ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 831

ราชันเร้นลับ 831 : ห่างแค่เอื้อมมือ
เมื่อเห็นเลียวนาร์ด·มิเชล ไคลน์เกร็งกล้ามเนื้อหลังทันที จิตตึงเครียดราวกับสายธนูที่ถูกง้างจนสุด พร้อมขาดผึ่งทุกเวลา

ชายหนุ่มยังจดจำได้แม่นยำ เทวทูตจากเส้นทางนักจารกรรม พาลีส·โซโรอาสเตอร์ สามารถตระหนักถึงความพิเศษของตนได้ และย่อมมองการปลอมตัวออกอย่างทะลุปรุโปร่ง!

ถ้าคุณปู่คนนั้นบอกเลียวนาร์ดเกี่ยวกับความผิดปรกติของผู้คุมตรงหน้า นั่นคงเป็นเรื่องใหญ่… ได้แต่กลัวว่านักกวีเพื่อนรักจะไม่กล้าเปิดเผยความจริง แสร้งทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง… สมัยยังอยู่ทิงเก็น แม้ว่าชายคนนั้นจะชอบโอ้อวดว่าตัวเองมีความลับ และบอกว่าตนไม่ชอบยุ่งเรื่องความลับของคนอื่น แต่ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าเขาจะยังเหมือนเดิม ตอนนี้อาจกลายเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมไปแล้วก็ได้ ยอมเอาตัวเข้าเสี่ยงเพื่อเปิดโปงอันตราย… แถมกรณีของเรายังคล้ายคลึงกับอินซ์·แซงวิลล์… ทันใดนั้น เหงื่อเย็นเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนหน้าผากชายหนุ่ม

ด้วยความสัตย์จริง ไคลน์คาดไม่ถึงว่าตนจะเดินสวนกับเลียวนาร์ดขณะตรงไปทางประตูยานิส เพราะอีกฝ่ายเป็นถุงมือแดง มิใช่เหยี่ยวราตรีทั่วไป ไม่มีหน้าที่เฝ้ายามหน้าประตู จึงไม่ควรเพ่นพ่านใต้ดินในเวลานี้

แต่ทันใดนั้น ไคลน์ฉุกคิดถึงประเด็นสำคัญ

นั่นก็คือ บุคคลที่สามารถตรวจพบความผิดปรกติของตนคือพาลีส·โซโรอาสเตอร์ มิใช่เลียวนาร์ด·มิเชล ท่าทีของฝ่ายแรกต่างหากที่สำคัญ!

คุณปู่รายนี้ทราบว่าเราตระหนักถึงการมีอยู่ของตัวเขา… หากจงใจเปิดโปงให้เราตกอยู่ในอันตราย ก็ต้องเตรียมใจถูกเราเปิดโปงจนเดือดร้อนไม่ต่างกัน การแลกหมัดครั้งนี้ไม่เกิดผลดีต่อฝ่ายไหน โดยเฉพาะกับเทวทูตเส้นทางนักจารกรรมที่มิได้นับถือเทพธิดารัตติกาล ไม่จำเป็นต้องเปลืองตัวเลยสักนิด… หากเราเป็นเขา จะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่แม้แต่จะเตือนเลียวนาร์ด ไม่เสี่ยงนำความปลอดภัยของตัวเองไปฝากไว้กับเจ้าของร่าง… ไคลน์ที่ดึงสติได้รวดเร็ว กลับมาสุขุมเยือกเย็นอีกครั้ง เพียงเดินผ่านหน้า ‘ถุงมือแดง’ เลียวนาร์ด·มิเชลไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

เลียวนาร์ดชำเลืองผู้คุมเจ้าของออร่าเย็นเยียบด้วยสีหน้าเรียบเฉย อดไม่ได้ที่จะยกมือขวาป้องปากหาว

เนื่องจากตอนกลางคืนไม่ต้องนอน ไม่มีอะไรทำ จึงเดินไปที่ห้องเวรยามเพื่อหาเพื่อนเล่นไพ่? ทำตัวสมกับเป็นผู้ไร้หลับ… ไคลน์เริ่มเข้าใจอย่างคลุมเครือ ถึงเหตุผลที่นักกวีถุงมือแดงมาโผล่บนทางเดินใต้ดิน

ชายหนุ่มนึกถึงสมัยยังอยู่ทิงเก็น ทบทวนท่าทีตอบสนองของผู้คุมขณะเดินสวนกับเหยี่ยวราตรี พยักหน้าให้เลียวนาร์ดโดยไม่กล่าวคำใด ใช้นิ้วชี้และกลางของมือขวาแตะสี่จุดบนหน้าอกตามเข็มนาฬิกา คล้ายกับวาดพระจันทร์แดงเต็มดวง

เลียวนาร์ดตอบสนองในแบบเดียวกัน พยักหน้าเล็กๆ ให้ผู้คุมเจ้าของจมูกใหญ่และผิวหนังหย่อนยาน ก่อนจะเดินผ่านไป

ไคลน์ถอนหายใจแผ่วเบา ก้าวไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมาย

ตรงหน้าคือประตูเหล็กสีดำท่าทางหนักและเย็นเยียบ สลักตราศักดิ์สิทธิ์เจ็ดแผ่น คล้ายกับไม่มีสิ่งใดสั่นคลอนมันได้

ไคลน์ขยับไปด้านข้าง ขยับสองก้าวในแนวเฉียง เคาะประตูห้องยามเพื่อเรียกให้เหยี่ยวราตรีมาเป็นพยาน จากนั้นก็เปิดประตูยานิส

ความมืดมิดด้านในพวยพุ่งออกมาทันที แม้จะภายในจะมีเทียนแกะสลักสีเงินคอยมอบความสว่างอย่างเงียบงัน แต่ก็มิอาจขจัดความรู้สึกดังกล่าว มีเพียงเปลวไฟสีฟ้าจางที่ช่วยบรรเทาอารมณ์ได้เล็กน้อย

ขณะเดียวกัน ไคลน์พบว่ามีบางสิ่งจากความมืดมิดปะทะเข้ากับผิวหนัง ซึมลึกเข้าไปในร่างกาย ข้ามผ่านขอบเขตของความเป็นความจริงและภาพลวงตา เชื่อมต่อกับ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอล

เพียงพริบตา โดยไม่ต้องเปิดเนตรวิญญาณ ชายหนุ่มเห็นด้ายสีดำเส้นบางปกคลุมทั่วดินแดนด้านหลังประตูยานิส แต่ละเส้นโยกคลอนแผ่วเบา บ้างหดเข้า บ้างขยายออก ราวกับเส้นผมของสตรี หรือไม่ก็หนวดของสัตว์ประหลาดกำลังโบกสะบัด

ไคลน์ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หันกลับมาปิดประตูยานิสให้สนิท

ทันใดนั้น คล้ายกับเสียงภายนอกถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง เงียบสงัดประหนึ่งอาณาจักรแห่งความตาย อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว ความรู้สึกปัจจุบันทำให้ไคลน์นึกถึงสมัยเด็ก ทั้งที่ไม่ได้ฟังเรื่องผี แต่จู่ๆ ก็กลัวที่จะมองเข้าไปในความมืด ยากจะข่มตานอนหลับ

ไม่แปลกใจว่าทำไมเทพธิดาถึงมีสมญานามว่า ‘จักรพรรดินีแห่งความกลัว’ … ไคลน์จ้องไปด้านข้าง ยกตะเกียงขึ้นจากมุมห้องและจุดไฟอย่างชำนาญ

แสงสว่างเจือจางแผ่ออกมาทันใด ย้อมทุกสิ่งให้กลายเป็นสีฟ้าอ่อน

ไคลน์ในสภาพสวมชุดนักบวชสีดำ ตัดสินใจไม่รีบลงไปใต้ดินชั้นสองเพื่อค้นหาสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส แต่หยุดรออยู่หลังประตูอย่างใจเย็น

มันกังวลว่าเหยี่ยวราตรีบางคนอาจต้องการสิ่งของด้านใน แต่ไม่สามารถนำออกมาได้ในตอนกลางคืน ต้องรอให้ผู้คุมมาถึงในช่วงเช้าเสียก่อน

จากประสบการณ์ของชายหนุ่ม ห้านาทีแรกหลังจากผู้คุมเข้ามาในประตูยานิส คือช่วงเวลาที่ถูกรบกวนมากที่สุด ตราบใดที่ผ่านไปได้อย่างราบรื่นและไม่เกิดเหตุเหนือความคาดหมาย นอกจากนั้น การเบิกวัสดุตามปรกติจะเริ่มหลังแปดโมงเช้า เพราะนั่นเป็นเวลาเข้างานของเหยี่ยวราตรีและเจ้าหน้าที่พลเรือน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไคลน์ผ่านห้านาทีแรกไปได้ ก็จะไม่ถูกเหยี่ยวราตรีรบกวนนานอีกกว่าสองชั่วโมง แน่นอน มันจะไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนานขนาดนั้น เพราะถึงแม้วิหารของโบสถ์รัตติกาลจะเปิดแปดโมงตรง แต่คนงานจะต้องตื่นขึ้นมาเตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนเวลาเปิดราวหนึ่งชั่วโมง หมายความว่าหลังหกโมงครึ่ง คนงานที่เหลือคงรู้แล้วว่ามีเพื่อนร่วมงานหายไปหนึ่งคน!

จากวินาทีเป็นนาที หัวใจไคลน์เต้นแรงขึ้นจนยากจะควบคุม พบว่าห้านาทีช่างทุกข์ทรมานเหนือคำบรรยาย

จนกระทั่ง หลังจากการนับถอยหลังจบลง ชายหนุ่มหันไปมองบันไดหินซึ่งนำไปสู่ความมืดมิดชั้นล่าง

ในตอนนี้ ไม่มีใครขัดขวางมันได้อีกแล้ว!

ไคลน์ตระหนักว่าตนผ่านส่วนที่ยากเจ็ดส่วนสิบของภารกิจมาแล้ว หลังจากนี้เหลือความยากอีกเพียงสามส่วนสิบ

แน่นอน เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไคลน์ไม่กล้าประมาท ถือตะเกียงเดินไปทางบันไดหินอย่างใจเย็น

สำหรับผู้วิเศษคนอื่น โซนแรกหลังประตูยานิสน่าดึงดูดกว่าโซนสมบัติปิดผนึกหลายเท่า เพราะที่นี่คือแหล่งรวบรวมวัตถุดิบวิญญาณ วัตถุดิบหลักโอสถ สูตรโอสถ และความรู้ศาสตร์เร้นลับทุกประเภท แถมยังใช้เป็นสถานที่กักขังพวกนอกรีตหรือผู้วิเศษนอกกฎหมาย ไม่ว่าจะมีเจตนาเพื่อเลื่อนลำดับ แสวงหาความร่ำรวย หรือต้องการช่วยเหลือพวกพ้อง ผู้บุกรุกส่วนใหญ่จะทำการค้นหาเฉพาะภายในโซนนี้

แต่สำหรับไคลน์ มันต้องเดินลึกลงไป นำพาตัวเองเข้าสู่โซนสมบัติปิดผนึกแสนอันตราย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ