ชั้นไม้วางเรียงราย อัดแน่นไปด้วยหนังสือสะสม มองผิวเผินดูเหมือนห้องสมุดส่วนตัว
ไคลน์กำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูง มองไปยังมุมหนังสือพิมพ์ประจำวัน พบทั้งหนังสือพิมพ์ทัสซอคและเบ็คลันด์รายวัน โฆษณาหนึ่งถูกแสดงในตำแหน่งที่โดดเด่น – ต้องการโอนหุ้น 10% ของบริษัทเบ็คลันด์จักรยาน
มิสเตอร์สแตนธอนยังทำงานได้ค่อนข้างไวเหมือนเดิม การตรวจสอบและประเมินมูลค่าเสร็จสิ้นภายในไม่กี่วัน… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณพลันถูกกระตุ้น
ชายหนุ่มรีบเปิดเนตรวิญญาณ มองเห็นผู้ส่งสารไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ โผล่ออกจากความว่างเปล่าตรงหน้า มือทั้งสองข้างยังคงถือศีรษะผมทองดวงตาแดงทั้งสี่เศียรไว้เช่นเคย หนึ่งในนั้นกำลังคาบซองจดหมาย
น่าจะเป็นคำตอบจากชารอน… ไคลน์ครุ่นคิด เหยียดแขนไปรับและพยักหน้า
“ขอบคุณ”
ขณะกล่าว ชายหนุ่มมองไปทางประตูห้องอ่านหนังสือตามจิตใต้สำนึก เพราะคนที่ยืนอยู่ด้านนอกคือบุรุษรับใช้ ริชาร์ดสัน
นำจดหมายออก คลี่กระดาษ ไคลน์กวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว เจ้าของจดหมายไม่ใช่ใครนอกจากชารอน เธอบอกว่าตนไม่มีความคิดที่จะซื้อขวดพิษชีวภาพในตอนนี้ เว้นเสียแต่จะขายไม่ออกเป็นเวลานาน เธอจะลองพิจารณาดูใหม่
สถานการณ์ทางการเงินไม่ค่อยดี? หรือเก็บเงินไว้ใช้ในเรื่องที่สำคัญกว่า? ไคลน์ครุ่นคิด เชื่อโดยสัญชาตญาณว่าเป็นอย่างหลัง เนื่องจากครึ่งเทพที่ชื่อว่า ‘ซัตทเวน’ ไม่สามารถอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ได้ตลอดเวลา ชารอนและมาริคจึงค่อนข้างเป็นอิสระจากการตามล่าของโรงเรียนกุหลาบ สามารถทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำด้วยพลังพิเศษในเส้นทาง นอกจากนั้น คล้ายกับพวกเขากำลังคุมตลาดอาวุธเถื่อนในผับวีรบุรุษ ทำหน้าที่สนับสนุนเอียนอยู่เบื้องหลัง ลำพังตรงนี้ก็ทำเงินได้มากโขแล้ว
ครุ่นคิดสักพัก ไคลน์เงยหน้า พบว่ามิสผู้ส่งสารยังคงจ้องตนด้วยดวงตาสีแดงสี่คู่แปดข้างโดยไม่หันไปทางอื่น
ชายหนุ่มตกใจมาก คิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะทวงหนี้ จึงกระแอมในลำคอและกล่าว
“ผมไม่ตอบจดหมาย… และภายในสัปดาห์นี้ หนี้ก้อนแรกจะถูกผ่อนชำระ”
ศีรษะทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พูดเรียงกัน
“ไม่จำเป็น…” “ต้องรีบ…” “ไม่มี…” “ดอกเบี้ย…”
มิสผู้ส่งสารใจดีผิดคาด… ไคลน์ถอนหายใจ ร่างของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์หายไปจากจุดที่เคยยืน กลับไปยังส่วนลึกของโลกวิญญาณ
เผากระดาษจดหมายเสร็จ มันพักผ่อนครึ่งชั่วโมง ก่อนจะตื่นและเดินไปที่ประตู บอกให้ริชาร์ดสันเตรียมรถม้า
ชายหนุ่มมีแผนจะแวะไปวิหารก่อนคาบเรียนปรัชญาในช่วงบ่าย
ตลอดการเดินทางอันราบรื่น ไคลน์ที่ดื่มชาดำเพียงไม่กี่จิบได้มาถึงจัตุรัสด้านนอกวิหารนักบุญแซมมวล
หลังจากสงบจิตใจด้วยการยืนมองนกพิราบขาว ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในประตูวิหาร เข้าไปในโถงสวดมนต์หลัก เลือกที่นั่งตามใจชอบ ริชาร์ดสันทำเหมือนกับครั้งก่อน ถือหมวกและไม้ค้ำของนายจ้าง นั่งเฉียงไปทางด้านหลัง
ระหว่างสวดมนต์ด้วยความคิดว่างเปล่า สัมผัสวิญญาณไคลน์ถูกกระตุ้นอีกครั้ง จึงลืมตาขึ้นและมองไปทางซ้าย
มันพบเลียวนาร์ด·มิเชล เจ้าของเส้นผมสีดำและดวงตาสีเขียว
เหยี่ยวราตรีรายนี้มิได้สวมเสื้อกันลม แต่เป็นเชิ้ตสีขาวที่ปล่อยชายออกนอกกางเกงขายาว สวมเสื้อกั๊กสีดำทับ ท่าทางสบายๆ
เมื่อเห็นว่าสุภาพบุรุษวัยกลางคนที่มีจอนสีเงินกำลังมองมาทางตน เลียวนาร์ดยิ้มรับและพยักหน้า ถอนสายตากลับ หลับตาลงและทำทีเป็นสวดมนต์
มันไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะสงสัยในเรื่องที่ตนหันไปมอง เพราะเมื่อครู่เป็นเพียงการชำเลือง ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น สาวกหลายคนก็มีพฤติกรรมแบบเดียวกัน
สุภาพบุรุษหน้าตาดีและสง่างามแทบทุกคน มักได้รับความสนใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เลียวนาร์ด·มิเชลก็เคยถูกมองอยู่บ่อยๆ จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
ทันใดนั้น เสียงค่อนข้างชราดังขึ้นในใจ
“เป็นเขา”
หึหึ… การลงทุนแวะมาที่โบสถ์ทั้งเมื่อวานและวันนี้ไม่ใช่เรื่องสูญเปล่า… เลียวนาร์ดครุ่นคิด ภายนอกยังสุขุม
ขณะเดียวกัน ไคลน์ที่แสร้งทำเป็นสวดมนต์ เริ่มผุดความฉงนขึ้นในใจ
สหายเลียวนาร์ดกลายเป็นคนเคร่งศาสนาตั้งแต่เมื่อไร?
จริงอยู่ เนื่องด้วยหน้าที่การงาน เขาจำเป็นต้องเคร่งศาสนามากกว่าเรา แต่ไม่ใช่ประเภทที่ต้องเข้าวิหารทุกวันแน่นอน อย่างมากก็สองสัปดาห์ต่อครั้ง หรือไม่ก็สัปดาห์ละครั้ง…
มีจุดประสงค์แอบแฝง? ไม่ผิดแน่… เมื่อครู่หมอนั่นมองมาที่เรา…
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์พลันตระหนัก
ชายชราในตัวเลียวนาร์ดคือเทวทูตจากตระกูลโซโรอาสเตอร์ อีกนัยหนึ่งก็คือ เทวทูตของเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ …
‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์เองก็เป็นราชาเทวทูตบนเส้นทางเดียวกัน มันสามารถมองเห็นหมอกสีเทา ถึงขั้นพยายามบุกรุก…
ดังนั้น คุณปู่ในร่างเลียวนาร์ดย่อมมีสิทธิ์สังเกตเห็นร่องรอยของหมอกสีเทาบนตัวเราเช่นกัน!
คิดได้เช่นนี้ หัวใจไคลน์พลันเต้นแรง กังวลว่ารอบตัวจะเต็มไปด้วยกับดักแสนอันตรายจากถุงมือแดง
ชายหนุ่มยังคงสวดวิงวอนในท่าเดิมไม่แปรเปลี่ยน ดวงตาใต้เปลือกตานิ่งสนิท มิได้กลอกซ้ายขวา นั่งสำรวมอย่างสงบและอดกลั้น กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้างภายในวิหารทุกประการ
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ชายหนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินไปยังแท่นบูชาและหยุดอยู่หน้ากล่องบริจาค หย่อนธนบัตรรวมห้าสิบปอนด์
จากนั้น ไคลน์ทำแบบที่เคยทำ ยิ้มและพยักหน้าให้เหล่าบิชอปกับนักบวชที่เข้าเวร อีกฝ่ายจึงตอบสนองกลับมาอย่างอ่อนโยน
เมื่อเดินออกจากวิหารนักบุญแซมมวล ไคลน์รับหมวกจากริชาร์ดสัน ยืนให้อาหารนกพิราบขาวกลางจัตุรัสราวสิบนาที
ด้านหลังของมัน สาวกที่สวดวิงวอนเสร็จเริ่มทยอยเดินออกมาทีละคนสองคน หนึ่งในนั้นคือเลียวนาร์ด·มิเชล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ