แข็งแกร่งฉิบ… หมดสิทธิ์ต่อต้านโดยสิ้นเชิง…
ถ้าตายไปในสภาพนี้ เราจะคืนชีพได้ไหม…
ขณะความคิดแล่นผ่าน ดวงตาไคลน์มืดสนิท สิ้นสติโดยสิ้นเชิง ราวกับเข้าสู่ห้วงนิทราที่ปราศจากความฝัน
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ความมืดอับแสงไร้เสียงเริ่มสั่นไหว สติชายหนุ่มพร่ามัว รู้สึกคล้ายลมหนาวพัดผ่าน
เมื่อสติเริ่มกลับคืน ไคลน์ค่อยๆ ลืมตาขึ้น จ้องทะเลหมอกด้านบนซึ่งมีดวงจันทร์สีแดงเข้มซ่อนอยู่
เราคืนชีพอีกครั้ง? หรือว่าที่นี่คือ ‘โลกแห่งความตาย’ ? ถ้าเป็นอย่างหลัง อย่างน้อยก็ยังพอมีทางออก บางทีเราอาจขอความช่วยเหลือจากผู้ส่งสารของมิสเตอร์อะซิก แต่ปัญหาคือ เราจะกลายเป็นสัตว์วิญญาณหรือไม่ก็อันเดด… สมองไคลน์ยังคงเฉื่อยชา คล้ายกับมีใครบางคนวางยาชาที่ท้ายทอย ความคิดฟุ้งซ่านอย่างมิอาจควบคุม
ทีละเล็กละน้อย ชายหนุ่มค่อยๆ สัมผัสถึงการมีอยู่ของร่างกาย ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวและแรง
เมื่อสติเริ่มคมชัด ไคลน์เชื่อว่าตนน่าจะคืนชีพใหม่อีกครั้ง บางทีอาจเป็นการจับโยนมายังทุ่งกว้างทุรกันดาร
แกร่ก!
เสียงข้อต่อดังลั่นขณะไคลน์พยุงตัวลุกยืน โดยไม่สนสภาพร่างกาย ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบตัวเพื่อยืนยันสภาพแวดล้อม
สิ่งแรกที่เห็นคือหมอกหนา ค่ำคืนอันมืดมิดและเหน็บหนาว มีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ห่างไปไม่ไกล
สิ่งก่อสร้างที่เด่นสะดุดตาที่สุดในเมืองคือวิหารเก่าแก่ซึ่งมียอดแหลม ดำสนิทไปทั้งหลัง ไม่มีหอระฆัง ด้านบนสุดมีอีกาดำบนโฉบอย่างต่อเนื่อง
รอบวิหารมีอาคารหลายหลัง ไม่ว่าจะบ้านสองชั้นธรรมดา บ้านไม้เรียบง่าย ร้านขนมปังแขวนป้ายไม้ โรงสีกังหันลมสีเทาอ่อน แต่ปราศจากคนเดินถนนโดยสิ้นเชิง คล้ายกับกำลังหลับใหลในค่ำคืนอันสุขสงบ
ในฐานะนักทำนาย ไคลน์พบว่าเมืองนี้คุ้นเคยอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับเคยเห็นจากที่ไหนสักแห่งในอดีต!
หลังจากทบทวนความจำสักพัก มันเริ่มนึกออก
นี่คือ ‘ต้นตอ’ ของความอันตรายในช่วงกลางคืนบน ‘ซากสมรภูมิแห่งเทพ’ !
หลังจากเข้าสู่น่านน้ำสุดเขตฝั่งตะวันออกของทะเลโซเนีย ถ้าตกกลางคืนแล้วใครไม่ยอมนอนเพื่อเข้าสู่โลกแห่งความฝัน เมื่อถึงช่วงฟ้าสว่าง พวกพ้องจะพบว่าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีครั้งหนึ่งที่ไคลน์ถูกปลุกให้ตื่นโดย ‘นักบุญมืด’ ชายหนุ่มพบว่าบนทะเลในจุดห่างไกล มีสถานที่ซึ่งถูกปกคลุมด้วยความสุขสงบยามค่ำคืน รายล้อมด้วยหมอกพิสดาร!
ไคลน์ยังสงสัยด้วยว่า สิ่งมีชีวิตที่หายสาบสูญไปในยามค่ำคืน ล้วนถูกนำตัวมาที่นี่!
ปัจจุบัน ชายหนุ่มได้เข้ามาอาศัยด้วยตัวเอง หากจากหมู่บ้านสายหมอกไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร!
เป็นพลังที่เกี่ยวข้องกับยามค่ำคืน… เป้าหมายหายไปราวกับถูกลบ… พลังของสมาชิกระดับสูงของโบสถ์ไม่ใช่การลบศัตรูให้หายไปจากโลก แต่เป็นการส่งมาที่นี่แทน? สิ่งมีชีวิตที่หายไปในซากสมรภูมิแห่งเทพ ก็เกิดขึ้นในทำนองเดียวกัน? กล่าวกันว่า พลังทำนายมิอาจระบุตำแหน่งของพวกเขาได้ ทราบเพียงว่ายังมีชีวิตอยู่… แต่อย่าเพิ่งตัดความเป็นไปได้ที่เราคืนชีพและมาเกิดที่นี่… ท่ามกลางความคิดมากมาย ไคลน์ถอนสายตากลับ ใช้พลังตัวตลกตรวจสอบร่างกายตัวเอง
รูปลักษณ์เปลี่ยนกลับไปเป็นไคลน์·โมเร็ตติ แต่ยังคงสวมเสื้อคลุมสีดำของนักบวชสำหรับผู้คุม ไม่มีอาการบาดเจ็บ
อาศัยประสบการณ์อันโชกโชน ไคลน์สงบลงอย่างรวดเร็ว นำมือขวาล้วงกระเป๋าเสื้อ เปิดกล่องบุหรี่โหละ หยิบถุงมือหนังมนุษย์ที่ถูกพับไว้มาสวมที่มือซ้าย
หลังจากยืนยันว่ายุบพองหิวโหยยังใช้งานได้ ไคลน์หยิบนกหวีดทองแดงอะซิกขึ้นมาจ่อปากเป่า
ทว่า ท่ามกลางเนตรวิญญาณที่เปิดอยู่ ผู้ส่งสารโครงกระดูกไม่ปรากฏตัว
ไคลน์ไม่ประหลาดใจกับผลลัพธ์มากนัก มองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครสามารถติดต่อกับคนที่หายตัวไปในซากสมรภูมิแห่งเทพ ต้องไม่ลืมว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คดีคนหายย่อมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากบรรดาเหยื่อทั้งหมด ต้องมีสักคนที่สามารถอัญเชิญผู้ส่งสาร ตัวอย่างที่ชัดเจนคือคนของนิกายวิญญาณ
สถานที่แห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกวิญญาณ? ถ้าอย่างนั้นก็คงใช้ ‘ท่องเที่ยว’ ไม่ได้… สมแล้วที่เป็นสมาชิกระดับสูงซึ่งศาสนจักรไว้ใจส่งมายุติโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน… ท่าน ‘ส่ง’ เป้าหมายมาที่นี่เพื่อเนรเทศ หรือไม่ก็กักขัง… หากติดอยู่ในนี้ การหนีออกไปไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้เป็นระดับนักบุญก็ตาม… ไคลน์มิได้ตื่นตระหนัก ค่อนข้างใจเย็นด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มกลับนกหวีดทองแดงอะซิกกลับเข้ากล่องบุหรี่โลหะ เตรียมถอยหลังสี่ก้าว
มันคิดจะทำลายการ ‘จองจำ’ จากเมืองแห่งนี้ด้วยการเข้าไปอยู่ในมิติเหนือสายหมอก!
“เซียนราชันฟ้าดินประทานโชค”
“เทพสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค”
“จักรพรรดิสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค”
“ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค”
ไคลน์ขยับทีละก้าว เพียงไม่นานก็เสร็จพิธีกรรม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ