ที่นี่คือ ‘ป่าเสื่อมโทรม’ ซึ่งกรอซายเคยปกป้องสมัยที่ยังทำงานอยู่กับ ‘ราชาคนยักษ์’
ต้นไม้ภายในป่าสูงหลายสิบเมตร ใหญ่จนต้องใช้คนยักษ์หลายตนมาโอบ เปลือกไม้มีจุดด่างดำและเน่าเปื่อย กิ่งก้านและใบแห้งกรอบ บนฟ้ามีเมฆเย็นเยียบลอยอยู่
กรอซายและคนยักษ์จำนวนมากกำลังยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกป่า บ้างถือขวาน บ้างถือดาบใหญ่ ตั้งใจป้องกันในแต่ละทิศทางที่ตัวเองรับผิดชอบ
ตามที่กรอซายเล่า ร่างของพ่อแม่ ‘ราชาคนยักษ์’ เออเมียร์ถูกฝังอยู่ใน ‘ป่าเสื่อมโทรม’ แห่งนี้… นอกจากเทพบรรพกาลตนดังกล่าว ไม่มีใครสามารถเข้าไปข้างในได้ ไม่เว้นกระทั่งเหล่าองครักษ์… อา… พ่อแม่ของราชายักษ์เออเมียร์น่าจะเป็นบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์คนยักษ์ทั้งปวง มีนิสัยโหดร้ายและป่าเถื่อนมากที่สุด… บางที… หืม… ไม่สิ แล้วทำไมกรอซายถึงมีความฝันแบบนี้? ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก จนกระทั่งสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
จากบทสนทนาในเมืองเพซอสต์ กรอซายในปัจจุบันเป็นยักษ์ที่เกิดและเติบโตในเมือง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับวังราชาคนยักษ์
หมายความว่า ความฝันในตอนนี้ไม่ปรกติ!
“จากทฤษฎีของสมาคมแปรจิตที่มาดามดาลีย์และมิสจัสติสเคยเล่าให้ฟัง อาจเป็นไปได้ว่า เมื่อโลกหนังสือสร้างตัวละครใหม่ จะทำการคัดลอก ‘จิตใต้สำนึก’ และ ‘ห้วงทะเลจิตรวม’ ของตัวละครเดิม จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ให้จิตสำนึกปัจจุบันทำตามบทบาทใหม่… หรือกล่าวได้ว่า กรอซายในเมืองยังคงมีจิตใต้สำนึกของกรอซายคนเก่า ส่งผลให้ความฝันฉายออกมาเป็นภาพเหตุการณ์ใน ‘วังราชาคนยักษ์’ … ถ้าเป็นแบบนั้น ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ถือว่าใจร้ายมาก… ไคลน์ครุ่นคิด เริ่มรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้สืบข้อมูลของ ‘วังราชาคนยักษ์’
เดิมที ชายหนุ่มวางแผนจะถามเรื่องของวังจากปากกรอซายโดยตรง แต่น่าเสียดาย คนยักษ์ผู้พิทักษ์รายนี้เสียชีวิตในการต่อสู้กับ ‘ราชาแดนเหนือ’ ยูลิเซี่ยน แถมร่างวิญญาณยังสลายไปอย่างรวดเร็วหลังออกจากโลกหนังสือ ไม่มีโอกาสให้สื่อวิญญาณ แต่ปัจจุบัน ไคลน์พบหนทางอื่นในการสืบสวน นั่นคือการสำรวจความฝันของกรอซายในเมืองเพซอสต์
อาจมีความฝันบางส่วนที่ไร้สาระหรือเกินจริง แต่เนื้อหาหลักน่าจะยังไม่เปลี่ยน ถ้าศึกษาอย่างละเอียด คงได้พบร่องรอยที่สำคัญบางอย่าง
กรอซายไม่เคยเข้าไปในป่าเสื่อมโทรม แม้ความฝันจะแสดงภาพของฉากในป่า แต่น่าจะเป็นการจินตนาการขึ้นมาเอง เราไม่จำเป็นต้องเดินสำรวจ… ไคลน์ไตร่ตรองพลางมองไปทางยอดเขาที่มีวังราชาคนยักษ์
ความสูงไม่มาก… หมายความว่า ‘ป่าเสื่อมโทรม’ ตั้งอยู่บนภูเขาในจุดที่ใกล้กับเขตวัง… บางทีอาจจะมีถนนสักเส้นที่ตรงไปยังถิ่นพำนักของเทพบรรพกาลโดยตรง
ไคลน์ไม่มัวเสียเวลาค้นหา ตรงดิ่งไปทางกรอซาย ทำตัวราวกับสนิทกันมานาน ซักถามอย่างใจเย็น
“อยากกลับวังต้องทำยังไง?”
ชายหนุ่มทราบว่ากรอซายเป็นคนยักษ์ที่ซื่อสัตย์ ย่อมต้องซื่อสัตย์ในความฝันด้วย
กรอซายยกมือ เกาท้ายทอย กล่าวด้วยรอยยิ้มที่งุนงงพลางก้มหน้า
“ก็กลับไปทาง ‘อุโมงค์ร้าง’ ไม่ได้หรือ?”
มันชี้ไปข้างหน้า กล่าวเสริม
“อ้อมหินก้อนนั้น แล้วจะเห็นเอง”
“ขอบใจ” ไคลน์แสดงความเคารพ
ยืนมองอีกฝ่ายจากไป กรอซายเกาท้ายทอยอีกครั้ง พำพึมกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ
“เขาเป็นใครกัน… ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นเคย”
หลังจากเดินวนรอบก้อนหินที่ยื่นออกจากพื้นภูเขา สีหน้าไคลน์พลันเจือความยินดี เพราะด้านหน้าคือถ้ำขนาดใหญ่ที่สูงอย่างน้อยสามสิบเมตร
ศิลาหินหนึ่งแผ่นตั้งเด่นตระหง่านด้านนอกถ้ำ สลักภาพดวงตาแนวตั้งหนึ่งดวง จมูกโด่ง ริมฝีปากหนา ดูคล้ายกับศีรษะส่วนหน้าของคนยักษ์ทั่วไป
ขณะไคลน์เดินเข้าไปใกล้ ปากของแผ่นศิลาเปิดออก
“ทำไมเจ้าถึงกลับก่อนเวลา”
“องค์ราชาเรียกพบ” ไคลน์กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สั่นคลอน เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ระดับสติปัญญาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในความฝันจะไม่สูงไปกว่าเจ้าของ ในที่นี้คือกรอซาย
ริมฝีปากบนของแผ่นศิลาพะงาบส่งเสียง
“เจ้าต้องตอบคำถามของข้า มิฉะนั้นจะไม่มีสิทธิ์ผ่าน”
ถ้าเรานำ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสมาด้วย น่าจะได้เห็นเรื่องสนุกๆ … ไคลน์รำพัน พยักหน้าเยือกเย็น
“ตกลง”
ริมฝีปากบนของแผ่นศิลาปิดสนิทนานสามวินาที จึงค่อยเปิด
“หากภรรยาของเจ้า ลูกสาวของเจ้า และผู้หญิงที่เจ้าปรารถนา ให้เลือกว่าคนใดงดงามที่สุด เจ้าจะตอบว่าอย่างไร”
รูปแบบแตกต่างจากคำถามของ ‘กระจกวิเศษ’ ทั่วไป … ปากของไคลน์ขยับเล็กน้อย ครุ่นคิดจริงจัง มอบคำตอบหลังจากผ่านไปเกือบสิบวินาที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ