ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 768

ราชันเร้นลับ 768 : ‘การสนทนา’ ของคนฉลาด
ขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล? ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ? ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาถึงกับตกตะลึง

เธอไม่เคยสงสัยในความสามารถของมิสเตอร์ฟูล โดยเฉพาะหลังจากถูกลงโทษ หลังจากพบว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ซึ่งเป็นข้ารับใช้ พัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดด เธอก็ไม่คิดกังขาในความยิ่งใหญ่ของอีกฝ่ายอีกเลย และยังทราบด้วยว่า ขณะตนถูกมวลความรู้ปริมาณมหาศาลไล่ล่า มิสเตอร์ฟูลได้ดึงเธอเข้ามาที่นี่ผ่านสมบัติโบราณชนิดหนึ่ง หญิงสาวเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอีกฝ่ายมีระดับเทียบเท่า ‘ปราชญ์เร้นลับ’ และ ‘ดวงจันทร์บรรพกาล’ เป็นอย่างน้อย แต่ด้วยเหตุผลบางประการ มิสเตอร์ฟูลยังไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับโลกความจริงได้โดยตรง เธอจึงสงสัยว่าท่านคือเทพบรรพกาลสักตนที่กำลังฟื้นคืนพลัง

จากคำบอกเล่าของ ‘เดอะมูน’ สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ มิสเตอร์ฟูลสามารถมอบความช่วยเหลือแก่สมาชิกชุมนุมทาโรต์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่จำกัดแค่การมอบความรู้หรือดึงเข้ามาในมิติเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว

หมายความว่า หากเราตกอยู่ในอันตราย ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูลได้เช่นกัน… เรื่องนี้สุดยอดยิ่งกว่าพิธีกรรมใดทั้งหมด… ในทางกลับกันก็เป็นการบอกโดยนัยว่า มิสเตอร์ฟูลฟื้นคืนพลังได้เร็วกว่าที่เราคิดไว้มาก… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาใคร่ครวญหลายสิ่ง

‘จัสติส’ ออเดรย์ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค และคนอื่นๆ ไม่แปลกใจกับข้อมูลดังกล่าวสักเท่าไร พวกมันเคยสวดวิงวอนขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูลไม่มากก็น้อย บางคนเคยเห็นเทวทูตอันแสนสง่างามกับตาตัวเอง

เมื่อพบว่าสายตาทุกคู่จับจ้องมาทางตน ‘เดอะมูน’ เอ็มลินเชิดคางขึ้นและพูด

“ข้าเองก็ต้องจ่ายบางสิ่ง… นี่คือกฎของการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม!”

การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมอะไรกัน… ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีของตัวตนระดับทัดเทียมเทพ มันประเมินค่าไม่ได้เลยสักนิด! ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาอดไม่ได้ที่จะโต้แย้งในใจ

สาเหตุที่เธอไม่พูดออกไปเสียงดัง เพราะเธอเองก็หวังจะใช้ ‘การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม’ ในอนาคตเช่นกัน และนั่นหมายถึง เธอจะมีชีวิตมากกว่าผู้วิเศษคนอื่นๆ อีกหนึ่งชีวิต!

‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม มิสเตอร์มูนถึงต้องจงใจเน้นคำว่าการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม เพราะสำหรับชุมนุมทาโรต์แห่งนี้ ทุกคนที่สวดวิงวอนขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล ล้วนต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อทั้งนั้น!

มิสเตอร์มูนเป็นคนที่ใส่ใจกับภาพลักษณ์ตัวเองมาก… ไม่สิ ไม่ใช่คน ผีดูดเลือดต่างหาก… ‘จัสติส’ ออเดรย์สำรวจการเปลี่ยนแปลงเชิงอารมณ์ของเดอะมูนภายในช่วงเวลาสั้นๆ

การแลกเปลี่ยนดำเนินต่อไปอีกสักพัก จนกระทั่งชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์สิ้นสุดลง

กลับถึงเมืองเงินพิสุทธิ์ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคทบทวนข้อดีข้อเสียของ ‘ผู้รับรอง’ ที่มิสเตอร์แฮงแมนแจกแจงให้ฟัง จากนั้นก็เดินกลับไปยังตึกแฝดในทิศเหนือ เตรียมเลือกสมบัติวิเศษคู่กาย

มันไม่ได้ทำเช่นนี้ในตอนแรก เพราะหลังจากเลื่อนลำดับ สภาวะของพลังวิญญาณมักไม่มั่นคง กังวลว่าอาจคลุ้มคลั่งขณะสัมผัสกับสมบัติวิเศษ

ภายในยอดหอคอย หลังจากกรอกเอกสารแจ้งความประสงค์ เดอร์ริค·เบเกอร์ได้รับรายการสมบัติวิเศษพร้อมกับข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

เมื่ออ่านและตรวจทานอย่างรอบคอบ มันตีกรอบให้แคบลงจนเหลือเพียงสองตัวเลือก

ชิ้นแรกคือ ‘แหวนคาลดี้’ รูปลักษณ์เรียบง่าย ตัวแหวนเป็นสีเหล็กดำล้วน สลักลวดลายสีเข้มซับซ้อน เคยเป็นของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์เมื่อนานมาแล้ว มีพลังทำให้ผู้สวมใส่สร้างอาการ ‘มึนงง’ แก่เป้าหมาย สามารถตรึงศัตรูไว้ได้สักพัก นอกจากนั้นยังทำให้มนุษย์ปรกติสิ้นสติได้ชั่วคราว หรือไม่ก็ปลุกอารมณ์และความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในตัวสัตว์ประหลาดอันบ้าคลั่ง ทำให้พวกมันตกอยู่ในสภาวะสับสนเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ไม่หลงเหลือเจตนาในการโจมตี

อีกหนึ่งชิ้นก็คือ ‘เทพสายฟ้าคำราม’ ได้มาจากซากปรักหักพังของเมืองแห่งหนึ่ง น้ำหนักค่อนข้างมาก ลักษณะคล้ายค้อนยักษ์ ผิวโลหะเป็นสีน้ำเงินเข้ม มีสายฟ้าสีเงินอมขาวส่องสว่างรายล้อม หากจับไปที่ด้ามจะมอบความรู้สึกคล้ายกับได้จับกระดูกขาของสิ่งมีชีวิต มีพลังในการส่งเสียงคำรามที่ทำให้ศัตรูแตกตื่นและสับสนอลหม่าน ประหนึ่งเทพสายฟ้าเสร็จลงมายังผืนโลก แผดเสียงคำรามอย่างไม่ขาดสาย ทุกการฟาดฟันมาพร้อมพลังทำลายหนักหน่วง เฉกเช่นสายฟ้าที่โหมกระหน่ำ

ผลข้างเคียงของ ‘แหวนคาลดี้’ คือ ผู้สวมจะสร้างอีกหนึ่ง ‘ตัวตน’ ขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัว จำเป็นต้องได้รับการรักษาจาก ‘นักจิตบำบัด’ อย่างสม่ำเสมอ หากพลาดไปหนึ่งหรือสองครั้ง ปัญหาจะเรื้อรังจนเกินเยียวยา เกิดเป็นการต่อสู้ระหว่างสองตัวตน ท้ายที่สุดก็จะลงเอยด้วยการคลุ้มคลั่ง

ในทางกลับกัน ‘เทพสายฟ้าคำราม’ มีผลข้างเคียงไม่ร้ายแรงนัก จะทำให้ผู้ใช้งานสะสมความหงุดหงิดขึ้นเพิ่มเรื่อยๆ สามารถแก้ไขได้ด้วยการระบายอารมณ์อย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งผลเสีย ใครก็ตามที่ถือมัน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิด โอกาสที่จะถูกสัตว์ประหลาดจู่โจมคือหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม!

โอกาสถูกโจมตีหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์… อ่านข้อมูลดังกล่าวจบ เดอร์ริครู้สึกหดหู่ เพราะถ้าจำไม่ผิด ในอดีตเคยมีชาวเมืองเงินพิสุทธิ์จำนวนมากหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา

อาจมีอดีตผู้ใช้งาน ‘เทพสายฟ้าคำราม’ อยู่ในกลุ่มนั้นไม่มากก็น้อย!

เลือกอันไหนดี? การสร้างอีกหนึ่ง ‘ตัวตน’ นั้นอันตรายมาก มิสจัสติสเคยเรียกลักษณะแบบว่า อาการบุคลิกภาพแยกส่วน… เทพสายฟ้าคำรามไม่เพียงจะปั่นป่วนศัตรู แต่ยังมีพลังทำลายในเชิงรุกค่อนข้างสูง… ขวานเฮอร์ริเคนของเราถูกใช้งานอย่างหนักมาตลอด คงหมดอายุขัยก่อนกำหนด… เราสามารถเปล่งแสงออกจากร่างกายตัวเอง ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความมืดมากนัก… เดอร์ริคครุ่นคิดสักพัก ชี้ปลายนิ้วไปยังค้อนสีน้ำเงินเข้ม

“ผมเลือกเทพสายฟ้าคำราม”

บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ไคลน์ที่เพิ่งเดินออกจากห้องนอนใหญ่ เห็นพ่อบ้านวอลเตอร์รออยู่ด้านนอก ถือบัตรเชิญสองสามใบไว้ในมือ

“นายท่าน วันนี้มีจดหมายเชิญถูกส่งมาสามฉบับ ประกอบด้วย เชิญไปดื่มชายามบ่ายในวันพุธ เชิญไปร่วมซาลอนวรรณกรรมวันศุกร์ และเชิญไปรับประทานอาหารเย็นในวันเสาร์ จดหมายถูกส่งมาจาก…”

ไคลน์ฟังด้วยสีหน้าอ่อนโยน ยิ้มและกล่าว

“ไปบอกกับผู้เชิญที่เป็นมิตรเหล่านี้ว่า ผมจะเข้าร่วม”

“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์โค้งคำนับ เดินลงจากชั้นสาม

เมื่อเห็นแผ่นหลังของอีกฝ่ายหายไปจากบันได ไคลน์ถอนหายใจเงียบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ