ราชันเร้นลับ 703 : ของขวัญขอบคุณ
เมื่อพบว่าสายตาจากเอ็ดวิน่าเริ่มเป็นมิตร แอนเดอร์สันยกมุมปากเล็กน้อย ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ
“ยังเข้มงวดไม่เปลี่ยนเลยนะ เป็นเหตุผลว่าทำไม ชาตินี้เธอถึงไม่มีทางเป็นจิตรกรได้”
หลังจากผ่อนคลายอารมณ์ มันมองไปทางศพบนเก้าอี้
“พวกเราจะมัวแต่มองไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง… เซียธาสพูดใช่ไหมว่าเธออยากออกตามหาชาวเอลฟ์? ถ้าอย่างนั้นก็ควรฝังเธอไว้ใกล้กับซากโบราณสถานเอลฟ์บนเกาะโซเนีย… โมเบธดูเหมือนจะอยากอยู่กับเซียธาส เราควรฝังพวกเขาในหลุมศพเดียวกัน… รอนเซลก็คงอยากกลับเบ็คลันด์กระมัง? เผาให้เหลือเพียงเถ้ากระดูก เก็บใส่กล่องและนำไปไว้ในเมืองใหญ่นั่น หรือถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยตามหาทายาทของเขา… ส่วนสโนวมัน เรายังไม่ทราบว่าเขาเป็นสาวกของเทพสุริยันบรรพกาลหรือพระผู้สร้างต้นกำเนิดกันแน่… ไม่สิ ทั้งสองพระองค์อาจเป็นคนเดียวก็ได้… หึหึ แต่สำหรับพวกเราก็คงไม่ต่าง ในเมื่อปัจจุบันไม่เหลือวิหารหรือแท่นบูชาของเทพโบราณทั้งสอง เราคงทำอะไรไม่ได้มากกว่าฝังเขาใกล้กับกรอซาย…” “อา… กรอซายสินะ… ถ้าเลือกได้ เขาคงอยากกลับไปที่วังราชาคนยักษ์ แต่สถานที่ดังกล่าวเป็นเพียงตำนานเทพนิยาย ไม่น่าจะมีตัวตนบนโลกความจริง… โชคดีที่ยังพอมีสถานที่บางแห่งเกี่ยวข้องกับคนยักษ์ พวกเราสามารถฝังศพไว้แถวนั้น ให้พวกเขาได้พักหลับผ่อนอย่างสงบสุข”
วังราชาคนยักษ์… เบ็คลันด์… ไคลน์ที่ฟังอย่างเงียบงัน กล่าวหลังจากครุ่นคิดสองสามวินาที
“เถ้ากระดูกของกรอซาย สโนวมัน และรอนเซล ฉันรับผิดชอบเอง”
ชายหนุ่มเชื่อว่า ในอีกไม่ช้าก็เร็ว เมืองเงินพิสุทธิ์จะมีศักยภาพในการสำรวจวังราชาคนยักษ์ เมื่อถึงตอนนั้น เถ้ากระดูกของกรอซายและสโนวมันจะถูกส่งถึงมือเดอะซันน้อยและกำชับให้เขาฝังสองบุคคลเก่าแก่ไว้ระหว่างการเดินทาง สำหรับกรุงเบ็คลันด์ ไคลน์มีแผนจะกลับไปอยู่แล้ว เมื่อการเดินทางครั้งนี้จบลง รอนเซลจะได้กลับบ้านเป็นครั้งแรกหลังจากหายตัวไปนานกว่าหนึ่งร้อยหกสิบห้าปี
เอ็ดวิน่าเสริม
“ฝันทองคำแวะผ่านเกาะโซเนียบ่อยครั้ง สำหรับศพของเซียธาสกับโมเบธ ทางนี้จะช่วยรับผิดชอบให้”
“ส่วนนายก็รับหน้าที่ฌาปนกิจศพพวกเขา” แอนเดอร์สันหันไปทางเดนิส เผยรอยยิ้มกึ่งถอนหายใจ “เห็นไหม ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง ไม่ต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไป”
แอนเดอร์สันคิดว่าเดนิสคงไม่เข้าใจการปลอมประโลมของตนและจะจ้องกลับด้วยสายตาโกรธเคือง แต่ในความเป็นจริง โจรสลัดคนดังทำเพียงพยักหน้ารับอย่างเงียบงัน
“แฮ่ม… ในฐานะพวกพ้องที่ช่วยกันปราบราชาแดนเหนือ เรามาเลือกตะกอนพลังคนละชิ้นกันเถอะ คิดเสียว่าเป็นการสืบทอดมรดกของพวกเขา” แอนเดอร์สันใช้คางชี้ไปทางวัตถุระยิบระยับบนพื้น “จิตตกค้างของพวกเขาคงปนเปื้อนตะกอนไม่มากนัก ฉันไม่แน่ใจว่าจะส่งผลข้างเคียงแบบใดบ้าง… ไม่ว่าจะนำไปปรุงเป็นโอสถหรือให้ช่างฝีมือช่วยผลิตเป็นสมบัติวิเศษ ผลข้างเคียงก็คงเกิดขึ้นสักอย่างสองอย่าง… ถ้าใช้วิธีแรก การขจัดจิตตกค้างสามารถทำได้ด้วยเทคนิคสวมบทบาท แต่ถ้าเป็นวิธีหลังก็จนปัญญา… หืม… นายคงไม่รู้จักเทคนิคสวมบทบาทสินะ คิดว่าฉันไม่ได้พูดก็แล้วกัน”
ประโยคสุดท้ายย่อมหมายถึงเดนิส
ไคลน์ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะต่อปากต่อคำกับแอนเดอร์สัน เพียงจ้องไปทางตะกอนพลังทั้งสี่ก้อนและกล่าว
“ฉันเลือกเซียธาส”
นี่คือวัตถุดิบหลักของโอสถผู้ขับขานสมุทร!
เอ็ดวิน่าครุ่นคิดสักพัก
“ฉันขอสโนวมัน”
เป็นตะกอนพลังของนักบวชแสง ไคลน์มีสิ่งนี้อยู่แล้ว จึงไม่ต้องการมัน
แอนเดอร์สันมองสลับไปมาระหว่างตะกอนพลังที่เหลือทั้งสองก้อน ก่อนจะหยุดลงที่วัตถุประหลาดซึ่งมีลักษณะคล้ายฝ่ามือทารก
“เจ้านี่น่าสนใจดี… บางทีอาจนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษที่สามารถพูดคุยกับฉันได้ จะไม่มีใครต้องเหงาอีกต่อไป”
ตอนนี้ยังเหลือหัวใจคนยักษ์ที่ยังไม่มีใครครอบครอง ไคลน์หันไปทางเดนิสและกล่าวเสียงเรียบ
“มันเป็นของนาย”
“ฉัน? ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ร่วมต่อสู้” เดนิสค่อนข้างประหลาดใจ
ไคลน์ตอบห้วน
“นายช่วยนำทาง นั่นเองก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ”
สำหรับไคลน์ มันต้องการมอบของขวัญให้อีกฝ่าย เพราะเดนิสได้เอ่ยถึงนามเต็มของเดอะฟูลและล่วงรู้ความลับของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบังคับทางอ้อมให้กลายเป็นสาวกของเดอะฟูล ไม่อย่างนั้นอาจมีปัญหาร้ายแรงตามมา
แม้เดนิสจะเต็มใจแบกรับความเสี่ยงด้วยตัวเอง แต่ไคลน์ก็ยังต้องการตอบแทน โดยหวังให้เดนิสมองว่านี่คือของขวัญจากเดอะฟูล
ส่วนเรื่องที่เดนิสจะนำตะกอนพลังของกรอซายไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อซื้อสูตรโอสถและวัตถุดิบ หรือนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษในเชิงป้องกันตัว ทุกการตัดสินใจล้วนดีต่อตัวเดนิสเอง
“รับไว้เถอะ” เอ็ดวิน่ากล่าวขณะมองเดนิส
“…ตกลง” หลังจากเงียบงันสองสามวินาที เดนิสผงกศีรษะรับ
แบ่งสมบัติเสร็จ ไคลน์เดินสองสามก้าว ก้มเก็บตะกอนพลังที่เซียธาสเหลือทิ้งไว้ เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นน้ำทะเลสีครามด้านในเยื่อบางกำลังไหลเวียนอย่างอ่อนโยน เสียงขับร้องของชาวเอลฟ์สลับดังแว่วเจือจาง
เมื่อยืนตัวตรง ชายหนุ่มเห็นเดนิสกำลังพยักหน้า คล้ายกับตอบคำถามของใครบางคน แต่เมื่อครู่ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว!
ไคลน์ชำเลืองไปทางใบหน้าไร้อารมณ์ของเอ็ดวิน่า ในใจนึกสงสัยว่า ‘ผู้ชี้นำศาสตร์ลับ’ คนนี้กำลังแอบสื่อสารกับเดนิสโดยไม่ให้ใครได้ยิน
เมื่อเห็นเดนิสแสดงท่าทางยืนยัน เอ็ดวิน่าเหยียดแขนออกไปปิด ‘การเดินทางของกรอซาย’ บนโต๊ะและส่งให้ไคลน์
“แทนคำขอบคุณของฉัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ