ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 698

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 698 : ราชาเทวทูตที่ห้า
ราชันเร้นลับ 698 : ราชาเทวทูตที่ห้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทวยเทพเดินดิน มิใช่โลกแห่งดารา… ในยุคสมัยที่สี่ เมื่อครั้งจักรวรรดิโซโลมอนยังเฟื่องฟู โลกแห่งเทพและโลกมนุษย์ไม่มีขอบเขตระหว่างกัน? เหล่าทวยเทพต่างเดินดิน ไม่จำเป็นต้องเสด็จขึ้นลงระหว่างโลก?

ข้อมูลนี้สอดคล้องกับตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์ สถานที่สำคัญอย่างวังราชาคนยักษ์ถูกแบ่งแยกออกจากโลกแห่งความจริงด้วย ‘ประตู’ ที่เข้าออกได้ทางเดียว… ยุคสมัยที่มนุษย์และเทพ ความมืดมิดและโกลาหล ผสมปนเปกันบนโลกแห่งความจริง… นอกจากนั้น… ดินแดนดาราคือสถานที่สิงสถิตของเทพในปัจจุบันอย่างที่เราเคยคิดไว้… หลังจากฟังข้อมูลของไวเคาต์โมเบธ·โซโรอาสเตอร์ ไคลน์ครุ่นคิดหลายสิ่ง

ชายหนุ่มมองไปทางกรอซายโดยไม่รู้ตัว เพราะคนยักษ์ตนนี้น่าจะมีประสบการณ์ตรงจากยุคสมัยที่สอง!

กรอซายหยิบแก้วที่ใหญ่กว่าถังไม้ จิบหิมะละลาย หัวเราะในลำคอ

“โมเบธ นั่นมันเรื่องปรกติไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงต้องขึงขังนัก”

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องขึงขัง…” โมเบธ·โซโรอาสเตอร์เผยรอยยิ้มขื่นขม “ฮะฮะ เรื่องที่ปรกติสำหรับพวกเรา อาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวและยากจะทำใจเชื่อสำหรับพวกเขาก็ได้ ข้าจึงคิดว่าควรเล่าด้วยสีหน้าที่เหมาะสม พวกเขาจะได้ไม่เข้าใจเจตนาผิด… ลืมไปแล้วหรือ รอนเซลเคยทำหน้ายังไงตอนที่พวกเราเล่าเรื่องนี้? เขาเอาแต่คุกเข่าสวดวิงวอนถึงเทพวายุสลาตันท่าเดียว”

“…” ไคลน์ เดนิส และคนที่เหลือหมดคำจะกล่าวไปสักพัก

แอนเดอร์สันโน้มตัวมาหาเกอร์มัน·สแปร์โรว์เล็กน้อย ลดเสียงลง

“คนพวกนี้ยั่วยุเก่งชะมัด”

ถึงแม้จะพยายามควบคุมระดับความดัง แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะได้ยินกันถ้วนหน้า

โมเบธไม่แสดงท่าทีรังเกียจ เพียงหัวเราะในลำคอสองหนและเล่าต่อ

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าคงไม่เชื่อเรื่องที่เหล่าทวยเทพเคยเดินดินมาก่อน เอ็ดวิน่าตอนมาใหม่ ๆ ก็ไม่ต่างกัน ฮะฮะ! ข้าจะยกตัวอย่างให้ฟังสักสองเรื่องก็ได้… ‘ห้วงลึกแห่งพายุ’ บนเกาะปาซูและ ‘สวรรค์มืด’ บนเทือกเขาอมานด้า ต่างเป็นอาณาจักรเทพของวายุสลาตันและรัตติกาล เป็นดินแดนแห่งเทพบนโลกมนุษย์ที่ถูกกั้นแบ่งด้วยประตูมายา!”

เกาะปาซู? นั่นมันสถานที่ตั้งแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์วายุสลาตันไม่ใช่หรือ? เทือกเขาอมานด้า… ในภาษาเฮอร์มิส อมานด้าแปลว่าเงียบสงบ หรือนั่นจะหมายถึงมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ วิหารสุขสงบ? เมื่อทวยเทพมิได้เดินดินอีกต่อไป อาณาจักรของพวกท่านจึงกลายมาเป็นวิหารใหญ่ของศาสนจักรแทน? สัญชาตญาณไคลน์กำลังบอกว่าโมเบธมิได้โกหก ภายในใจเริ่มปะติดปะต่อข้อมูล

เดนิสทั้งมึนงงและหวาดกลัว จิตใต้สำนึกต้องการไปออกจากที่นี่ แต่เมื่อหันไปเห็นกัปตันของตนกำลังใช้สมาธิ หันไปเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังใคร่ครวญบางสิ่ง และหันไปเห็นแอนเดอร์สัน·ฮู้ดเผยสีหน้าคล้ายกำลัง ‘ครุ่นคิด’ เดนิสจึงตัดสินใจอดทนรอ สายตาชำเลืองหาจุดนั่งที่สบายกว่าเดิม

ทันใดนั้น ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ เซียธาส เดินกลับจากการเฝ้ายามและกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน

“อย่าได้เอ่ยนามของเทพจอมปลอมตนนั้นอีก! อำนาจแห่งพายุเป็นของราชาเอลฟ์เพียงผู้เดียวเท่านั้น!”

เนื้อเสียงของหญิงสาวกระจ่างใสและนุ่มนวล แต่แฝงความหงุดหงิดไว้อย่างชัดเจน คล้ายกับพร้อมยกมือประเคนลูกศรใส่โมเบธทันที

“ก็ได้… หลังจากนี้ข้าจะเรียกว่าเทพจอมปลอม” โมเบธยกมือขึ้น ลูบไล้หมวกปลายแหลมทรงแข็ง

เซียธาสถอนสายตากลับ หันไปกล่าวกับรอนเซล อดีตทหารของโลเอ็นและผู้ศรัทธาในวายุสลาตัน

“ถึงตาเจ้าแล้ว!”

รอนเซลเงยหน้าเล็กน้อย ท่าทีเผยความงุนงง

คล้ายกับมันไม่แยแสบทสนทนาและประเด็นโต้เถียงของผู้อื่น เพียงดึงดาบเหล็กดำขึ้นจากด้านข้าง เดินไปทางปากถ้ำ

ไคลน์ที่เฝ้ามองเหตุการณ์ ถือโอกาสพูดกับเอลฟ์สาวเซียธาส

“เธอรู้จัก ‘ราชินีแห่งภัยธรรมชาติ’ โคฮีเน็มไหม?”

ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่า ‘ราชินีแห่งภัยธรรมชาติ’ โคฮีเน็ม จะใช่เทพรับใช้ของ ‘ราชาเอลฟ์’ ซอนญาธริมหรือไม่ คำถามเมื่อครู่จึงมีเพื่อหยั่งเชิงคำตอบจาก เซียธาส ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์

ใบหน้าที่อ่อนนุ่มของเซียธาสพลันเผยความมึนงงแบบเดียวกับรอนเซล

“ข้าไม่ได้ยินชื่อนั้นมานานแล้ว… พระองค์คือราชินีแห่งเอลฟ์ของเรา… แม้แต่โมเบธและรอนเซลก็ยังไม่รู้จักท่านด้วยซ้ำ…”

“เจ้าได้พบท่านที่ไหน? ไม่สิ… ได้ฟังเรื่องราวของท่านมาจากไหน”

ขณะกล่าว น้ำเสียงเซียธาสเริ่มร้อนรน

เดนิสพลันจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยสีหน้าตกตะลึง ภายในใจนึกชื่นชมว่าชายเสียสติคนนี้ช่างมีความรู้กว้างขวาง สามารถสนทนากับเอลฟ์โบราณได้ในหัวข้อลึกซึ้ง

“คิดไม่ถึงว่านายเองก็นักปราชญ์… ถ้าไม่เห็นด้วยตาก็คงไม่เชื่อ” แอนเดอร์สันถอนหายใจพลางส่ายหน้า

พลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า หันหน้ามาทางไคลน์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ใสกระจ่างราวกับน้ำพุกำลังเผยความอยากรู้อยากเห็น

ไคลน์ตอบอย่างใจเย็น

“ฉันเคยเข้าไปในซากปรักหักพังของ ‘ราชินีแห่งภัยพิบัติ’ โคฮีเน็ม ขากลับได้หยิบบางสิ่งติดมือออกมาด้วย”

“ซากปรักหักพัง?” เซียธาสเคี้ยวคำแผ่วเบา น้ำเสียงคล้ายกับสูญเสียบางสิ่งที่ไม่สำคัญมาก แต่ก็ชวนให้ใจหาย

“แต่ถ้าพิจารณาจากสภาพแวดล้อม ท่านอาจจะยังไม่ตาย” เมื่อเห็นดวงตาของเซียธาสเริ่มลุกวาว ไคลน์ถามเข้าประเด็น “เธอมีสูตรโอสถของ ‘ผู้ขับขานสมุทร’ ไหม? แล้วต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน”

ชายหนุ่มรู้สึกว่า หากหวังเจรจากับผู้วิเศษเส้นทางวายุสลาตัน ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการพูดความจริงและซักถามอย่างตรงไปตรงมา

เซียธาสครุ่นคิดสักพัก

“แลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของของราชินีสักชิ้นก็พอ”

“ฉันมีแค่แก้วไวน์ทองคำ สภาพของมันแบนราบคล้ายถูกกดทับ ผิวแก้วสลักลวดลายประณีตรวมถึงคำว่า ‘ภัยธรรมชาติ โคฮีเน็ม’ เป็นภาษาเอลฟ์” ไคลน์ไม่ปิดบัง

“ข้ารู้จักแก้วใบนั้น เป็นแก้วใบโปรดขององค์ราชินี” เซียธาสกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ตกลง!”

“ถ้วยอยู่ข้างนอก” ไคลน์ไม่ต้องการส่งตัวเองเข้ามิติเหนือสายหมอกเทาต่อหน้าทุกคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ