวที่มีงานแกะสลักนูนต่ำปกคลุม หมุนตัวครึ่งรอบกลับมาจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์ กล่าวอย่างด้วยจังหวะนุ่มนวล
“มีข่าวลือว่า ทางเข้าของดินแดนเทพทอดทิ้งซ่อนอยู่บนภูเขาฝั่งตรงข้าม ที่ใดสักแห่งในแบบจำลองของวังราชาคนยักษ์”
นั่นคือเหตุผลที่เดอะซันน้อยสำรวจหมู่บ้านยามบ่าย? ไม่ใช่ว่าเจ้าหนูแจ็คปรากฏตัวจากชายหาดหรอกหรือ? บางที อาจจะมีสวิตช์ซ่อนอยู่ทั้งในแบบจำลองวังราชาคนยักษ์และวังราชาคนยักษ์ของจริง ต้องเปิดพร้อมกัน ทะเลทั้งสองจึงจะเชื่อมต่อ?
ทะเลแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริง แถมยังมีความลับของดินแดนเทพทอดทิ้งซ่อนอยู่ รวมไปถึงเศษเสี้ยวพลังของรัตติกาล สุริยัน วายุสลาตัน ธรณี และผู้ชม ไม่ว่าจะมองมุมใดก็สอดคล้องกับเหตุการณ์มหาภัยพิบัติมาก!
หรือว่า… หลังจากเกิดมหาภัยพิบัติ ดินแดนเทพทอดทิ้งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทั้งเทพธิดา สุริยันเจิดจรัส เทพวายุสลาตัน พระแม่ธรณี ต่างช่วยปกป้องโลกเอาไว้ ขณะเดียวกันก็เป็นเวลาที่พระผู้สร้างแท้จริงปรากฏตัว… มีเพียงเส้นทางผู้ชมที่ยังหาความเชื่อมโยงไม่ได้… ไคลน์สร้างสมมติฐานจากข้อมูลในมือ
ราชินีเงื่อนงำเริ่มเดินลงบันไดต่อ พลางหันมากล่าว
“อารามสีดำแห่งนี้อาจดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่สิ่งก่อสร้างทั้งหมดในทุกชั้นจะเป็นตัวแทนของแต่ละจุดบนท้องทะเล ด้านหลังบานประตูอาจเป็นความฝันของเหล่าสัตว์ประหลาด”
แบบนี้นี่เอง… ไคลน์ชำเลืองราวบันได พบว่างานแกะสลักด้านบนส่วนมากเป็นรูปศีรษะมนุษย์ มองผิวเผินอาจดูงดงาม แต่จะมอบความรู้สึกขนลุกเมื่อเพ่งพินิจ ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ