ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 771

สรุปบท ราชันเร้นลับ 771 : โจรปล้นดวง: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปตอน ราชันเร้นลับ 771 : โจรปล้นดวง – จากเรื่อง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

ตอน ราชันเร้นลับ 771 : โจรปล้นดวง ของนิยายInternetเรื่องดัง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ราชันเร้นลับ 771 : โจรปล้นดวง
‘อสรพิษ’ แห่งชะตาต้องการสิ่งตอบแทนแบบไหน? ไคลน์ครุ่นคิดพลางลุกขึ้นนั่ง นำหมอนมาหนุนแผ่นหลัง

ชายหนุ่มใช้สมองสักพัก ก่อนจะตัดสินใจยังไม่ด่วนสรุป เพราะอย่างน้อยก็ยังมีเวลาอีกกว่าหนึ่งเดือนก่อนที่วิล·อัสตินจะคลอด ตนสามารถโยนคำถามดังกล่าวไปให้ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาหรือ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตที่อยู่เบื้องหลังคิดแทน

แน่นอน ไคลน์ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ในเรื่องที่วิล·อัสตินจะคลอดก่อนกำหนด

ชายหนุ่มค่อยๆ หันมาสนใจเรื่องการสร้างยันต์จากหนอนกาลเวลา ตามข้อมูลที่อสรพิษแห่งชะตาบอกเล่า ตนบรรลุเงื่อนไขเกือบทั้งหมดแล้ว ขาดเพียงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้อง

สวดวิงวอนถึงเดอะฟูล อาศัยพลังของมิติลึกลับเหนือสายหมอก… เราไม่แน่ใจว่าสัญลักษณ์ของเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ จะใช้ได้ผลไหม… แต่ถึงจะใช้ได้ เราก็ยังไม่เคยเห็นสัญลักษณ์นั่นอยู่ดี เว้นเสียแต่จะดึงผู้วิเศษเส้นทางนักจารกรรมเข้ามาในมิติหมอกจนสัญลักษณ์ปรากฏขึ้นหลังเก้าอี้… ขณะไคลน์ไตร่ตรอง มันผุดไอเดียใหม่กะทันหัน

ถ้าอย่างนั้น… ทำไมไม่ลองใช้สัญลักษณ์จากเก้าอี้เดอะฟูล?

สัญลักษณ์ดังกล่าวประกอบด้วย ‘เนตรไร้รูม่านตา’ ที่หมายถึงความลับ และ ‘เส้นเกลียว’ ที่หมายถึงความเปลี่ยนแปลง!

ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ไหม… การทำนายก็ไม่สามารถยืนยันผลลัพธ์ แต่ก็พอจะคาดเดาความสำเร็จได้คร่าวๆ … และถึงจะล้มเหลว ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหามากมายอะไร เพราะนี่เป็นการสวดวิงวอนถึงตัวเอง ต่อให้วัสดุหายไปในการทดลอง ปลายทางก็ยังเป็นมิติหมอก ไม่ได้หายไปไหน… คิดถึงตรงนี้ ไคลน์เริ่มตื่นเต้น อดไม่ได้ที่ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อ ‘ทดลอง’ ทันที!

‘หนอนกาลเวลา’ คือวัสดุที่อยู่บนเส้นทางนักจารกรรม เกิดจากฝีมือครึ่งเทพในระดับเดียวกับอามุนด์ ถึงตัวหนอนจะตายไปแล้ว แต่แก่นสารของมันยังอยู่ ระดับตัวตนยังคงเท่าเดิม หากนำไปสร้างเป็นยันต์ แม้พลังจะไม่ทัดเทียมเทวทูตด้วยหลายๆ เหตุผล แต่ก็หนีกันไม่มากนัก ระดับใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของนักบุญ หากไคลน์ผลิตขึ้นมาได้ จะเท่ากับมีไพ่ตายเพิ่มอีกหนึ่งใบ ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน นั่นไม่ต่างอะไรกับการมีชีวิตเพิ่มอีกหนึ่งชีวิต แล้วจะไม่ให้ตื่นเต้น ไม่ให้คาดหวังได้อย่างไร?

เนื่องจากเรายังใช้พลังของมิติหมอกได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ระดับของยันต์หนอนกาลเวลาคงลดลงเล็กน้อย… แต่ถึงอย่างนั้นก็คงดีกว่ายันต์ ‘กฎหมายที่เก้า’ ของพลเรือเอกอมิรุส… ถ้าเราใช้ ‘ออร่าของผู้ละเมอ’ เพื่อสร้างเป็นยันต์ขั้นสูงในขอบเขต ‘ปีศาจ’ ระดับคงทัดเทียมกับกฎหมายที่เก้า แต่น่าเสียดาย เราไม่กล้าสวดวิงวอนถึงด้านมืดของเอกภพ… ไคลน์ในสภาพสวมชุดนอน ฝ่าเท้าเปลือยเปล่า เดินถอยหลังสี่ก้าวบนพรมหนานุ่ม สวดวิงวอนเสียงต่ำ ส่งตัวเองเข้ามิติหมอก

หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะทองแดงยาวของเดอะฟูล ชายหนุ่มเสกปากกาหมึกซึมสีแดงเข้มและกระดาษหนังสีน้ำตาล เขียนประโยคทำนาย

“ยันต์ที่เรากำลังจะสร้าง ผลลัพธ์ออกมาราบรื่น”

คลายลูกตุ้มออกจากข้อมือ ไคลน์ถือโซ่เงินด้วยมือซ้าย เริ่มเข้าฌาน

หลังจากทวนประโยคทำนายซ้ำเจ็ดครั้ง ชายหนุ่มลืมตาขึ้น มองตรงไปข้างหน้า เห็นจี้บุษราคัมหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วค่อนข้างช้า วงในการแกว่งปรกติ

ราบรื่น… แต่คำถามคือ ราบรื่นเพราะสัญลักษณ์ดังกล่าวใช้งานได้ หรือราบรื่นเพราะล้มเหลวแต่ปลอดภัย? ไคลน์ นักทำนายมากประสบการณ์ พยายามตีความวิวรณ์ แต่ก็ไม่พบคำตอบที่แน่ชัด

สำหรับเรื่องนี้ มันไม่มีทางเลือกนอกจากทดลองด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถสรุปผล

ถัดมา ไคลน์เขียนประโยคทำนายใหม่

“การลอบสังหารมิสเตอร์ X ในวันศุกร์ของสัปดาห์นี้ ถือเป็นเรื่องอันตราย”

ท่องครบเจ็ดครั้ง จี้บุษราคัมยังคงหมุนตามเข็มนาฬิกา แต่เร็วกว่าและกว้างกว่าเดิมพอสมควร

มีอันตราย แต่ไม่มาก ยังไม่ถึงจุดที่เข้าไปพัวพันกับครึ่งเทพ ไม่ต้องพูดถึงราชาเทวทูต… หากมีบุคคลระดับดังกล่าวเข้ามาพัวพันจริง การทำนายของเราต้องได้ผลลัพธ์ล้มเหลวเนื่องจากถูกกีดขวาง… ดูเหมือนว่า ‘เทวทูตโชคชะตา’ โอโรเลอุส ใกล้จะถูกล่อลวงออกจากเบ็คลันด์แล้ว… หมายความว่า อันตรายจากการทำนายหมายถึงมิสเตอร์ X และสมุนของมันเป็นหลัก… ยังอยู่ในขอบเขตที่เราสามารถรับมือได้… ตราบใดที่เราไม่พลาดเอง โอกาสสำเร็จจะสูงมาก… เมื่อตัดสินใจได้ ไคลน์วางปากกาลง ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญศาสตร์เร้นลับที่มักสร้างยันต์ขึ้นเอง ชายหนุ่มมีวัสดุเพียบพร้อม เทียนไขถูกหยิบออกมาวางบนโต๊ะอ่านหนังสือและจุดไฟ มอบแสงสลัวคล้ายยามพลบค่ำ เกิดเป็นแท่นบูชาเรียบง่าย จากนั้นก็ใช้มีดแกะสลักวาดสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของ ‘เดอะฟูล’ ลงบนผิวแผ่นเงิน

เนื่องจากไคลน์ไม่ทราบว่า ‘เดอะฟูล’ สอดคล้องกับตัวเลขใด สัญลักษณ์แบบไหน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากสลักทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้เหมือนกัน สิ่งนี้เป็นไปตามหลักการที่เขียนไว้ในหนังสือเกี่ยวกับยันต์ แต่ก็จะสูญเสียพลังไปบางส่วน และโอกาสล้มเหลวจะเพิ่มขึ้น เพราะตัวตนลึกลับที่สวดวิงวอนถึง อาจมองว่าผู้สลักยันต์ไม่ได้ศรัทธาตนมากพอ ทว่า สำหรับไคลน์ เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา เพราะมันไม่มีทางไม่ชอบตัวเอง

หลังจากกรีดร่องบนผิวเงินเสร็จ ไคลน์หยิบขวดโลหะ ใช้พลังวิญญาณเพื่อถ่ายเทปรอทในขวด เติมเต็มร่องบนผิวเงินที่สลักไว้

แต่ครั้งนี้ ชายหนุ่มทำแค่ด้านเดียว จากนั้นก็ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเองทันที ตอบสนองตัวเอง นำหนอนกาลเวลาที่มีวงแหวนมายาสิบสองวงกลับไปยังห้องนอนใหญ่ วางหนอนทาบลงบนแผ่นเงินแท้

จัดการทั้งหมดเสร็จ ไคลน์ตั้งแท่นบูชา ถอยหลังสองก้าว เปล่งเสียงเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ… ขณะศัตรูกำลังจะฆ่าเรา ยันต์แผ่นนี้จะทำการโอนถ่ายชะตาของอีกฝ่ายมาเป็นของเรา ช่วยให้เรารอดชีวิต และชะตากรรมที่ต้องตายของเราจะถูกย้ายไปอยู่กับเป้าหมายแทน จากนั้น เมื่ออีกฝ่ายลงมือเสร็จ มันจะพบว่าเป็นตัวเองที่ต้องตาย ไม่ใช่เรา… สอดคล้องกับพลังพิเศษของเส้นทางนักจารกรรม ทั้งชั่วร้ายและน่าพรั่นพรึง… เปลี่ยนจากการขโมยเงินเป็นขโมยโชคชะตา… หากหนอนกาลเวลายังมีชีวิตอยู่ และหากเราสามารถใช้พลังของมิติสายหมอกได้เต็มประสิทธิภาพ ยันต์แผ่นนี้อาจมีพลังไปถึงขอบเขตของกาลเวลา… ไคลน์ครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย ภายในใจรู้สึกหวาดหวั่นเล็กๆ

หากมันไม่มีความช่วยเหลือจากมิติหมอกเพื่อ ‘ฆ่าเชื้อโรค’ หากปราศจากพลังในการกีดขวางอันตราย ต่อหน้าหนอนกาลเวลา มันไม่มีหนทางเอาตัวรอดแม้แต่น้อย!

ฟู่ว… แต่ตอนนี้ ยันต์เป็นของเราแล้ว… ไม่ควรเรียกว่าหนอนกาลเวลาอีก คงต้องเรียกมันว่า ‘โจรปล้นดวง’ … ไคลน์เริ่มดำเนินกระบวนการส่งยันต์ ‘โจรปล้นดวง’ กลับสู่โลกความจริง

จัดการพิธีกรรมเสร็จ ชายหนุ่มบรรจุยันต์ลงในกล่องบุหรี่เหล็กอย่างระมัดระวัง วางไว้ข้างนกหวีดทองแดงอะซิกและเหรียญทองของเซนอล ปิดทับอีกชั้นด้วยกำแพงวิญญาณ

ไคลน์ที่กลับมาอารมณ์ดีอีกครั้งหลังจากห่างหายไปพักใหญ่ ออกแรงดึงผ้าม่านจนมีช่องว่างให้แสงจันทร์ลอดผ่าน มอบความสว่างแก่ห้องนอนอันเงียบสงบ

ขณะชื่นชมทัศนียภาพ มันเหลือบไปเห็นร่างของคนผู้หนึ่งกำลังย่องออกจากบ้านส.ส. มัคท์ เดินหลบไปตามเงามืด ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้บ้านของตน

ไม่ใช่ใครนอกจากเฮเซล·มัคท์ เธอเดินมายังฝาท่อระบายน้ำอีกครั้ง เปิดฝาออก ปืนลงไปและปิดจากด้านใน

ทำไมถึงเอาแต่เข้าไปในท่อระบายน้ำ? ไม่ไปเล่นบทฮีโร่ในพื้นที่อื่นบ้าง? การเดินทางแต่ละครั้งใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ… เว้นเสียจะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือยืนยันว่าภายในท่อระบายน้ำมีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ การเดินหาอย่างส่งเดชไม่มีทางได้พบอะไร… ยิ่งไปกว่านั้น พฤติกรรมเช่นนี้รังแต่จะทำให้หน่วยพิเศษของทางการตรวจพบความผิดปรกติ… ผนวกกับภาพเหตุการณ์ที่เราเห็นจาก ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดส คล้ายกับเธอกำลังค้นหาบางอย่าง… เฮ่อ… ไม่รู้หรือไงว่าในท่อระบายน้ำของเมืองหลวงเต็มไปด้วยอันตราย? ไคลน์ยืนที่อยู่ด้านหลังช่องว่างผ้าม่าน เฝ้ามองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนอันเงียบสงัด

ชายหนุ่มไม่ได้พยายามตักเตือนเฮเซล ไม่ได้ใช้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เข้าสิงร่างโดยตรงเพื่อให้อีกฝ่ายตระหนักถึงความน่ากลัวของโลกผู้วิเศษ ส่วนหนึ่งเพราะยังไม่แน่ใจว่า การที่เฮเซลประมาทเช่นนี้ เพราะยังไม่รู้จักโลกของศาสตร์เร้นลับดีพอ หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง ชายหนุ่มยังไม่ทราบว่าเฮเซลได้รับโอสถหรือสมบัติวิเศษมาจากใคร การตักเตือนด้วยความหวังดี อาจดึงดูดอันตรายเข้ามาหาโดยไม่จำเป็น

หลังจากดื่มด่ำไปกับค่ำคืนแสนสงบสุข ไคลน์กลับไปนอนบนเตียง หลับยาวจนกระทั่งรุ่งสาง

ก่อนที่ริชาร์ดสันจะเข้ามา มันแปลงโฉมเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ สวดวิงวอนถึงเดอะฟูล

“ผมรับงานนี้ได้ แต่ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ผมต้องการยืมกำไลข้อมือของคุณและหินภายในนั้น รวมถึงสิทธิ์ในการยืมใช้งานหนังสือเวทมนตร์ของคุณเป็นระยะเวลาหนึ่ง… ถ้าสำเร็จ ทรัพย์สินของเหยื่อจะตกเป็นของผมทั้งหมด คุณจะได้แค่ศีรษะของเป้าหมาย… และในกรณีที่จำเป็น คุณต้องยื่นมือช่วยเหลือ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ