“คุณยังอยู่ในหมู่บ้านยามบ่ายใช่ไหม”
เดอร์ริคพยักหน้ารับอย่างเถรตรง
“ถูกต้อง พวกเราใช้เวลาสร้างค่ายนานพอสมควร จากนั้นก็รวมกลุ่มกันจัดการสัตว์ประหลาดที่เหลืออยู่บนถนน ไล่ไปทีละเส้นอย่างใจเย็น พลางมองหาอาคารเก่าแก่เข้าไปสำรวจ แม้ว่าวิธีนี้ค่อนข้างเสียเวลา แต่ก็รับประกันความปลอดภัย”
เด็กหนุ่มตอบอย่างละเอียด แถมยังเผยท่าทีทำนอง อนุญาตให้แฮงแมนถามเพิ่มเติมหากมีจุดใดไม่กระจ่าง
‘จัสติส’ ออเดรย์ฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะยกมือ
“พวกคุณอยู่ในหมู่บ้านยามบ่ายนานขนาดนี้… กินอะไรเป็นอาหาร? แถวนั้นมีหญ้าผิวดำด้วยหรือ”
หญิงสาวเคยได้ยินเดอะซันน้อยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว เป็นเพราะรอบๆ เมืองเงินพิสุทธิ์มีหญ้าผิวดำเจริญเติบโต ชาวเมืองจึงสามารถเอาตัวรอดและรักษาอารยธรรมได้อย่างยาวนาน
“พวกเราพกผงที่บดจากหน้าผิวดำไปด้วย… แต่แหล่งอาหารหลักยังคงเป็นซากศพของสัตว์ประหลาดที่ถูกฆ่า เมื่อตะกอนพลังถูกขับออกจากศพ ส่วนที่เหลือสามารถนำไปกินได้ถ้าใช้ไฟเผาจนสุก ถึงอย่างนั้น เนื้อสัตว์ประหลาดก็ยังหลงเหลือการกัดกร่อนอย่างเจือจาง หากกินเข้าไปในปริมาณมากอาจทำให้เกิดปัญหาทางจิต พวกเราจึงไม่ควรกินบ่อยนัก” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคตั้งใจตอบคำถามของมิสจัสติส
ออเดรย์ลองจินตนาการถึงสัตว์ประหลาดในความมืดที่เดอะซันกล่าวถึง คิดตามจนกระทั่ง เธออดไม่ได้ที่จะถาม
“นั่นไม่น่าขยะแขยงไปหน่อยหรือ”
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สที่ฉุกคิดบางสิ่งได้หลังจากฟังสนทนา จงใจไม่หันไปทาง ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน เพียงตั้งคำถามกับเดอะซันอย่างอยากรู้อยากเห็น
“คุณเคยบอกพวกเราว่า สัตว์ประหลาดในความมืดอย่างแวมไพร์มีผิวหนังพุพองน่ารังเกียจ แต่ทำไมหลังจากฆ่าแวมไพร์ พวกคุณถึงยังกล้ากินศพเหล่านั้น?”
ได้ยินคำถามดังกล่าว แม้แต่เอ็มลินก็ยังตกตะลึงจนลืมพูดแก้ว่า ‘ผีดูดเลือด ไม่ใช่แวมไพร์!’ ใบหน้ากำลังเผยความอึดอัด ภายในใจรู้สึกสยดสยองสุดจะพรรณนา
เดอร์ริคเงียบงันสักพัก
“มีสัตว์ประหลาดหลายตัวที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยง หนึ่งในนั้นคือแวมไพร์ที่มิสเมจิกเชี่ยนกล่าวถึง… แต่พวกเราไม่มีทางเลือกอื่น ตราบใดที่ยังกินได้ก็ต้องกิน”
เสียงของเด็กหนุ่มค่อยๆ แผ่วลง คล้ายกับกำลังหวนนึกถึงโศกนาฏกรรมที่คอยสาปแช่งชาวเมืองเงินพิสุทธิ์
ความเงียบงันปกคลุมวังที่คล้ายกับถิ่นพำนักคนยักษ์ กระทั่ง ‘เดอะมูน’ เอ็มลินที่มักโต้แย้งเดอร์ริคก็ยังปิดปากสนิท หดแขนกลับมาข้างลำตัว
ไม่กี่วินาทีถัดมา เดอะเวิร์ลทำลายความเงียบ กล่าวด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น
“กลับมาที่ทะเลกันดีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวหนึ่งควรค่าแก่การสนใจ เมื่อคืนหลังจากเกิดพายุ เรือของ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์นามว่า ‘กะโหลกตาเดียว’ ลอยมาเกยตื้นใกล้กับท่าเรือไซมีม เสากระโดงเรือหักหลายต้น มีรอยไหม้หลายจุด ลูกเรือทั้งหมดรวมถึงคอร์เนอร์·วิกเตอร์เสียชีวิต ไม่มีใครรอด”
‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือย่อมไม่รู้จัก ‘กัปตันคลั่ง’ จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวมากนัก เพียงสงสัยเล็กๆ ว่าเกิดโศกนาฏกรรมใดขึ้นบนเรือ
อย่างไรก็ตาม ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์คิดแตกต่างไปจากทุกคน
มิสเตอร์เวิร์ลให้ความสนใจกับโศกนาฏกรรมของ ‘กัปตันคลั่ง’ … หมายความว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ! เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านเจ้าคุณค็อตแมนถึงมีคำสั่งให้ ‘จิตแห่งจักรกล’ และกัปตันเรือทุกคนตามสืบสวน! อัลเจอร์กลอกตาเล็กน้อยพลางครุ่นคิด
“ในบายัม โบสถ์วายุสลาตันสั่งให้เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผล ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์อย่างจริงจัง”
หืม… ฉันไม่ช่วยนายทำงานหรอกนะ… ไคลน์หัวเราะในลำคอ บังคับให้เดอะเวิร์ลซักถาม
“แล้วโบสถ์วายุสลาตันมีเบาะแสใดบ้าง?”
“ผมเองก็ไม่ทราบ ตอนนี้กำลังพยายามสืบ” ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ส่ายหน้าอย่างสุขุม
มันเชื่อว่าเดอะเวิร์ลคงเข้าใจความนัยแฝง นั่นก็คือ ตนยังไม่มีข้อมูลจริงๆ แต่จะช่วยสืบจากภายในเท่าที่ทำได้
‘จัสติส’ ออเดรย์เริ่มตระหนักว่าข่าวเกี่ยวกับ ‘กัปตันคลั่ง’ ไม่ธรรมดา กล่าวด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง
“มิสเตอร์เวิร์ล นี่มิใช่การวิวาทตามปรกติของโจรสลัดหรือคะ?”
ไคลน์ที่เตรียมอธิบายพอเป็นพิธี ไม่อยากเปิดเผยในเชิงลึก พลันฉุกคิดบางสิ่ง
โศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์และคดีค้าทาสอาจเกี่ยวพันกับราชวงศ์บางกลุ่ม รวมไปถึงนายทหารระดับสูง… โดยธรรมชาติแล้ว มิสจัสติสต้องเข้าข้างฝ่ายขุนนางและราชวงศ์ หากในอนาคต เราเริ่มเพ่งเล็งไอ้พวกที่สมควรตายเหล่านั้น เธออาจไม่ยอมช่วยเราทำงานหรือสืบข้อมูล กลายเป็นบ่อเกิดของความขัดแย้งภายในองค์กร…
ดังนั้น ตอนนี้เราต้องปลูกฝังให้เธอเห็นว่าราชวงศ์และกองทัพมีคนไม่ดีแฝงตัวอยู่มาก ค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติและมุมมองทีละนิด ด้วยวิธีนี้ การเปิดเผยข้อมูลของเดอะเวิร์ลจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก บังคับให้เดอะเวิร์ลเปล่งเสียงแผ่วเบาแกมประชดประชัน
“กัปตันคลั่งมีส่วนพัวพันกับการหายตัวไปของชาวอาณานิคมที่มิสเตอร์แฮงแมนเคยสอบสวน… นิกายแม่มดจะคอยล่อลวงหรือลักพาตัวคนมาส่งให้ ‘พลเรือโทโรคภัย’ เทรซี่ จากนั้นก็ใช้เรือโจรสลัดขนส่งเหยื่อไปยังสุดขอบทะเลตะวันออกของทวีปเหนือ และปิดงานโดย ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ มันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักค้ามนุษย์และพ่อค้าทาสหลายคนในโลเอ็น… ย้อนกลับไปในตอนที่ผมแจ้งข่าวแก่มิสเตอร์แฮงแมนช่วงเดือนมกราคม มีคนเคยเห็นชายที่ชื่อบาลุนแอบนัดพบกับคนของ MI9 ที่ภักดีต่อราชวงศ์… นอกจากนั้น อดีตนักค้ามนุษย์ที่กว้างขวางที่สุดในกรุงเบ็คลันด์ คาพิน คนคุ้มกันของมันคือผู้วิเศษเส้นทาง ‘ผู้ตัดสิน’ … เมื่อนำปัจจัยทั้งหมดประกอบเข้าด้วยกัน คุณยังคิดว่าการตายของคอร์เนอร์·วิกเตอร์ เป็นการวิวาทระหว่างโจรสลัดอยู่อีกไหม? หึหึ ผมได้แต่นึกสงสัย คนที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ มันต้องการทาสจำนวนมากไปทำอะไรกันแน่”
ความเชื่อมโยงระหว่างเบาะแสต่างๆ กำลังแทรกซึมเข้าไปในสมองออเดรย์ อัลเจอร์ และคนที่เหลือ ส่งผลให้พวกเขาเริ่มมองเห็นภาพรวมเป็นรูปเป็นร่าง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ