ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 673

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 673 : อักษรเลือด
ราชันเร้นลับ 673 : อักษรเลือด
โดย
Ink Stone_Fantasy
ต้นเถาวัลย์ที่ดูคล้ายกับบันไดพาไปสู่สรวงสวรรค์ ค่อยๆ ทิ้งตัวล้มลงทีละชั้นสองชั้น จนกระทั่งทั้งหมดหดกลับไปยังใต้ดิน

ไม่ว่าจะนักบุญมืดที่เป็นจิตหลัก หรือเลโอมาสต์ที่เป็นด้านดี ทั้งหมดหายตัวไปอย่างน่าฉงน เหลือเพียงพลเรือเอกดวงดาว แคทลียา ที่ยังยืนอยู่บนหินใหญ่ กวาดตาไปรอบตัวอย่างเหม่อลอย

ราชินีเงื่อนงำน่าจะดึงเลโอมาสต์จิตหลักและจิตด้านดีกลับความฝันตัวเองไปแล้ว… หรืออาจจะนำตัวไปที่อื่น เพื่อทดลองหาทางเข้าที่แท้จริงของดินแดนเทพทอดทิ้ง?

ดูเหมือนว่าทั้งสองบุคลิกจะมิอาจแยกกันอยู่คนละความฝัน ไม่อย่างนั้น ราชินีเงื่อนงำคงหาโอกาสสนทนากับเลโอมาสต์ด้านดีตัวต่อตัว หาทางช่วยอีกฝ่ายโค่นล้มปีศาจเพื่อแลกกับข้อมูลสำคัญ ไม่จำเป็นต้องดึงออกมาทั้งคู่ให้ยุ่งยาก…

มีโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างมาก ว่าถ้าต้องการกำจัดนักบุญมืด อาจต้องบุกรุกเข้าไปในซากปรักหักพังสักแห่งบนโลกความจริง… กระทั่งราชินีเงื่อนงำก็ยังไม่กล้าเสี่ยงในเรื่องนี้ เพราะมีโอกาสที่ราชินีเงื่อนงำด้านชั่วร้ายซึ่งยึดถือคติพจน์ ‘ทำตามใจอยาก และยิ่งต้องเดือดร้อนคนอื่นให้มากที่สุด’ จะถือกำเนิดขึ้น… ไคลน์เบือนสายตากลับพลางครุ่นคิด พยายามเพ่งไปทางอาคารใกล้กับประตูอารามสีดำ ที่นั่นมีหน้าต่างใสสูงจากพื้นจรดเพดาน แต่แบร์นาแดตไม่อยู่อีกแล้ว

ไคลน์ไม่เสียเวลามองหาอีกฝ่าย ไม่พยายามสืบสาวว่า ราชินีเงื่อนงำได้ข้อมูลใดจากเลโอมาสต์ด้านดีไปบ้าง เพราะชายหนุ่มยังไม่ลืมฐานะที่แท้จริงของเกอร์มัน·สแปร์โรว์

ข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล!

นอกจากนั้น พลเรือเอกดวงดาวก็ทราบเป็นอย่างดีเช่นกัน ว่า ‘เดอะซัน’ แห่งชุมนุมทาโรต์อาศัยอยู่บนดินแดนเทพทอดทิ้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่มิสเตอร์ฟูลจะไม่ทราบวิธีเข้าถึงดินแดนดังกล่าว

ดังนั้น ข้ารับใช้มิสเตอร์ฟูลอย่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ต้องไม่มีแรงจูงใจในการสืบสาวเรื่องนี้!

แต่ละบุคลิกล้วนมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน… สามารถช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้นในบางเรื่อง แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้บางเรื่องยากขึ้น นี่คือข้อเสียของผู้ไร้หน้า… ไคลน์เบือนหน้ากลับ มองไปทางภาพจำลองวังราชาคนยักษ์บนภูเขาฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง พบว่าแสงสนธยาที่เคยสาดค้าง ค่อยๆ ถูกคายกลับไปยังตำแหน่งเดิม

บนยอดเขาในละแวกใกล้เคียงกัน เหนือหินก้อนใหญ่เด่นตระหง่าน พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา บรรจงกลับไปอยู่ในท่านั่งอีกครั้ง กอดเขาของตัวเองอย่างแนบแน่น

กลางวันกลางคืนยังสลับกันอีกสามหน โดยที่เวลาจริงบนโลกภายนอกผ่านไปเพียงหนึ่งวัน

อนาคตกาลแล่นผ่านเกาะและซากปรักหักพังอันตรายหลายแห่ง หลีกเลี่ยงปัญหาซ่อนเร้นตามร่องน้ำปลอดภัยได้อย่างหมดจด จนในที่สุดก็กลับมายังบริเวณทางเข้าอีกครั้ง

ไคลน์และคนที่เหลือมองเห็นซากปรักหักพังแรกสุดซึ่งส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ มองเห็นหินสีเทาก้อนใหญ่และเสาหินที่เรียงซ้อนกัน รวมไปถึงหลังคาทรงโดมด้านบนสุด

ย้อนไปในคราวก่อน ณ ที่นี่ ทุกคนได้ยินเสียงหายใจหอบดังกึกก้อง และผู้ไร้เลือดซึ่งเผชิญความเจ็บปวดมากกว่าใคร แจ้งว่ามีศพใครบางคนอยู่ในซากปรักหักพัง!

และศพนั้นเป็นเจ้าของลมหายใจเสียงดัง!

แต่สำหรับปัจจุบัน ซากปรักหักพังแสนอันตรายดังกล่าว มิได้ทำให้ทุกคนบนอนาคตกาลเกิดความหวาดหวั่น ตรงกันข้าม การมองเห็นมันย่อมหมายความว่า พวกตนกำลังจะได้ออกจากน่านน้ำแสนอันตรายและน่ากลัวแห่งนี้เสียที!

“หือ… ตรงนั้นมีเรือ!” นีน่าที่ปืนขึ้นหอสังเกตการณ์บนเสากระโดง จ้องไปทางซากปรักหักพังพร้อมกับตะโกนเสียงดัง

เรือ? ไคลน์เดินผ่านแอนเดอร์สัน·ฮู้ดไปยังหัวเรือ เพ่งมองอย่างตั้งใจ

ไม่ผิดจากที่ได้ยิน ด้านหลังต้นเสาและหินก้อนใหญ่ มีเรือใบเรียบง่ายสามเสากระโดงกำลังจอดแน่นิ่ง สืบเนื่องจากมีอุปสรรคกีดขวางการมองเห็น หากไม่เพ่งสายตาอย่างตั้งใจหรือมองจากมุมสูง คนบนอนาคตกาลก็คงยากจะหาพบ

เรือใบจอดนิ่งโดยปราศจากลูกเรือบนดาดฟ้า บรรยากาศอันเงียบงันดูลึกลับและน่ากลัวอย่างมิอาจหาคำมาบรรยาย

“ยังกับถูกซากปรักหักพังกินเข้าไป…” แอนเดอร์สันโน้มตัวไปข้างหน้า ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “บนน่านน้ำอันตราย หากไม่ใช่เกาะหรือซากปรักหักพังที่คุ้นเคย ห้ามเข้าใกล้โดยเด็ดขาด”

คนที่ทำมือร่างภาพจิตรกรรมของเทวทูตโชคชะตาในอากาศสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนาย ไม่มีสิทธิ์กล่าวคำนั้นออกมา… กลุ่มนักล่าสมบัติมากประสบการณ์ที่แสนทระนงตน สุดท้ายก็เหลือนายแค่คนเดียวไม่ใช่รึไง… ไคลน์มิได้หันหน้าไปมอง เพียงพึมพำในใจไม่กี่คำ

ขณะเดียวกัน พลเรือเอกดวงดาว แคทลียาที่เดินเข้ามาใกล้ มองไปยังเรือใบข้างซากปรักหักพัง

ตั้งแต่เริ่มจนจบ หญิงสาวมิได้ชายตามองเกอร์มัน·สแปร์โรว์แม้แต่น้อย คล้ายกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน

ความเงียบงันเข้าปกคลุมครู่หนึ่ง ก่อนที่แคทลียาจะยกมือถอดแว่นตาหนาเตอะออกจากดั้ง ดวงตาสีม่วงเริ่มมีการไหลเวียนอย่างเชื่องช้า คล้ายกับกำลังวาดสัญลักษณ์ซับซ้อนทีละอัน

ทันใดนั้น เหนือเรือใบที่ปราศจากมนุษย์ ดวงตายักษ์คู่หนึ่งพลันปรากฏกาย เป็นดวงตามายาสีม่วงเข้มกึ่งโปร่งแสง!

ดวงตากลอกไปมาอย่างเชื่องช้ารอบดาดฟ้า ก่อนจะมองเข้าไปในห้องโดยสาร

เป็นพลังพิเศษที่มีประโยชน์มาก… จะว่าไป พลังที่พลเรือเอกดวงดาวและราชินีเงื่อนงำแสดงให้เห็น ดูคล้ายกับเวทมนตร์สุดมหัศจรรย์ในเทพนิยายมากทีเดียว… ฟู่ว… อย่าบอกนะว่า ราชินีเงื่อนงำสามารถเสกมนุษย์ให้เป็นกบได้? นอกจากนั้น คำว่า ‘ส่องความลับ’ ในชื่อโอสถผู้ส่องความลับ มีแก่นแท้เป็น ‘ดวงตา’ เองหรือ? อา… ดวงตาของพลเรือเอกดวงดาวนับว่าค่อนข้างพิเศษ หลังจากนี้ เราคงต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม… ไคลน์ตั้งสมมติฐานในใจ รอผลลัพธ์เพิ่มเติมจากการสำรวจทางไกลของแคทลียา

ผ่านไปสักพัก ดวงตาสีม่วงของแคทลียาเริ่มอับแสง

หญิงสาวลูบหัวคิ้ว สวมแว่นกลับ หันไปพูดกับแอนเดอร์สัน·ฮู้ดและแฟรงค์·ลี

“บนเรือมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล”

ขณะกล่าว หญิงสาวหยิบผงหลากสีจากกระเป๋าลับเสื้อคลุมทรงโบราณหนึ่งกำมือ ตามด้วยการโปรยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เศษผงกระจายเต็มพื้น ก่อนจะขยับเขยื้อนเรียงตัวกลายเป็น ‘ภาพสี’

ฉากหลังคือห้องกัปตัน บนโต๊ะทำงานมีภาพถ่ายของชายคนหนึ่ง และบนผนังก็มีภาพวาดของชายคนเดียวกัน รูปลักษณ์เป็นดังนี้

ไหล่กว้าง ผมสีเหลืองอ่อน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนกับชาวฟุซัค!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ