ในความเป็นจริง ชายหนุ่มยังมีพลังเหลือเฟือ
ย้อนกลับไปในอดีต ตอนนั้น ‘นักเชิดหุ่น’ โรซาโก้เคยพยายามควบคุมไคลน์และชารอนพร้อมกัน มันสามารถขัดขืนการสิงร่างของ ‘วิญญาณอาฆาต’ ได้อย่างง่ายดาย แถมยังใช้พลังควบคุมไฟทำลายเงาของชารอน หากโรซาโก้ไม่ตัดสินใจผิดพลาด เลือกฆ่าลำดับ 5 วิญญาณอาฆาตก่อน ไคลน์คงตายไปนานแล้ว หมดโอกาสใช้ ‘ยันต์กัดกร่อน’ เพื่อพลิกสถานการณ์ เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าไคลน์จะยังไม่แข็งแกร่งเท่าโรซาโก้ แต่ศัตรูตรงหน้ามีเพียงหนึ่ง!
แต่ถึงอย่างนั้น การเคลื่อนไหวของไคลน์ก็มีขีดจำกัดขณะเพ่งสมาธิควบคุมจิลเซียส ขยับตัวได้เพียงเล็กน้อย ต้องไม่เร็วจนเกินไป ยังสามารถใช้พลังพิเศษที่ไม่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณ แต่ไม่ถึงขั้นใช้สมบัติวิเศษหรือชักปืนออกมายิง ซึ่งเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองพลังงานเป็นอย่างมาก
และก่อนที่เป้าหมายจะถูกควบคุมขั้นต้น การโจมตีส่งเดชอาจไปกระตุ้นให้เหยื่อได้สติกลับมา จากนั้นก็ดิ้นรนขัดขืน ‘ด้ายจิต’ จนหลุดพ้นจากการควบคุม
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ไคลน์ทำได้จึงมีเพียงการรอเวลา
ขณะกำลังครุ่นคิด หัวใจชายหนุ่มพลันเต้นผิดธรรมชาติสองครั้ง ความกังวลและความตึงเครียดเริ่มกัดกินจิตใจอย่างมิอาจควบคุม
ไคลน์อดกังวลไม่ได้ว่า ณ ปัจจุบัน พวกพ้องทั้งสองคนของจิลเซียสที่เคยถูกพลัง ‘บิดเบือน’ เล่นงาน อาจกำลังย้อนกลับมาช่วยเหลือ!
แย่ล่ะสิ… อารมณ์ของเรากำลังแปรปรวน! ไคลน์ผงะเล็กน้อย ก่อนจะรีบใช้เทคนิคเข้าฌานเพื่อสงบใจ พยายามลดความผันผวนของอารมณ์
ฮะฮะ… อารมณ์ของมัน… เริ่มแปรปรวนแล้ว… โอกาสมาถึง… จิลเซียสเริ่มมองเห็นชัยชนะ ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองอันเชื่องช้า
จากนั้น อาศัยพลังพิเศษของตน มันพายาม ‘ขยาย’ ความกังวลและตึงเครียดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ให้กว้างออก ฝังเมล็ดพันธุ์แห่งอารมณ์ลงไปถึงราก
หากทำสำเร็จ ขอเพียง ‘จุดระเบิด’ อารมณ์ได้ การต่อสู้ครั้งนี้ก็จะจบลงทันที เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะอยู่ในภาวะไร้การป้องกันตัว หมดสิทธิ์ควบคุมร่างกายโดยสิ้นเชิง!
บ้าน่า… อารมณ์แปรปรวน… ของมัน… หายไปแล้ว… ดวงตาแดงก่ำของจิลเซียสเริ่มหรี่ลง ค่อยๆ เผยอารมณ์หลากหลาย จำพวกประหลาดใจและโมโห
ไคลน์ที่เคยกังวลว่าตนจะถูก ‘ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’ ตอบโต้ หลังจากรีบสงบจิตใจ มันพบว่ายังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับร่างกาย และเมื่อมองไปยังเขาแพะของจิลเซียสที่กำลังลุกไหม้ร้อนแรง ไคลน์พบว่าอีกฝ่ายกลับไม่ฉวยโอกาสในจังหวะที่อารมณ์ของตนแปรปรวนเพื่อโจมตีกลับเข้ามา
หลังจากครุ่นคิดสักพัก ไคลน์เริ่มเข้าใจสถานการณ์
ไม่ใช่ว่าจิลเซียสไม่คิดกระตุ้นอารมณ์ของตน เพียงแต่ทำแล้วล้มเหลว!
ในวินาทีที่สัมผัสถึงอารมณ์แปรปรวน จิลเซียสต้องใช้เวลาหลายวินาทีในการวิเคราะห์เหตุการณ์ อีกสองสามวินาทีเพื่อตัดสินใจ ส่งผลให้เสียเวลานานก่อนจะใช้พลังออกมาได้ กว่าจะตอบสนองก็ผ่านไปแล้วไม่ต่ำกว่าสิบวินาที
ส่วนทางด้านไคลน์ เมื่อพบว่าอารมณ์ของตนมีปัญหา ชายหนุ่มใช้เวลาเพียงสามถึงสี่วินาทีในการทำให้สงบ
ลงเอยด้วย พลังกระตุ้นอารมณ์ของจิลเซียสใช้ไม่ได้ผลกับเป้าหมายที่มีภาวะจิตใจปรกติ
สรุปโดยสั้น สมองของมันกำลังเชื่องช้าอย่างมาก! มิอาจต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ทุกวินาทีมีค่าเช่นนี้… ไคลน์พึมพำเงียบ อารมณ์เริ่มกลับเป็นปรกติ ดำเนินการควบคุมเหยื่อต่อไป
ราวสิบวินาทีถัดมา คล้ายกับจิลเซียสเริ่มเข้าใจศัตรูมากขึ้น ไม่หวังพึ่งพาพลังกระตุ้นอารมณ์อีก อาศัยกายเนื้อและกายวิญญาณที่แข็งแกร่งของปีศาจ พยายามดิ้นรนขัดขืนให้หลุดจากการควบคุมของ ‘ด้ายวิญญาณ’ พลางกระพือปีกด้วยท่าทีเชื่องช้าและติดขัด บรรจงควบแน่นเปลวไฟสีฟ้าอ่อนที่ลอยอยู่รอบตัว ค่อยๆ กลั่นตัวกลายเป็นลูกบอลไฟ
ไคลน์พอจะเดาได้ว่า อีกฝ่ายเตรียมระดมยิงลูกไฟระลอกใหญ่ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า! ทราบเช่นนั้น ชายหนุ่มรีบแบ่งพลังวิญญาณ ขยับนิ้วกลางและนิ้วชี้เพื่อดีดจนเกิดเสียง
เป๊าะ!
ยังไม่ทันจะก่อตัวเป็นรูปร่างบอลไฟ กลุ่มก้อนเปลวเพลิงสีฟ้าอ่อนพลันพวยพุ่งขึ้นฟ้าและอันตรธานไป คล้ายกับดอกไม้ไฟขนาดมหึมากำลังเบ่งบานด้านหลังจิลเซียส
พลังควบคุมไฟของนักมายากล!
จิลเซียสยังคงพยายามดิ้นรน แต่การเคลื่อนไหวของมันเชื่องช้าลงทุกขณะ เข้าใกล้ความเป็นหุ่นกระบอกขึ้นสนิมไปทุกที แม้มันจะดันทุรังเปล่งถ้อยคำกัดกร่อนออกมาสำเร็จอย่างเต็มกลืน แต่ไคลน์ก็หลบหลีกได้ง่ายดาย
สามวินาที สองวินาที หนึ่งวินาที… ไคลน์ชะงักร่างกาย สายตาจดจ้องไปยังศีรษะของจิลเซียสที่สูญเสียเขาแพะโค้งงอ
ถึงตรงนี้ หากต้องการเข้าควบคุมร่างผู้ปลดปล่อยแรงกระหายอย่างสมบูรณ์ เปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิดของตน ไคลน์ต้องใช้เวลาอีกราวสองนาทีครึ่ง แต่มันไม่มีแผนจะทำแบบนั้น ไม่เคยอยู่ในหัวมาตั้งแต่แรก!
นั่นคงเป็นการเสียเวลามากเกินไป พรรคพวกของจิลเซียสอาจกลับมาช่วยเหลือได้ทันเวลา!
ไคลน์มีแผนเดียวมาตั้งแต่แรก ขอเพียงเข้าควบคุมร่างกายเหยื่อสำเร็จในขั้นต้น การโจมตีใดๆ ก็จะไม่กระตุ้นให้อีกฝ่ายได้สติกลับมา!
ขณะที่ดวงตาสีแดง ใบหน้าดุร้าย และเขี้ยวคมซึ่งมีน้ำลายเหนียวกำลังสะท้อนบนดวงตาไคลน์ ชายหนุ่มเปิดปากพลางทำเสียง
“ปัง!”
กระสุนอัดอากาศ! เมื่อถูกใช้โดยลำดับ 5 มันคือระเบิดอัดอากาศ!
ความรุนแรงเทียบเท่ากระสุนที่ยิงออกจากปืนไรเฟิลพลังไอน้ำ!
โผละ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ