ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 747

สรุปบท ราชันเร้นลับ 747 : ศพแรก: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปตอน ราชันเร้นลับ 747 : ศพแรก – จากเรื่อง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

ตอน ราชันเร้นลับ 747 : ศพแรก ของนิยายInternetเรื่องดัง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ราชันเร้นลับ 747 : ศพแรก
ท่ามกลางแสงจันทร์สีแดงเข้ม บรรยากาศสลัว เอ็มลินล้วงหยิบขวดโลหะ คลายเกลียวฝา ดื่มเข้าไปรวดเดียวจนหมด

จากนั้น คล้ายกับมันกลายเป็นเงา เคลื่อนที่ไปบนผนังและพื้นดิน ติดตามรุส·บาโธรีอย่างรวดเร็วและเงียบงัน

ผีดูดเลือดขึ้นชื่อด้านความเร็วอยู่แล้ว สองบารอนวิ่งผ่านตรอกที่มืดมิดและริมถนนบรรยากาศสลัวโดยไม่หยุดพัก ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการไปถึงเขตตะวันออกที่วุ่นวายและสกปรก จนกระทั่งหยุดลงหน้าอาคารหลังเก่า

เมื่อเห็นรุส·บาโธรีพยายามปืนท่อขึ้นไปบนชั้นสามโดยไม่ให้เกิดสุ้มเสียง เอ็มลินลดความเร็วลง ไม่จ่อหลังอีกฝ่ายมากนัก ด้วยเกรงว่าอาจถูกพบตัวได้ง่าย

ครุ่นคิดอย่างจริงจังสองสามวินาที มันหยิบขวดน้ำหอมโปร่งแสง คลายเกลียวฝาและกดกลไก ฉีดของเหลวลงบนร่างกาย

ยาชนิดนี้มีสรรพคุณเพียงหนึ่งอย่าง นั่นคือการกำจัดกลิ่นกาย กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบตัว!

เก็บขวดกลับ เอ็มลินหยิบขวดโลหะสีทองเหลืองอีกใบออกมา ดื่มของเหลวข้างในพร้อมกับส่งเสียง ‘อึกอึก’

‘ศาสตราจารย์โอสถ’ ช่างวุ่นวายซะจริง… มันพึมพำพลางก้มศีรษะลง พบว่ามือของตนเริ่มโปร่งใสทีละนิ้ว ขวดโลหะสีทองเหลืองคล้ายกับกำลังลอยอยู่กลางอากาศ

เมื่อเอ็มลินเก็บขวดทองเหลืองกลับ สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงสูทสุภาพ หมวกผ้าไหมทรงสูง และรองเท้าหนังที่ไม่มีกระดุมหรือเชือก ก่อตัวกันเป็นรูปทรงของมนุษย์หนึ่งคน

ขวดน้ำหอมใสอีกขวดลอยขึ้นจากอากาศ ปุ่มถูกกดลง พรมน้ำยาด้านในลงบนเสื้อผ้า

เค้าโครงของสูทสุภาพและรองเท้าหนังจางลงทีละนิด ก่อนจะอันตรธานหายไปโดยสมบูรณ์

เอ็มลินที่เข้าสู่ภาวะ ‘ล่องหน’ ชำเลืองไปทางห้องที่รุส·บาโธรีเข้าไป รีบปืนท่อสูงตามขึ้นไป

ขณะก้าวผ่านหน้าต่างที่กำลังแง้มเปิด เอ็มลินทำตัวเหมือนกับก้อนเมฆโปร่งใส ลอยเข้าไปในห้องโดยไม่กระทบกับสิ่งใด ซ่อนตัวตรงมุม มองไปยังรุส·บาโธรีเจ้าของใบหน้าเรียวยาวซึ่งกำลังสอดส่องหาเป้าหมาย

อีกฝ่ายกำลังขมวดคิ้วเนื่องจากพบเพียงความว่างเปล่า อย่าว่าแต่คน แม้แต่ยุงสักตัวก็ไม่มี

ทั้งที่บารอนผีดูดเลือดมั่นใจมากว่า ‘หุ่นกระบอกจันทรา’ ของตนอยู่ในห้องนี้แน่นอน

ทันใดนั้น เสียงหวีดร้องแหลมลึกพลันทำลายความเงียบงันที่เย็นยะเยือก

ประตูห้องถูกเปิดออก สตรีในเดรสยาวสีดำย่างกรายเข้ามาอย่างใจเย็น จ้องมองรุส·บาโธรี กล่าวด้วยน้ำเสียงล่องลอย

“กำลังมองหาใครหรือ…”

เอ็มลินมองไปทางต้นเสียง มองเห็นผู้มาเยือนที่มีผิวสีเข้ม คิ้วยาวเรียว โครงหน้าอวบอิ่ม มุมปากหย่อนคล้อย ไม่ใช่ใครนอกจากหนึ่งในเป้าหมายการล่า – วินเซอร์

แต่ในสายตาเอ็มลิน สาวกดวงจันทร์บรรพกาลตรงหน้า แตกต่างจากรูปลักษณ์ในภาพเหมือนเล็กน้อย เพราะไม่ว่าจะดวงตา คิ้ว หรือปาก ทั้งหมดล้วนโค้งลงอย่างผิดธรรมชาติ ดูคล้ายกับดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว

นอกจากนั้น บริเวณหน้าผาก แก้ม คอ และผิวพรรณจุดอื่นที่ถูกเผยให้เห็น มีกอหญ้าแห้งและดอกไม้จำนวนมากงอกออกมา

“…” ชิ! รุส·บาโธรีขายอะไรให้หล่อนกันแน่? ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? เอ็มลินถึงกับผงะ เส้นขนตามร่างกายเริ่มตั้งชัน

ขณะเดียวกัน บนพื้น ผนัง ประตูทางเข้า และเพดาน ทุกจุดเริ่มมีกอหญ้าแห้งและดอกไม้งอกเงย

บรรดาพืชพรรณทำการตัดขาดห้องนี้จากโลกภายนอก เกิดเป็นทัศนียภาพอันแสนพิสดาร

รุส·บาโธรีได้กลิ่นอันตราย จึงไม่มัวชวนคุยให้เสียเวลา รีบหยิบขวดโลหะออกมา กระดกดื่มของเหลวด้านในเข้าไป

กิ้ง!

มันทิ้งขวดลง พุ่งเข้าหาวินเซอร์ด้วยความเร็วเหนือธรรมชาติจนร่างกายสร้างภาพติดตา เล็บมือทั้งสองข้างงอกยาวโดยมีพลังงานสีดำไหลเวียน

วินเซอร์ที่มีกอหญ้าแห้งและดอกไม้ฝังอยู่บนใบหน้าจนดูคล้ายกับตุ๊กตาตัวใหญ่ ใช้กรงเล็บข่วนใส่รุส·บาโธรีด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกันโดยไม่คิดหลบหลีก

เคร้งเคร้งเคร้ง! เปรี้ยง!

หลังจากการปะทะหลายหน ร่างกายรุส·บาโธรีถูกส่งกระเด็นไปชนกำแพง

แขนเสื้อขาดวิ่น จุดดังกล่าวมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลึกจนเห็นกระดูก

และในบาดแผล หญ้าแห้งกับดอกไม้กำลังเจริญงอกงามออกมาทีละนิด!

สัตว์ประหลาด… เอ็มลินไม่เคยเผชิญหน้าศัตรูแบบนี้มาก่อน จึงเอาแต่ตื่นตระหนก เกือบลืมช่วยอีกฝ่าย

มันไม่ลงมือบุ่มบ่าม สมองรีบวิเคราะห์ความเป็นไปได้พลางเฝ้ามองการต่อสู้ระหว่างรุส·บาโธรีกับวินเซอร์อย่างใจเย็น พิจารณาหาวิธีรับมือ

สิ่งที่พิสดารที่สุดคือหญ้าแห้งกับดอกไม้นั่น… หญ้าแห้งกับดอกไม้เหี่ยวเฉา… พวกมันน่าจะกลัวไฟ! หัวใจเอ็มลินเริ่มเต้นแรง สถานะ ‘ล่องหน’ หายไปขณะหยิบขวดโลหะใบใหม่ออกมา คลายเกลียวฝา เทเข้าไปในปาก

พรูด! เอ็มลินพ่นออกเหลวออกจากปากจนเกลี้ยง

เมื่อของเหลวสีเทาอมแดงปะทะกับอากาศ ประกายไฟพลันลุกโชนในพริบตา เปลวเพลิงขยายวงแผดเผาเป็นวงกว้าง

กองไฟจำนวนมากลุกลามรวมตัวกัน กลายเป็นทะเลเพลิงสีแดงเข้มในพริบตา!

ท่ามกลางเสียงเผาไหม้ หญ้าแห้งและดอกไม้คือเชื้อไฟชั้นที ส่งผลให้กองไฟทวีความร้อนแรงอย่างรวดเร็ว

เพียงสองสามวินาที ภาวะห้องปิดตายถูกทำลาย หญ้าแห้งและดอกไม้บนร่างกายวินเซอร์เองก็เริ่มไหม้เช่นกัน

ในตอนนี้ บนหน้าอกของรุส·บาโธรีมีรูโหว่ขนาดใหญ่ แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงพอจะต่อสู้ ถึงจะพึ่งพาความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายอันเป็นเลิศของผีดูดเลือด ก็ยากจะกลับเป็นปรกติภายในเวลาอันสั้น

มองไปทางศัตรูที่ดูเหมือนคบเพลิง เอ็มลินตระหนักว่าออร่าของอีกฝ่ายอ่อนแอลงอย่างมาก จึงรีบวิ่งอ้อมวินเซอร์โดยไม่ลังเล ใช้กรงเล็บข่วนใส่สองสามหน

รอบฝ่าเท้าของมัน พลังงานสีดำเริ่มทวีความเข้มข้น พุ่งเข้าไปพันธนาการสาวกดวงจันทร์บรรพกาล ประหนึ่งกุญแจมือที่แข็งแรง

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ท่ามกลางเสียงการปะทะอันหนักแน่น คนทั้งสองแลกหมัดอย่างดุเดือดในระยะประชิด

จนกระทั่งเสียงทั้งหมดเงียบลง ฝ่ามือข้างซ้ายของเอ็มลินคว้าคอวินเซอร์พร้อมกับยกเธอลอยขึ้น

ลังเลสักพัก เมื่อเห็นใบหน้าอันแสนอัปลักษณ์ของอีกฝ่าย มันตัดสินใจหักคอทันที

กร๊อบ!

ทันใดนั้น แสงจันทร์สีแดงค่อยๆ แผ่ออกมาครอบงำร่างกายเอ็มลิน·ไวท์

ท่าไม่ดีแล้ว… หุ่นตัวนี้อันตรายมาก… ไคลน์ที่เห็นอะไรหลายๆ อย่างด้วยพลังของมิติหมอก ไม่ลังเลที่จะเรียกคทาเทพสมุทรออกจากกองขยะ บินมาตกบนฝ่ามือ

อัญมณีสีน้ำเงินปลายคทากระดูกสว่างวาบทีละเม็ด ส่องแสงพร่างพราว

หลังจากท่องพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์ของมิสเตอร์ฟูลเพื่อขอความช่วยเหลือ เอ็มลินเริ่มตระหนักว่าเลือดในร่างกายกำลังเย็นจัด ค่อยๆ แข็งตัวทีละนิด

นั่นทำให้การขยับตัวเป็นไปอย่างลำบาก ทำได้เพียงยืนมอง ‘หุ่นกระบอกจันทรา’ ย่างกรายเข้าหาตนอย่างน่าหวาดหวั่น

ทันใดนั้น สายฟ้าสีเงินโผล่ออกจากอากาศอันว่างเปล่าเหนือตรอกเปลี่ยวที่กำลังปั่นป่วน ปัดเป่าความหม่นมองและอึมครึมรอบๆ ในพริบตา

เปรี้ยง!

สายฟ้าสีเงินม้วนตัวเป็นลูกบอลไฟฟ้า พุ่งชนหุ่นกระบอกจันทราจากมุมสูง ท่วมท้นมันด้วยแสงสีขาวแกมเงิน

แสงสว่างปกคลุมทุกสิ่งไปชั่วขณะ เมื่อเริ่มจางลง เอ็มลินเห็นหุ่นกระบอกพิสดารอยู่ในสภาพไหม้เกรียมไปทุกส่วน จากนั้นก็ล้มลงโดยไม่มีแรงต้านทาน ขณะเดียวกัน เลือดในร่างกายเอ็มลินเลิกแข็งตัว เริ่มกลับมาไหลเวียนได้อีกครั้ง

หลังจากสลัดอาการหนืดของร่างกาย พลางพิจารณาว่ามิสเตอร์ฟูลน่าจะยังเฝ้าดูอยู่ มันเปล่งเสียงถามอย่างแผ่วเบา

“ท่านต้องการ… ไม่สิ ท่านจะให้ข้าสังเวยสิ่งใด?”

มันคอยเตือนตัวเองเสมอ มิสเตอร์ฟูลยึดหลักการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมอย่างเคร่งครัด ด้วยเหตุนี้ หากตนร้องขอความช่วยเหลือ เป็นเรื่องปรกติที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนในมูลค่าใกล้เคียง

เงียบงันสักพัก ทัศนียภาพของมันถูกปกคลุมด้วยสายหมอกอันกว้างไกลไร้ขอบเขต พร้อมกับสุ้มเสียงแสนสง่างาม

“หุ่นตัวนั้น”

“ตกลง” เอ็มลินเดินไปข้างหน้าสองก้าว ก้มหยิบหุ่นกระบอก เก็บกวาดบริเวณใกล้เคียงและรีบออกจากเขตตะวันออก

ถัดมา ไคลน์ไม่ประมาท ใช้เทวทูตกระดาษเพื่อแทรกแซงผลทำนาย ก่อนจะส่งตัวเองกลับโลกความจริง

เมื่อเตรียมเข้านอน มันต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าแสงจันทร์ด้านด้านนอกกำลังสว่างเจิดจ้า คล้ายกับโลกทั้งใบถูกฉาบด้วยเลือดสด

เกิดอะไรขึ้น… ไคลน์เดินไปที่หน้าต่างอย่างสงสัย มองออกไป พบดวงจันทร์ที่จู่ๆ ก็เต็มดวงโดยไม่มีลางบอกเหตุ สีแดงสดเหมือนกับเลือด

ปรากฏการณ์ ‘จันทราโลหิต’ อุบัติขึ้นอีกครั้ง

“จันทราโลหิต?” อัลเจอร์·วิลสันแหงนหน้ามองท้องฟ้า เดินเข้าไปในวิหารอสนีตรงหน้าอย่างไม่รีบร้อน พรุ่งนี้มันต้องรายงานความคืบหน้าของภารกิจที่นี่

ณ ใจกลางเกาะ บนยอดเขาสูงตระหง่าน ยังมีมหาวิหารอยู่อีกหนึ่งหลัง ชื่อของมันคือ ‘ห้วงลึกแห่งพายุ’ สำนักงานใหญ่สูงสุดของศาสนจักรวายุสลาตัน มหาวิหารที่ศักดิ์สิทธิ์เหนือศักดิ์สิทธิ์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ