ขณะจิลเซียสหันได้เพียงครึ่งตัว แก้วเบียร์ตกลงบนโต๊ะกลมด้านข้างพร้อมกับแตกละเอียด
แม้จะได้ยินเสียงปืน แต่มันก็มิได้คิดหลบ คล้ายกับรับรู้โดยสัญชาตญาณว่านั่นคือภาพลวงตา ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายที่มีสิงห์พนันขี้เมาหมอบลงหรือไม่ก็วิ่งหนีตายอลหม่าน จิลเซียสดีดตัวขึ้นประหนึ่งสปริง สายตาจ้องเขม็งไปทางนักผจญภัยที่สวมหมวกและโค้ทสำหรับสุภาพบุรุษ ณ ทางเข้าผับ
เกอร์มัน·สแปร์โรว์… จิลเซียสพลันหดรูม่านตา อ้าปากกว้างพร้อมกับพึมพำ ‘ภาษากัดกร่อน’ จากนรก
ทันใดนั้น ไคลน์เหนี่ยวไกปืนของจริง ส่งกระสุนสีทองซีดที่คล้ายกับเพิ่งออกจากหม้อต้มพุ่งตรงมาทาง ‘จอมเชือด’ เจ้าของค่าหัวเก้าพันห้าร้อยปอนด์
ทว่า จิลเซียสเพียงยกมือขวาขึ้นเล็กน้อย กางห้านิ้วออกพร้อมกับจุดไฟสีฟ้าอ่อนบนฝ่ามือ ใช้สิ่งนี้หยุดกระสุนให้แน่นิ่งอย่างน่าเหลือเชื่อ
ในวินาทีที่เปลวไฟสีฟ้าแข็งตัว กระสุนถูก ‘จองจำ’ กลางอากาศ เกิดแสงสีทองสว่างวาบออกจากตัวกระสุน สลายไปจนเหลือเพียงความว่างเปล่า
ด้านข้างจิลเซียส สองบุคคลลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียง คนหนึ่งเป็นสตรีผมสั้นถือปืนสั้นสองกระบอก อีกคนหนึ่งเป็นบุรุษกำยำสวมนวมชกมวย
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พวกมันแวะท่าเรือทอสคาร์เตอร์เพื่อเติมเสบียง จิลเซียสจึงไปไหนมาไหนเป็นกลุ่ม หรือไม่ก็ เป็นคนรู้จักของมันที่บังเอิญอยู่ในร้านพอดี!
ผู้วิเศษสามคน… จิลเซียสน่าจะอยู่ลำดับ 5… ในวินาทีนี้ ไคลน์นึกอยากโพล่งออกไปว่า ‘ขอโทษที่เข้ามารบกวน’
การจะโจมตี ‘ปีศาจ’ ไม่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ ต้องอาศัยความบังเอิญโดยแท้จริง แถมยังต้องปราศจากความลังเล ไม่อย่างนั้น ศัตรูจะรับรู้ถึงจิตสังหารและภัยคุกคาม
ส่งผลให้ ฝ่ายที่เปิดก่อนจึงไม่ได้ถือครองความได้เปรียบเสมอไป!
ไคลน์หันรีบหมุนตัว ในสภาพถือลูกโม่ด้วยมือข้างหนึ่ง ชายหนุ่มแหวกผ่านกลุ่มคนจำนวนมากของผับ ผ่านศีรษะสิงห์พนันขี้เมาที่กำลังนั่งยอง วิ่งตรงไปยังบันไดซึ่งนำไปสู่ชั้นสองของผับด้วยความเร็วสูง
ขณะกำลังเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าใกล้เป้าหมาย ลูกไฟสีฟ้าอ่อนพุ่งกระแทกราวบันไดพร้อมกับขยายตัวและระเบิดออก
บึ้ม!
ส่วนล่างของบันไดยุบหายไปครึ่งหนึ่ง อาคารผับสั่นสะเทือนหนักหน่วงไปทั้งหลัง กลิ่นกำมะถันลอยฟุ้งเข้มข้น
จิลเซียสและพรรคพวกทั้งสองกระโจนขึ้นมายังบันไดสองขั้นแรกอย่างคล่องแคล่ว ไล่ล่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์สุดชีวิต
ตึก! ตึก! ตึก!
ไคลน์รีบเผ่นหนีขึ้นชั้นสอง ระหว่างทางเปิดเนตรด้ายวิญญาณด้วยความชำนาญ
อาศัยพลังดังกล่าว ชายหนุ่มสามารถระบุได้ทันทีว่าห้องไหนไม่มีคนพักอาศัย ไคลน์เลือกพังประตูห้องหนึ่งพร้อมกับบิดเอวเล็กน้อย ทำท่าเตรียมกระโดดออกจากหน้าต่างเพื่อหนีออกจากผับ
ขณะเดียวกัน จิลเซียสและพวกพ้องที่ไล่ตามมาถึงชั้นสอง เมื่อเห็นฉากดังกล่าวเข้า พวกมันรีบกระจายตัวอย่างชำนาญ รายแรกไล่ตามไคลน์เข้าไปในห้อง ส่วนอีกสองคนแยกไปเข้าห้องด้านข้างที่อยู่ฝั่งเดียวกัน เตรียมกระโดดตามลงไปเพื่อไล่ล่าต่อ
และนี่คือสิ่งที่ไคลน์รอคอย!
ในเสี้ยววินาที ชายหนุ่มหมุนตัวกลับครึ่งรอบ ฝ่ามือข้างซ้ายที่สวมถุงมือดำ ทำท่าบีบอากาศอันว่างเปล่าพร้อมกับบิดข้อมือ
หญิงสาวผู้ใช้ปืนคู่ และชายกำยำสวมนวมชกมวย ยังคงทำตามแผนเดิมโดยไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงจากห้องด้านข้าง พวกมันรีบกระโดดออกจากหน้าต่าง จากนั้นก็หายตัวไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา
จุดประสงค์เดิมของพวกมัน ‘แยกกันไปขัดขวางศัตรู’ ได้ถูกไคลน์ใช้พลังบารอนแห่งการเน่าเปื่อย ‘บิดเบือน’ ให้เป็น ‘แยกกันทำงาน’ !
ถึงแม้จะแสดงผลไม่นาน แต่ก็มากพอจะเปิดโอกาสให้ไคลน์ได้ดวลตัวต่อตัวกับจิลเซียส!
ตุ้บ! หลังจากบิดเบือนเสร็จ ชายหนุ่มโน้มตัวลง กลิ้งไปบนพื้นห้องเพื่อหลบกลุ่มลูกไฟสีฟ้าอ่อนที่จิลเซียสกระหน่ำยิงใส่
เกิดเสียงระเบิดดังอึกทึกเป็นระยะ อาคารผับสั่นคลอนหนักหน่วงราวกับมีแผ่นดินไหวในละแวกใกล้เคียง
ถัดมา จิลเซียสพุ่งไปด้านหน้า ตรงเข้าห้องพักที่ค่อนข้างใหญ่
ได้เห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์กระโดดกลิ้งไปมาอย่างชำนาญ ไม่ชอบเผชิญหน้ากับตนโดยตรง ‘จอมเชือด’ ควบคุมสติพร้อมกับขยับปาก เปล่งถ้อยคำชั่วร้ายออกมาเป็นภาษาปีศาจ
“เชื่องช้า!”
คล้ายกับทุกสิ่งภายในห้องหยุดนิ่งกะทันหัน การกลิ้งตัวของไคลน์เชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ขาดความต่อเนื่องและราบรื่น
จิลเซียสยังคงพุ่งเป้ามายังคู่ต่อสู้อย่างแน่วแน่ เปล่งภาษากัดกร่อนเพิ่มเติมอีกหนึ่งคำ
“ตาย!”
ร่างกายไคลน์พลันแข็งทื่อ ชะงักค้างในตำแหน่งเดิม แต่ไม่นานก็เริ่มหดตัวในลักษณะแบนราบ กลายเป็นกระดาษรูปคนที่ปกคลุมด้วยคราบสนิมสีแดง
แทบจะในเวลาเดียวกัน บุรุษสวมโค้ทกระดุมสองแถวและหมวกผ้าไหมตรงกึ่งสูง ปรากฏกายที่ข้างประตูห้อง มือซ้ายซึ่งสวมถุงมือดำสนิทจับลูกบิดแน่น ดึงซากประตูกลับเข้ามาปิดห้องและลงกลอน
ปึง!
เสียงรบกวนจากภายนอกพลันอันตรธานหาย คล้ายกับมิติภายในถูกตัดขาดจากโลกด้านนอกโดยสมบูรณ์ ประหนึ่งกรงปิดตายที่แข็งแกร่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ