ไคลน์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ กล่าวขณะกำลังหมุนตัว
“เมื่อก่อนผมฝันร้ายบ่อยครั้ง แต่ต้องขอบคุณพรจากเทพธิดา ตัวผมที่แวะไปสวดมนต์และดื่มน้ำมนต์ที่โบสถ์จึงหยุดสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก”
เฮเซลแหงนหน้ามอง เงียบไปสักพัก
“ฝันร้ายแบบไหน”
เธอสนใจหัวข้อนี้จริงๆ … วิล·อัสตินแม่นมาก… ไคลน์ตอบพลางยิ้ม
“ท่ามกลางวิหารร้างที่ทรุดโทรม ผมกำลังถูกสัตว์ประหลาดไล่ล่า… แต่สิ่งที่อยู่ในความฝันมักคลุมเครือ ผมเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นหน้าตาเป็นยังไง”
เฮเซลไม่กล่าวคำใด แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเผยความไม่พอใจชัดเจน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอเชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในความฝัน ไม่จำเป็นต้องพร่ามัวเสมอไป
ไคลน์ก้าวเฉียงไปข้างหน้า ยิ้มและเล่าต่อ
“แน่นอน ผมเคยมีความฝันที่ชัดเจนเช่นกัน… สมัยที่ยังอยู่ทวีปใต้ ผมเคยฝันถึงอนุสาวรีย์บรรจุศพกลับหัว อาคารทั้งหลังสร้างจากหินสีดำสนิท ขยายลึกลงไปใต้ดิน ในตัวอาคารมีซอมบี้ขนนกสีขาวลุกขึ้นมาต้อนรับผม ฝันเช่นนี้อยู่เป็นเวลานาน… อันที่จริงก็ไม่อยากเล่าให้ใครฟังสักเท่าไร เพราะมันน่าอาย ผมกลัวถึงขั้นแวะไปยังสโมสรพยากรณ์ในเมือง ให้พวกเขาช่วยแปลความฝัน จับใจความได้ว่า ในตอนที่ผมตระเวนซื้อสินค้าท้องถิ่น บังเอิญไปทำให้ชนเผ่าที่บูชาเทพมรณาไม่พอใจเข้า… น่าเหลือเชื่อมาก หลังจากผมเดินทางไปที่เผ่าเพื่อขอโทษและมอบของขวัญ รวมถึงเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกเขา ผมก็ไม่เคยฝันแบบนั้นอีกเลย”
เรื่องราวข้างต้นถูกแต่งขึ้นจากประสบการณ์สมัยเป็นนักทำนาย จุดประสงค์คือการตรวจสอบท่าทีของเฮเซล ดูว่าเธอจะเผยความผิดปรกติหรือไม่ นอกจากนั้นก็ยังแฝงคำแนะนำอย่างแนบเนียน เป็นการเตือนเฮเซลว่า หากเผชิญหน้ากับความฝันประหลาด ทางที่ดีควรแวะไปยังสโมสรพยากรณ์หรือวิหารเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยแปลความฝัน อย่าเดาเองส่งเดช
เมื่อวิล·อัสตินระบุว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับเฮเซล และปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยการชวนคุยเกี่ยวกับความฝัน ไคลน์เดาว่าเฮเซลคงฝันซ้ำซากอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นก็คงหาเหตุผลอื่นมาอธิบายไม่ได้ ว่าทำไมผู้วิเศษลำดับ 8 ถึงมีปัญหากับความฝัน จริงอยู่ เธออาจจะขาดประสบการณ์ในโลกเหนือธรรมชาติ แถมยังเป็นคนโอหัง แต่พื้นเพก็ยังเป็นสุภาพสตรีชนชั้นสูงที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ไม่น่าจะเคยผจญภัยในป่าและเผลอลบหลู่ตัวตนลึกลับ ไม่เพียงเท่านั้น บิดาของเธอยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ย่อมต้องมีผู้วิเศษคอยคุ้มครอง ไม่น่าจะได้รับอิทธิพลจากคนภายนอกง่ายๆ
ดังนั้น ไคลน์จึงเชื่อว่าเฮเซลน่าจะเผลอไปสัมผัสบางสิ่งเข้า หรือไม่ก็ นิสัยของเธอถูกใจผู้วิเศษที่แข็งแกร่งบางคน อีกฝ่ายจึงพยายามชี้นำผ่านความฝัน ค่อยๆ สอนให้ก้าวเข้าสู่โลกผู้วิเศษ แต่ไม่สอนให้เห็นถึงความน่ากลัว ขณะเดียวกันก็คอยหลอกล่อให้เธอขุดหาบางอย่างในท่อระบายน้ำ
มีสองปัจจัยที่ทำให้ไคลน์มั่นใจในทฤษฎีของตัวเอง หนึ่งคือพูดของวิล·อัสติน และอีกหนึ่งคือ ลำดับ 5 เส้นทาง ‘นักจารกรรม’ มีชื่อว่า ‘นักชิงฝัน’ ย่อมต้องมีพลังมากกว่าการช่วงชิงความคิดและการกระทำแน่!
เฮเซลฟังการบรรยายของดอน·ดันเตสอย่างใจเย็น กล่าวหลังจากผ่านไปราวสิบวินาที
“แล้วทำไมคุณถึงไม่แวะไปที่วิหารของเทพธิดา?”
เป็นอย่างที่คิด เธอตอบสนองต่อหัวข้อที่เกี่ยวกับความฝัน แต่ก็ยังไม่เผยท่าทีมากนัก… ไคลน์ยิ้มขื่นขม
“แถวนั้นไม่มีวิหารของเทพธิดา เป็นเขตความเชื่อของเทพจักรกลไอน้ำ”
เฮเซลไม่ชวนคุยต่อ ดึงสมาธิกลับไปที่การเต้นรำของตัวเอง ดื่มด่ำไปกับดนตรีพื้นหลัง
ไคลน์เองก็เงียบลง เต้นรำไปพร้อมกับหญิงงามท่ามกลางท่วงทำนองไพเราะ
เมื่อเพลงจบ ชายหนุ่มส่งเฮเซลกลับตำแหน่งเดิม ก่อนจะเดินไปทางโต๊ะยาวด้วยความหิวโหย หยิบชาเย็นหนึ่งแก้ว
ทันใดนั้น มันเห็นบิชอปอีเล็คตร้ากำลังเพลิดเพลินไปกับไวน์แดง
แตกต่างจากโบสถ์วายุสลาตันและโบสถ์เทพสงคราม เหล่านักบวชของโบสถ์รัตติกาลจะดื่มของมึนเมาได้ไม่มากนัก และห้ามดื่มเหล้ากลั่นโดยเด็ดขาด อนุญาตเพียงแชมเปญ เบียร์ และไวน์ในปริมาณเล็กน้อย
“เป็นยังไงบ้าง? นี่คงเป็นงานเลี้ยงเต้นรำครั้งแรกที่คุณเป็นเจ้าภาพสินะ?” บิชอปอีเล็คตร้ายิ้มและยกแก้ว
ไคลน์ยิ้มตอบ
“ลำบากพอสมควร มีอุปสรรคไม่น้อยทีเดียว… ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ การเต้นรำหลายรอบติดๆ กันทำเอาหมดแรงและเหงื่อออก ส่งผลให้กระหายน้ำบ่อย”
บิชอปอีเล็คตร้าหัวเราะ
“สำหรับกรุงเบ็คลันด์ การได้ออกกำลังกายถือเป็นเรื่องดี เพราะในบางครั้ง การเข้าสังคมน่าเบื่อกว่าที่คุณคิด”
กล่าวจบ มันยิ้มอย่างมีเลศนัย
“มาดามฮอลลี่ชื่นชมคุณมาก เธอบอกว่าภายในของคุณสอดคล้องกับภายนอก”
คงต้องขอบคุณเธอที่ช่วยกระจายข่าวนี้… ไคลน์หมดคำจะกล่าวไปสักพัก ทำได้เพียงกล่าวติดตลก
“ภายในของมนุษย์… ไม่มีทางมองเห็นผ่านการเต้นรำ”
โดยไม่รอให้บิชอปอีเล็คตร้าเผยรอยยิ้มที่สุภาพบุรุษต่าง ‘รู้กัน’ ชายหนุ่มกล่าวโดยไม่มองหน้า
“บิชอป ผมต้องเข้าไปพัวพันกับธุรกิจบางชนิด อาจทำให้คนใหญ่คนโตบางรายขุ่นเคือง ตอนนี้จึงค่อนข้างกังวล”
ไคลน์หมายถึงบริษัทโคอิมและบารอนซินดราส
บิชอปอีเล็คตร้าจิบไวน์
“ไม่ต้องกังวล เบ็คลันด์คือเมืองที่ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย นอกจากนั้น เทพธิดาจะอวยพรให้คุณ”
“ได้ยินแบบนั้นค่อยโล่งใจ… สรรเสริญเทพธิดา!” ไคลน์วาดพระจันทร์สีแดงบนหน้าอกด้วยท่าทางสำรวม
รอจนกระทั่งบิชอปอีเล็คตร้าเดินตรงไปบนฟลอร์เต้นรำ ดวงตาชายหนุ่มค่อยๆ ดำมืด ถอนหายใจกับตัวเอง
ไคลน์ไม่ได้ชอบไม่ได้เกลียด เพียงแต่รู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะจนถึงปัจจุบัน โบสถ์รัตติกาลทำดีกับตนมาก แม้จะเป็นเพราะว่าตนคอยบริจาคเงินก้อนโต แต่นั่นก็ช่วยให้การดำรงชีวิตสะดวกสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในทางกลับกัน เป้าหมายที่แท้จริงของมันคือการตีสนิทกับผู้คุมและขโมยสมุดบันทึกด้านหลังประตูยานิส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ