ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 731

สรุปบท ราชันเร้นลับ 731 : เก็บเกี่ยว: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

อ่านสรุป ราชันเร้นลับ 731 : เก็บเกี่ยว จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บทที่ ราชันเร้นลับ 731 : เก็บเกี่ยว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 731 : เก็บเกี่ยว
ราชันเร้นลับ 731 : เก็บเกี่ยว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ด้ายมายาสีดำที่ยื่นออกจากร่างเซนอลกำลังถูกโยงผ่านฝ่ามือไคลน์ การถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปแต่ละครั้งจะทำให้เกิดท่าทีตอบสนองต่างกัน

ในความเป็นจริง การควบคุมด้ายวิญญาณไม่จำเป็นต้องใช้สองมือ แต่ไคลน์เคยชินกับการทำแบบนี้ เพราะได้ความรู้สึกคล้ายกับกำลังควบคุมหุ่นเชิดของจริง

หืม… จากเท่าที่ดู นักเชิดหุ่นคนอื่นสามารถมองเห็นหุ่นเชิดของกันและกันได้ ดังนั้นต้องคอยระวังตัวให้ดี… ไคลน์สรุปสิ่งที่ค้นพบเบื้องต้น จากนั้นก็หันกลับมาสนใจเซนอล

พลเรือเอกโลหิตคนนี้ตายไปแล้ว ร่างวิญญาณเป็นของแถมจากสถานะหุ่นเชิด ไม่หลงเหลืออัตลักษณ์และตัวตนอีกต่อไป ดังนั้น พลังทำนายหลายๆ ชนิดจะไม่มุ่งเป้ามาหาเซนอล

อย่างไรก็ตาม การทำนายหา ‘ศพ’ ยังจะใช้ได้ผลอยู่ ไคลน์จึงมีแผนจะฆ่าเชื้อ ‘วิญญาณอาฆาต’ ตนนี้บนมิติเหนือสายหมอก จากนั้นก็ใช้เทวทูตกระดาษห่อหุ้มวัตถุที่สามารถแทนกระจกเงา ให้วิญญาณอาฆาตเข้าไปสิงในวัตถุดังกล่าว และนำวัตถุใส่กล่องบุหรี่โลหะที่ปิดผนึกด้วยกำแพงวิญญาณ เก็บไว้ด้วยกันกับนกหวีดทองแดงอะซิก เป็นการกีดขวางพลังทำนายถึงสามชั้น

ด้วยเหตุนี้ ไคลน์เชื่อว่าโรงเรียนกุหลาบแทบไม่มีโอกาสทำนายถึงพลเรือเอกโลหิตเพื่อระบุตำแหน่งตนได้เลย

สำหรับคำถามที่ว่า มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายจะทิ้ง ‘ลูกเล่น’ ไว้บนร่างเซนอลหรือไม่ ไคลน์ไม่กังวลมากนัก เพราะถ้ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายทิ้งลูกเล่นไว้บนร่างกายพลเรือเอกโลหิตจริงๆ ในระหว่างที่ครึ่งเทพกำลังต่อสู้กันอยู่ ท่านสามารถทำให้เซนอล ‘กลายพันธุ์’ และเล่นงานตนทันที พิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนั้น โอกาสจัดการสำเร็จมีค่อนข้างมาก

มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย หรือที่เราควรเรียกว่าเทพผู้ถูกล่าม คงใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมสมาชิกองค์กร อย่างเช่นการฝังคำสาปและพันธสัญญาลงในดวงวิญญาณ… สิ่งนี้สามารถอนุมานได้จากคำอธิบายของมาดามชารอน รวมถึงประสบการณ์ของเราขณะมีปฏิสัมพันธ์กับตะกอนพลังบนเส้นทางที่เกี่ยวข้อง…

ตราบใดที่เราไม่ใช้ศพของ ‘พลเรือเอกโลหิต’ ทำนายถามหาความลับของโรงเรียนกุหลาบ หรือสูตรโอสถเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์ ปัญหาก็จะไม่เกิด… แม้แต่ตะกอนพลังมนุษย์หมาป่าที่ถูกเก็บไว้บนมิติหมอกเป็นเวลานาน จนป่านนี้ก็ยังไม่พบความผิดปรกติใด

นอกจากนั้น หากผ่านกระบวนการ ‘ฆ่าเชื้อ’ ของมิติหมอก ถึงจะมีปัญหาหลงเหลืออยู่ ก็คงถูกขจัดออกไปแล้ว… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก นำนกหวีดทองแดงอะซิกออกจากตัว

บิดมือขวาแผ่วเบา ขยับให้ด้านที่มีลวดลายน้อยหันเข้าหาแสงแดด สะท้อนแสงคล้ายกระจก

ทันใดนั้น ใบหน้าเซนอลพลันปรากฏบนผิวโลหะของนกหวีดอย่างคมชัด

และพลเรือเอกโลหิตตรงหน้าไคลน์ก็หายไปทันที

อา… มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายอาจสามารถระบุตำแหน่งของเราได้อย่างคลุมเครือผ่านพันธสัญญาบางอย่าง แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะอีกฝ่ายสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายหมอกสีเทาในตัวเราได้อยู่แล้ว สามารถสัมผัสถึงเราหากเข้ามาอยู่ในระยะ… นอกจากนั้น ถ้าเราใช้เซนอลเป็นโล่ในการต่อสู้ สักวันหุ่นเชิดตัวนี้ก็ต้องถูกทำลาย ไม่มีอะไรต้องกังวล… ไคลน์รู้สึกเหมือนกับคนเร่ร่อนที่กำลังติดหนี้ก้อนโต ภายในใจปราศจากความหวาดกลัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

แน่นอน ในบางแง่มุม มันกำลังติดหนี้ก้อนโต!

วันใดที่เราเลื่อนลำดับเป็นครึ่งเทพและซ่อนกลิ่นอายพิเศษของหมอกสีเทาได้หมดจด ถึงตอนนั้นจะเสียหุ่นเชิดไปก็ไม่เป็นอะไร… ไคลน์มองไปรอบตัว ก้มลงหยิบสร้อยคอที่ทำจากเงินแท้ เดินถอยหลังสี่ก้าว ท่องคาถาเสียงต่ำ

เนื่องจากในคราวนี้ ชายหนุ่มมิได้เข้ามาในหนังสือด้วยพิธีกรรมอัญเชิญร่างวิญญาณ จึงไม่สามารถยุติพิธีกรรมและกลับได้ทันที

หมอกสีเทารายล้อมอย่างรวดเร็ว เสียงเพรียกก้องกังวานตลอดทาง นกหวีดทองแดงอะซิกในมือไคลน์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แสดงให้เห็นว่า ไม่มีการเล่นตุกติกอะไรกับร่างกายของพลเรือเอกโลหิต

นั่งบนเก้าอี้หัวโต๊ะทองแดงยาว ไคลน์วางนกหวีดทองแดงอะซิกไว้ด้านหน้า บังคับเซนอลที่สวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้มและหมวกทรงสามเหลี่ยมใบเก่าให้โผล่ออกมาด้านข้าง ทำท่าทางคล้ายกับพ่อบ้านที่รอรับคำสั่งเจ้านาย

“ยังเหลือสิ่งของอะไรในตัวอีก” ไคลน์ตั้งคำถาม ประหนึ่งพลเรือเอกโลหิตกำลังมีชีวิตอยู่

ชายหนุ่มกำลังลองสวมบทบาทเป็นนักเชิดหุ่น!

ในเวลาเดียวกัน ไคลน์บังคับให้เซนอลค้นทุกกระเป๋าในตัว หยิบธนบัตรสามร้อยยี่สิบห้าปอนด์ สิบหกซูล และแปดเพนนีออกมา นอกจากนั้นยังมีเหรียญทองอีกสามเหรียญ

บางที อาจเพราะต้องคอยสลับร่างเป็นวิญญาณอาฆาต เซนอลจึงไม่ได้พกสิ่งของติดตัวมากนัก

จนฉิบ… เป็นถึงนายพลโจรสลัด แต่กลับมีสมบัติวิเศษแค่ชิ้นเดียว? ที่เหลืออยู่กับโรงเรียนกุหลาบ? หรืออยู่กับโจรสลัดลูกน้อง? ไคลน์พิจารณาความเป็นไปได้อย่างจริงจัง ถึงการนำค่าหัวของพลเรือเอกโลหิตไปขึ้นในตลาดมืด

ชายคนนี้มีมูลค่าสูงถึงสี่หมื่นสองพันปอนด์!

ไม่สิ… การไปขึ้นเงินกับอาณาจักรโลเอ็นไม่ใช่เรื่องฉลาด ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือโบสถ์วายุสลาตัน พวกมันล้วนต้องการตัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ซึ่งเป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย จากนั้นก็จะสอบสวนหาองค์กรลับเบื้องหลัง ไม่มีทางยอมจ่ายค่าหัวแน่ หรือถ้าจ่ายก็ต้องเป็นกับดัก…

ด้วยเหตุผลเดียวกัน ศาสนจักรและรัฐบาลของอาณาจักรอื่นคงมีแนวคิดไม่ต่างกันมากนัก ถึงทัศนคติอาจดีกว่าเล็กน้อย แต่การขึ้นค่าหัวก็ยังต้องแบกรับความเสี่ยงสูง…

นอกจากนั้น เราไม่จำเป็นต้องรีบ ไว้ค่อยอยากเปลี่ยนหุ่นเชิด ค่อยส่งตัวเซนอลไปขึ้นค่าหัวก็ไม่สาย… การมาเป็นหุ่นเชิดสักพักไม่ได้ทำให้ค่าหัวลดลงสักหน่อย… ไคลน์นึกทบทวนความคิดตัวเอง มองไปยังสร้อยสีเงินที่ห้อยจี้คล้ายเหรียญโบราณ

ชายหนุ่มใช้พลังทำนาย ตรวจสอบต้นกำเนิดและพลังของสร้อยคร่าวๆ

มีต้นตอมาจากลำดับ 5 ‘ผู้ชนะ’ ของโรงเรียนชีวิต หลังจากสุภาพบุรุษรายนี้เสียชีวิตลงด้วยเงื้อมมือของครึ่งเทพโรงเรียนกุหลาบ ตะกอนพลังได้รวมเข้ากับสร้อยเงินธรรมดาที่เขาพกติดตัว เกินเป็นสมบัติวิเศษ

ไคลน์ไม่ตรงกลับเบ็คลันด์ทันที แต่เปลี่ยนใบหน้า ขึ้นรถจักรไอน้ำ มุ่งหน้าไปยังเมืองคอนแนนท์ในอ่าวเดซีย์ โดยมีแผนจะอ้อมจากที่นั่นกลับเบ็คลันด์และเปลี่ยนตัวตนอีกครั้ง

ท่าเรือแบนชี

ท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย อัลเจอร์·วิลสันมองดูเมืองที่ถูกทำลายย่อยยับ

อาคารบ้านเรือนกลายเป็นเศษซาก พื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อ ร่องรอยไหม้เกรียมหลายจุด

ฉากทำนองนี้ทอดยาวเข้าไปในส่วนลึกของเกาะ แม้แต่ภูเขาก็ยังถล่ม

ปัจจุบันไม่มีคนของโบสถ์วายุสลาตันคอยเฝ้าระวังรอบซากปรักหักพัง เนื่องจากที่นี่ไม่หลงเหลืออะไรแล้ว ส่วนแผนการสร้างท่าเรือใหม่ยังไม่ได้อยู่ในวาระการประชุม

อัลเจอร์กระโดดลงจากโทสะสีคราม เดินวนเวียนในซากปรักหักพัง ไม่พบสิ่งของมีค่า

“ไปกันเถอะ” มันออกคำสั่งเยือกเย็น

เพียงไม่นานก็กลับขึ้นเรือ แล่นออกจากเกาะ

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ร่างหนึ่งโผล่ออกจากส่วนลึกของซากปรักหักพัง

สวมเสื้อคลุมนักบวชสีดำกระดุมสองแถว ผมสีทองเข้ม ใบหน้าชัดลึก คล้ายกับประติมากรรมโบราณ ปราศจากริ้วรอยใดๆ

รูม่านตาเป็นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ดูราวกับไร้วิญญาณ แต่หากมองเข้าไปจะพบเส้นเลือดฝอยจำนวนมหาศาลอัดแน่น

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ