โดยไม่มัวลังเล ถุงมือข้างซ้ายของไคลน์กลายเป็นสีโปร่งใส ก่อนจะหายตัวไปโผล่ข้างอัลเจอร์
ขณะนำมือทาบลงบนไหล่แฮงแมน ไคลน์บังคับให้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลเก็บตะกอนที่พลังคล้ายแมงกะพรุนและรีบใช้พลัง ‘กระโดดผิวกระจก’ เพื่อกลับเข้ามาในเหรียญทองในกล่องบุหรี่โลหะ
วินาทีถัดมา ร่างของไคลน์และอัลเจอร์เลือนหายไป ทิ้งให้ห้องเก็บศพเหลือเพียงความเงียบสงัด
คนทั้งสองปรากฏกายอีกครั้งกลางอากาศ ด้านบนคือดวงจันทร์สีแดงเข้ม ด้านล่างเป็นปุยเมฆ
ด้วยสัญชาตญาณ ไคลน์และอัลเจอร์หันกลับไปมองเกาะโบราณพร้อมกัน สงสัยว่าเกิดอะไรกันแน่
ขณะได้ยินเสียถอนหายใจ ไม่มีใครสัมผัสถึงอันตราย แต่ประสบการณ์และสัญชาตญาณของทั้งสองคนต่างร้องบอกให้รีบหนี และเมื่อย้ายตัวเองมายังจุดปลอดภัย จึงอดไม่ได้ที่จะผุดคำถามมากมาย
ในการมองเห็นของพวกมัน หมอกหนาทึบที่ปกคลุมเกาะเริ่มสลายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้แสงจันทร์สีแดงเข้มฉายลงไปยังเบื้องล่างอย่างชัดเจน
ท่ามกลางเสียงสายลมที่อัลเจอร์เสกขึ้นมาช่วยพยุงให้ลอย ไคลน์มองเข้าไปในหมอกจางๆ และเริ่มเห็นภาพรวมของเกาะ
มันหายไป
เกาะโบราณที่มีงูขนนกครึ่งเทพและสัตว์วิเศษอีกนานับชนิด ตอนนี้หายไปแล้ว!
ณ จุดที่เคยเป็นผืนเกาะขนาดมหึมา น้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มกำลังกระเพื่อมอ่อนโยนตามจังหวะคลื่น ไม่มีสิ่งใดดูผิดธรรมชาติ!
อัลเจอร์รีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและสัมผัสสิ่งของภายใน ควานหาผลึกแก่นของการ์กอยล์ที่เกือบทำให้ตนเป็นหิน
หากไม่ใช่เพราะสิ่งของเหล่านี้ยังอยู่ มันคงเชื่อว่าตนและเกอร์มัน·สแปร์โรว์เกิดหลงทาง ไปไม่ถึงเกาะโบราณซึ่งเป็นเป้าหมาย หลงสำรวจในดินแดนความฝันที่ไม่มีอยู่จริง
ไคลน์เองก็คิดแบบเดียวกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงภาพหลอน เพราะเหนือสิ่งอื่นใด เกาะโบราณซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์วิเศษและกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ยุคเก่า ไม่น่าจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่ผิวน้ำทะเลก็ยังไม่หลงเหลือเบาะแส
โชคดีที่เราตัดสินใจหนีทันที ไม่อย่างนั้น เรากับมิสเตอร์แฮงแมนอาจหายไปเหมือนกับเกาะ… ไคลน์ขอบคุณตัวเอง ก่อนจะยื่นแขนออกไปจับไหล่อัลเจอร์และพาท่องโลกวิญญาณด้วยพลัง ‘ท่องเที่ยว’
ฉากสุดท้ายของท้องทะเลที่ปรากฏแก่สายตาคนทั้งสองก็คือ ภาพของหมอกสีขาวที่ค่อยๆ กลับมาถมแน่นอีกครั้ง
หลังจาก ‘ท่องเที่ยว’ อีกหนึ่งรอบ ไคลน์และอัลเจอร์มาโผล่บนเกาะทะเลทรายแห่งเดิม แต่คราวนี้เป็นการยืนบนแนวปะการัง จ้องมองคลื่นทะเลซัดกระทบฝั่งจนเกิดเสียงดัง
อัลเจอร์กวาดสายตา ถอนหายใจเงียบ ล้วงหยิบลูกตาและแก่นผลึกของการ์กอยล์หกปีกออกมา
“นี่เป็นส่วนกลาง คุณเลือกก่อน”
จากการประเมินของมัน มีเพียงสิ่งของจากการ์กอยล์หกปีกเท่านั้นที่ต้องหารเท่า เพราะศพของสัตว์ประหลาดสามตนถือเป็นรางวัลของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แต่เพียงผู้เดียว
ไคลน์ไม่ตอบอะไร เพียงบังคับให้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลปรากฏกายพร้อมกับนำไพ่ทรราชออกมา รวมถึงตะกอนพลังที่คล้าย ‘โคลน’ สีน้ำตาลและวัตถุคล้ายแมงกะพรุนสีคราม อย่างหลังน่าจะเป็นตะกอนพลังของผู้ขับขานสมุทร
จัดการเสร็จ มันกล่าว
“ทุกชิ้นคือส่วนกลาง แต่ผมเลือกก่อน และเป็นฝ่ายเลือกสามชิ้นรวด”
ความนัยแฝงก็คือ นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างมนุษย์สองคนกับหนึ่งการ์กอยล์และสามศพ อัลเจอร์เองก็แสดงฝีมือไม่น้อย แปลว่าสมบัติทั้งหมดต้องถูกนำมารวมกันเป็นกองเดียวแล้วค่อยแบ่ง
แต่จากผลงาน เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีสิทธิ์ได้เลือกก่อน และต้องเป็นสามชิ้นรวด
อัลเจอร์ผงะเล็กน้อย เริ่มมองนักผจญภัยเสียสติรายนี้ในแง่มุมใหม่ ตามด้วยพยักหน้า
“ตกลง”
ไคลน์เหยียดแขนออกไปหาหุ่นเชิด เลือกหยิบไพ่ทรราชด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“นับเป็นสองชิ้น”
ด้วยไพ่เย้ยเทพใบนี้ เมื่อใช้งานพร้อมกับคทาเทพสมุทร ร่างวิญญาณของตนจะทรงพลังทัดเทียมครึ่งเทพเลยทีเดียว
แถมยังมีประโยชน์มากในการสวมรอยเป็นเทพสมุทรให้สมจริง
อย่างไรก็ตาม คุณค่าที่สำคัญที่สุดของไพ่ทรราชก็คือ สูตรโอสถของทุกลำดับบนเส้นทาง รวมถึงการช่วยให้ผู้ถือ ‘ดึงดูด’ วัตถุดิบหลักของโอสถหลังจากกลายเป็นลำดับ 4
ย้อนกลับไปในห้องเก็บศพ เนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าพลัง ‘ทะลวงจิต’ จะใช้ได้ผลกับการ์กอยล์หรือไม่ และไม่ควรปล่อยให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน อัลเจอร์จึงไม่กล้าใช้ ‘แส้จิต’ ส่งเดช
หลังจากเก็บสิ่งของแยกกล่อง ผนึกทุกกล่องด้วยกำแพงวิญญาณ ไคลน์เก็บเซนอลเข้าไปในเหรียญทอง เหยียดแขนไปหาอัลเจอร์และเปลี่ยนให้ร่างกายอีกฝ่ายล่องหน พาเข้าสู่โลกวิญญาณ
เมื่อการ ‘ท่องเที่ยว’ จบลง คนทั้งสองปรากฏตัวในสุสานบนไหล่เขาริมทะเลด้านนอกเมืองบายัม ราวกับไม่เคยเดินทางไปไหน
อัลเจอร์ไม่บ้าน้ำลาย เพียงพยักหน้ารับและพูดกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์โดยไม่อ้อมค้อม
“ถ้าคุณต้องการสร้างสมบัติวิเศษ ผมยินดีช่วยออกค่าใช้จ่าย… ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน”
ไคลน์ผู้สวมถุงมือโปร่งแสง ‘อืม’ ในลำคอก่อนจะหายตัวไป
มันเคลื่อนย้ายตัวเองมายังมุมเปลี่ยวๆ แห่งหนึ่งภายในบายัม
“ก่อนอื่นก็ต้อง… เลือกโจรสลัดผู้โชคดีมาหนึ่งคน” ไคลน์บริหารนิ้วมือข้างซ้าย เดินย่ำออกจากตรอกพลางสำรวจรอบๆ
แน่นอน มันไม่ลืมทำสิ่งที่สำคัญอย่างการแปลงโฉม รวมถึงป้ายเลือดลงบนสมุดเวทมนตร์เลมาโน่ ปัจจุบัน ป้ายประกาศค่าหัวของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถูกติดไปรอบเมือง และที่บายัมมี ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนคอยดูแล การถูกจดจำใบหน้าได้ หรือการบังเอิญหลงทาง คงไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีนัก
…
บนไหล่เขาริมทะเลนอกเมืองบายัม อัลเจอร์กำลังแหงนมองท้องฟ้าสีดำและดวงจันทร์สีแดง ถอนหายใจเข้าออก ปล่อยให้สายลมที่สดชื่นเจือความเค็มชะล้างร่างกาย
การสำรวจเมื่อครู่ ถือเป็นประสบการณ์ที่เฉียดใกล้ความตายมากที่สุดในชีวิตมัน หากไม่ใช่เพราะเกอร์มัน·สแปร์โรว์ใช้ยุบพองหิวโหยเพื่อ ‘ท่องเที่ยว’ หนีออกมา เกรงว่าทั้งคู่คงไม่รอดมาจนถึงตอนนี้
แต่ว่า ในฐานะข้ารับใช้ของเดอะฟูล เดอะเวิร์ลคงมีอีกหลายไพ่ตาย เช่นพลังระดับครึ่งเทพในบันทึกการเดินทางของเลมาโน่…
ไม่สิ ถ้าเขาไม่มียุบพองหิวโหยซึ่งมีพลัง ‘ท่องเที่ยว’ พวกเราคงไปไม่ถึงห้องเก็บศพ ติดแหง็กอยู่ระหว่างทาง…
อา… คงเพราะการมีอยู่ของไพ่เย้ยเทพเส้นทางพายุ นักผจญภัยเสียสติรายนี้ถึงได้ทำตัวเยือกเย็น… หรือนี่จะเป็นภารกิจโดยตรงจากมิสเตอร์ฟูล? ต้องใช่แน่ ท่านมองเห็นล่วงหน้า! และบางที ท่านอาจรู้จักกับเจ้าของเสียงถอนหายใจนั่น…
ย้อนกลับไปในอดีต คีลิงเกอร์เองก็คงเห็นไพ่เย้ยเทพ แต่ไม่มีวิธีช่วงชิงมาเป็นของตัวเอง มันถึงพูดแบบนั้นออกมา… อัลเจอร์ครุ่นคิดหลายสิ่งขณะเดินลงจากเขา

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ