ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 748

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 748 : ประสานเสียง
ราชันเร้นลับ 748 : ประสานเสียง
โดย
Ink Stone_Fantasy
วิหารอสนีมีหลังคาโดมสูงและกว้างทอดยาวเป็นทิวแถว รายล้อมด้วยจิตรกรรมฝาผนัง แทบไม่มีการเว้นว่าง โทนสีส่วนใหญ่เป็นน้ำเงินและทอง มอบความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์และเคร่งขรึม ส่งผลให้คนที่ผ่านไปผ่านมามักก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว

อัลเจอร์·วิลสันที่เคยร่วมโต๊ะกับตัวตนลึกลับหลายครั้ง แถมยังเป็นการพบปะท่ามกลางวังสายหมอกอลังการที่มีหลังคาเป็นโดมสูง ทำให้มันไม่รู้สึกหวั่นเกรงขณะเดินไปตามทางในวิหารอสนี แต่กระนั้นก็ต้องแสร้งทำเป็นเกรงกลัว เฉกเช่นลูกเรือที่เดินมาด้วยกัน อัลเจอร์ก้มหน้าต่ำและมองแต่พื้น ย่างกรายอย่างระมัดระวัง กระทั่งลมหายใจก็ไม่กล้าปล่อย

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ ภายใต้การนำทางของนักบวช พวกมันเดินผ่านห้องต่างๆ จนกระทั่งถึงที่พักนักบวชด้านหลังวิหาร หนึ่งห้องต่อหนึ่งคน

ปิดประตูสนิท อัลเจอร์เห็นแสงจันทร์สีเลือดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ส่งผลให้บรรยากาศเย็นเยียบและเจือกลิ่นอายความชั่วร้าย คล้ายกับภูตพรายและวิญญาณอาฆาตจำนวนมากกำลังเฝ้ามองโลกแห่งความจริงผ่านม่านใสบางๆ

กล่าวกันว่า เมื่อใดก็ตามที่เกิด ‘จันทราโลหิต’ พลังวิญญาณของทุกคนจะถูกยกระดับ พลังที่มีรากฐานจากโลกวิญญาณและนรกจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า อารมณ์ด้านลบของสิ่งมีชีวิตอาจปะทุขึ้นกะทันหัน ยิ่งลำดับสูงเท่าไรก็ยิ่งรุนแรง

อัลเจอร์ได้ยินเสียงร้อง เสียงเพรียก และเสียงกระซิบอย่างเลือนราง แตกต่างจากความรู้สึกเคร่งขรึมและสำรวมที่เคยได้รับในวิหารอสนี

ท่อนแขนมายาปรากฏขึ้นตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผนัง พื้น เพดาน ทุกหนแห่งดูราวกับเป็นผืนป่าสีซีดอันสมจริง

อัลเจอร์ทราบว่าปรากฏการณ์ ‘จันทราโลหิต’ จะมาพร้อมความผิดปรกติในทำนองนี้เสมอ จึงถอดหมวกกัปตันออกอย่างไม่ตื่นตระหนก เดินเข้าห้องน้ำ เปิดก๊อกล้างหน้า

ระหว่างนั้น มันได้ยินเสียงเพียงที่ไพเราะและโหยหา

เสียงร้องไม่คมชัด คล้ายกับดังมาจากใจกลางเกาะ แต่ก้องกังวานอย่างต่อเนื่องประหนึ่งกำลังขับร้องข้างๆ ใบหูอัลเจอร์ อย่างไรก็ตาม เสียงเพลงเหล่านี้มิได้สร้างความหวาดกลัว แต่ฟังดูเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนริมหน้าผา ต้องไกลจากคนรักและครอบครัว ทำได้เพียงเฝ้ามองคลื่นทะเลเชี่ยวกราก ร้องเพลงเจือความเศร้า

อัลเจอร์ดึงผ้าขนหนู เช็ดหน้า พลางตั้งใจฟังเพลง

มันเริ่มขมวดคิ้วทีละนิด หยิบกล่องเหล็กขนาดเล็กออกจากกระเป๋าลับของชุดคลุมนักบวช นำมาแนบชิดใบหู

ภายในกล่องมีตะกอนพลังของ ‘ผู้ขับขานสมุทร’ ที่ซื้อมาจากเดอะเวิร์ล มันสงสัยว่าเศษเสี้ยวดวงวิญญาณที่หลงเหลือภายใน กำลังได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์จันทราโลหิตชั่วคราว

เมื่อกล่องโลหะเข้าใกล้ เสียงร้องที่ข้างหูอัลเจอร์เริ่มชัดเจน เปี่ยมด้วยความเศร้าโศก โหยหา และเจ็บปวด

แต่นอกจากเสียงในกล่องโลหะ ยังมีอีกหนึ่งเสียงขับร้องที่พร่ามัวและโบราณดังคลอเป็นฉากหลัง คล้ายกับใครบางคนกำลังประสานเสียง!

เสียงใครกัน… เหมือนกับของเอลฟ์… วัตถุบางชิ้นในวิหารอสนีมีต้นตอมาจากเอลฟ์? และตะกอนพลัง ‘ผู้ขับขานสมุทร’ ของเราก็มาจากเอลฟ์เหมือนกัน? อัลเจอร์พยักหน้าพลางคาดเดา

เนื่องจากเป็นเส้นทาง ‘ลูกเรือ’ เหมือนกัน โบสถ์วายุสลาตันจึงพยายามรวบรวมมรดกจากเอลฟ์ให้มากที่สุด บางส่วนถูกนำไปปรุงเป็นโอสถ บางส่วนกลายเป็นสมบัติปิดผนึก เก็บแยกไว้ใต้ดิน บางส่วนที่มีผลข้างเคียงน้อยจะถูกมอบเป็นรางวัลให้คนของโบสถ์ ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่วัตถุในทำนองเดียวกันจะร้องประสานเสียงท่ามกลาง ‘จันทราโลหิต’

หากเป็นสมบัติวิเศษ นั่นคงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเป็นสมบัติปิดผนึก คงไม่ใช่เรื่องปรกติที่เสียงร้องจะทะลวงผนึกหลายชั้นออกมาได้… ครุ่นคิดสักพัก อัลเจอร์สลัดความคาใจ รีบแปรงฟันและเข้านอน

มันหลับไปอย่างรวดเร็ว เข้าสู่ความห้วงฝัน

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ อัลเจอร์ได้สติกะทันหัน ตระหนักได้เลือนรางว่าตนกำลังฝัน สั่งให้ตัวเองมองไปรอบๆ

มันพบคลื่นน้ำสีน้ำเงินเข้มกำลังกระเพื่อมอยู่ด้านบน ชั้นแล้วชั้นเล่าทับซ้อนจนมองไม่เห็นท้องฟ้า เบื้องหน้าเป็นพระราชวังอันงดงามซึ่งคล้ายกับสร้างจากปะการัง โครงสร้างสูงใหญ่ วิจิตรงดงาม สลัวและหม่นหมอง

อัลเจอร์เดินไปที่วังตามจิตใต้สำนึก ก้าวเข้าไปในประตูที่เปิดอยู่

ด้านในมีเสาปะการังต้นใหญ่ตั้งเด่นตระหง่าน ก่อตัวเป็นหลังคาโดมโอ่อ่าอลังการ ตามผนังและเพดานมีภาพจิตรกรรมที่สื่อถึงความน่ากลัวของพายุ

สุดปลายทางลึกเข้าไปราวหนึ่งร้อยเมตร ที่นั่นมีบัลลังก์ฝังเพชรพลอยและไข่มุกเม็ดกลมตั้งเด่นสง่าอยู่บนบันไดเก้าขั้น เด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ

อัลเจอร์มองตรงไป พบสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ในชุดโบราณและเรียบง่าย เส้นผมของเธอดกดำเงางาม เกล้ามวยขึ้น ใบหน้าอ่อนโยนและน่าหลงใหล เป็นสตรีที่ไม่ว่ายุคสมัยใดก็จะถูกมองว่าเลอโฉม

สีหน้าเย็นชา ปลายหูเรียวแหลม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกำลังมองลงมายังอัลเจอร์ด้วยมาดของผู้เหนือกว่า

มือของสตรีกำลังจับแก้วไวน์ทองคำที่มีลวดลายซับซ้อนแกว่งไปมา

ขณะอัลเจอร์เตรียมกล่าวบางสิ่ง ดวงตาหญิงสาวพลันส่องแสงสีเงินประหนึ่งสายฟ้า พวยพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง ระเบิดทำลายความฝัน

ฟู่ว… อัลเจอร์พยุงตัวนั่ง สูดลมหายใจเข้าโดยไม่รู้ตัว มันเริ่มพบว่า แม้ความฝันเมื่อครู่จะคลุมเครือ แต่ก็ชัดเจนอย่างน่าประหลาด

ภายในความฝัน สิ่งที่พร่ามัวคือใบหน้าของสตรีลึกลับ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง และวังปะการัง ส่วนสิ่งที่คมชัดคือดวงตาซึ่งเหมือนกับมีสายฟ้าอันแน่น รวมไปถึงใบหูที่มีปลายแหลมเล็กๆ

เอลฟ์ชั้นสูง? มรดกบางอย่างของหล่อนถูกจันทราโลหิตกระตุ้น จึงร้องประสานเสียงกับตะกอนพลังผู้ขับขานสมุทรในตัวเราและส่งผลสืบเนื่องไปถึงความฝัน? อัลเจอร์ลองคาดเดา ภายในใจนึกสงสัยว่าจะเป็นวัตถุแบบใด

เนื่องจากถูกกำจัดการเข้าถึงข้อมูล จึงยังไม่รู้จักสมบัติวิเศษและสมบัติปิดผนึกมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทราบในสิ่งที่คนอื่นไม่ ช่วยให้สร้างข้อสันนิษฐานได้อย่างเลือนราง

ภัยธรรมชาติ โคฮีเน็ม?

หนังสือแห่งภัยธรรมชาติที่ท่านเหลือทิ้งไว้ น่าจะถูกส่งมาถึงเกาะปาซูแล้ว…

หลังจากเสร็จการรายงานความคืบหน้าและออกไปจากที่นี่ เราจะลองนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับมิสเตอร์ฟูล ถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะสร้างผลเสียใดหรือไม่…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ