ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 720

ราชันเร้นลับ 720 : นักปราชญ์
ตรวจสอบอย่างเงียบงันไม่กี่วินาที ไคลน์ก้าวขาไปข้างหน้า เหยียบขั้นบันได เดินลงไปทีละชั้นอย่างระมัดระวัง

แสงรอบตัวค่อยๆ หรี่ลง เหลือเพียงสีเทาเท่านั้นที่ยังปกคลุมโลกอันเงียบสงบ ยิ่งไคลน์ดำดิ่งลงไป ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในห้องมืดและเงียบ ไร้ซึ่งแสงสว่าง ชายหนุ่มถึงขั้นได้ยินเสียงเลือดไหลและเสียงหัวใจที่เต้นแรง

อย่างหลังเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เกิดเป็นความวิตกและความตื่นตระหนกที่ยากจะควบคุม ไคลน์รีบเพ่งสมาธิ จินตนาการภาพลูกบอลแสงเรียงซ้อนทับกัน ข่มใจตัวเองจนสงบ

ด้านข้างคือผาสูงชันสีขาวอมเทาที่เป็นตัวแทนจิตใต้สำนึกของกรอซาย บรรยากาศเงียบสงัด แต่บางครั้งก็มีแสงกะพริบออกจากฉากหลังสีเทา

ไคลน์มองเข้าไปในจุดแสงหนึ่ง เห็นมนุษย์กำลังถูกคนยักษ์ฉีกกระชากร่างและยัดใส่ปาก และเห็นกรอซายที่กำลังยืนสั่นกลัว ในเวลานั้น ฝ่ายหลังยังสูงไม่ถึงสามเมตร เห็นได้ชัดว่าอยู่ในวัยเด็ก

จุดแสงกะพริบ ฉากถัดไปเป็นภาพแสงสนธยาบนยอดเขา แสงสงบนิ่งจนดูคล้ายกับถูกแช่แข็ง กระแสเวลาของที่นั่นดูเหมือนจะไหลช้ากว่าปรกติ

ขณะไคลน์กำลังมองหาข้อมูลที่มีค่าภายในจิตใต้สำนึกกรอซาย เสียงหอบของสัตว์ร้ายพลันดังแว่วในโสตประสาท

สิ้นเสียง ‘ฟ้าว’ ฝ่ามือขนาดใหญ่พุ่งออกจากฉากหลังสีเทาโดยรอบ ผิวสีน้ำเงินอมเทา เน่าเปื่อยพุพอง จุดเด่นที่สุดคือของเหลวสีเหลืองอมเขียว ฝ่ามือดังกล่าวพุ่งตรงมาทางข้อเท้าไคลน์อย่างรวดเร็ว

ท่ามกลางเสียงหายใจหอบ ฝ่ามือแบบเดียวกันจำนวนมากกำลังตะเกียกตะกายขึ้นจากขั้นบันไดชั้นล่าง ราวกับต้องการดึงร่างวิญญาณของไคลน์เข้าสู่ดินแดนที่เงียบสงบที่สุดของโลกแห่งจิต

เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ฝ่ามือเน่าเหล่านี้รวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่ ตะเกียกตะกายขึ้นมาพลางอ้าปากค้างจนดูน่าขนลุก ใครก็ตามที่ได้เห็นเป็นต้องเย็นสันหลัง ไคลน์ตกใจและดีดตัวตามสัญชาตญาณ ถอยหลังกลับขึ้นไปสามขั้นบันได

กระนั้น ฝ่ามือจำนวนนับไม่ถ้วนยังคงไม่หยุด พุ่งขึ้นมาตามขั้นบันไดในลักษณะน่าขยะแขยง คืบคลานคล้ายกระแสน้ำ ปกคลุมพื้นที่ทุกตารางนิ้วของบันไดเบื้องล่าง

ไคลน์ที่เตรียมใช้มือขวาล้วงหยิบ ‘ลางมรณะ’ ออกมาแก้ปัญหากับกลุ่ม ‘สัตว์ประหลาด’ จำนวนมากด้วยพลัง ‘โจมตีล้างบาง’ พลันผุดคำถามขึ้นในใจสองข้อ

‘ฝ่ามือ’ พวกนี้มาจากไหน? แล้วเหตุใดจึงปรากฏในจิตใต้สำนึกของกรอซาย?

สัมผัสวิญญาณกระตุ้นเตือนหนึ่งครั้ง ไคลน์เข้าใจบางสิ่งได้อย่างคลุมเครือ จึงเลิกใช้ ‘ลางมรณะ’ เพียงสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างใจเย็น หลับตาจินตนาการภาพลูกบอลแห่งแสงซ้อนทับ

ฝ่ามือเน่าเปื่อยขนาดมหึมาถือโอกาสตะเกียกตะกายขึ้นมาถึงฝ่าเท้าชายหนุ่ม คว้าข้อเท้าและน่องไว้ทันที!

แต่ทันใดนั้น พวกมันกลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่มีตัวตนมาก่อน

เป็นอย่างที่คิด… นี่คือภาพลวงตาที่เกิดจากอิทธิพลของจิตใต้สำนึกกรอซาย… สำหรับที่นี่ ความคิดและจิตใจไม่เพียงจะ ‘สัมผัส’ กันโดยตรง แต่ยังมีอิทธิพลต่อกันด้วย หากไม่มีพลังพิเศษในเส้นทางที่สอดคล้องคอยช่วยเหลือ ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะสติแตกมากเท่านั้น… ถูกจิตใต้สำนึกของอีกฝ่ายกัดกร่อนทีละนิด จนกระทั่ง ‘จิต’ ได้รับมลพิษร้ายแรง กลายเป็นผู้ป่วยทางจิตที่ไม่สามารถกลับเป็นปรกติ และอาจทำให้คลุ้มคลั่ง… นี่ไม่เหมือนกับการสื่อวิญญาณ ลำพังสติและสมาธิไม่สามารถป้องกันการกัดกร่อนได้ เพราะตอนนี้เรากำลังอยู่ใน ‘จิต’ ของเป้าหมาย… ไคลน์พึมพำ เริ่มเข้าใจสถานการณ์

ลังเลสองสามวินาที ไคลน์หันหลังกลับและวิ่งขึ้นบันได ไม่คิดสำรวจโลกแห่งจิตของกรอซายอีกต่อไป เนื่องจากตนไม่มีพลังพิเศษสำหรับปลอบประโลมจิตใจ หากฝืนลงไปคงเท่ากับฆ่าตัวตาย

ไว้เรามีของวิเศษในเส้นทางดังกล่าว ค่อยพิจารณาการสำรวจรอบใหม่… ไคลน์ที่วางแผนอนาคตเสร็จ ค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้นและกระโจนกลับไปยังความฝันของกรอซาย กลับไปที่ห้องพักองครักษ์ของ ‘วังราชาคนยักษ์’

ชายหนุ่มรู้สึกอ่อนเพลียสุดขีด จึงไม่ลังเลที่จะออกจากความฝันทันที จากนั้นก็ลอยผ่านกำแพงบ้านออกจากโรงตีเหล็กของกรอซาย ลงมือตรวจสอบความผิดปรกติอื่นๆ ภายในโลกหนังสือ

จนถึงตอนนี้ เราได้พบกับกรอซาย โมเบธ และเซียธาสแล้ว… นอกจากนั้น ขณะกำลังมองหาคนให้สืบข่าว เราบังเอิญได้ยินพวกเขาพูดถึง ‘นักบวชเคร่งศาสนา’ สโนว์มันและ ‘นักปราชญ์’ รอนเซล แต่กลับไม่มีแอนเดอร์สัน·ฮู้ด ไม่มีเอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด ไม่มีเดนิส และไม่มีเกอร์มัน·สแปร์โรว์… หมายความว่า คนที่ตายไปจะได้รับบทบาทใหม่ในหนังสือ? หรือไม่ก็อาจเป็นคนที่อยู่ในหนังสืออย่างยาวนาน เปิดเผยชีวิตประจำวันทุกซอกมุม จิตใต้สำนึกจึงถูกคัดลอก? ไคลน์เดินริมถนนที่ถูกฉาบด้วยแสงพระอาทิตย์พลบค่ำ ครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหาที่ตนมองว่าสำคัญ

หากเป็นทฤษฎีแรก คนตายจะ ‘คืนชีพ’ ขึ้นมารับบทบาทใหม่ ในกรณีนี้ ไคลน์ก็ไม่กังวลใจนัก แต่หากเป็นอย่างหลัง ตนคงต้องลดความถี่ในการสำรวจโลกหนังสือลง กำหนดเวลาสำรวจแต่ละครั้งอย่างเคร่งครัด

เรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นแบบไหน… คงต้องสมมติให้เป็นอย่างหลังไปก่อน ความไม่ประมาทคือสิ่งที่ถูกต้องเสมอ… ไคลน์รีบตัดสินใจ เตรียมส่งตัวเองกลับสู่มิติหมอกสีเทา

ทันใดนั้น มันเห็นอีกหนึ่งบุคคลที่คุ้นเคย

ผมยาวสีดำ ตาสีฟ้า นั่งบนเก้าอี้ยาวริมถนน แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสายตาเหม่อลอย คล้ายกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง

เมื่อตระหนักว่าตนต้องนำเถ้ากระดูกของอดีตทหารโลเอ็นกลับไปฝังที่สุสานโบสถ์วายุสลาตันในกรุงเบ็คลันด์ ไคลน์ถอนหายใจเงียบงัน เดินตรงไปนั่งข้างรอนเซล ซักถามโดยไม่หันหน้ามอง

“กำลังคิดอะไรอยู่”

“กำลังคิดว่า… ผมเป็นใคร มาจากไหน และควรกลับไปที่ไหน” รอนเซลไม่ถอนสายตากลับ ตอบเสียงล่องลอย

โดยไม่รอให้ไคลน์ถาม มันส่ายหน้าพลางหัวเราะ

“ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่คนของที่นี่ ไม่ได้กำลังเป็นตัวเอง และมีสถานที่บางแห่งรอให้ผมกลับไป”

“ผู้คนมักหัวเราะเยาะผมที่เอาแต่คิดแบบนี้ จึงมอบฉายา ‘นักปราชญ์’ ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ