“มีบ้าง… ผมฝันถึงเมืองที่เต็มไปด้วยสายหมอก ดวงจันทร์สีแดงบนท้องฟ้าบ้างสว่างบ้างริบหรี่… ใจกลางเมืองมีวิหารสีดำ ภายในวิหารมีศพถูกแขวนกลางอากาศ ศพสวมเสื้อผ้าที่มาจากต่างยุคสมัย โยกเอนไปตามสายลมพร้อมกับส่งเสียงเพรียกพิสดาร… นอกจากนั้นยังมีหญิงงามที่ถูกแขวนกลางอากาศ ตามซอกฟันของเธอเต็มไปด้วยเลือดเนื้อมนุษย์… เห็ดยักษ์ที่ประกอบจากเห็ดขนาดเล็กจำนวนมาก”
เพื่อรักษาอาการทางจิต ไคลน์เล่าความฝันอย่างละเอียด แต่ไม่ได้บอกว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบนโลกความจริง ไม่ได้บอกว่ารู้จักกับสตรีลึกลับที่ถูกแขวน ไม่ได้บอกว่ารู้จักต้นตอของเห็นพิสดาร นอกจากนั้นยังปกปิดตัวตนของหนอนแมลงโปร่งใสและเรื่องของซาราธ
ออเดรย์ฟังอย่างตั้งใจ อาศัยความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับและพลังพิเศษของตัวเองช่วยตีความ หลังจากครุ่นคิดสักพักจึงกล่าว
“มิสเตอร์เวิร์ล ดิฉันสัมผัสถึงความน่ากลัวและชั่วร้ายภายในความฝันข้างต้น รวมถึงความหวาดกลัวในจิตใจของคุณ”
เมื่อเห็นว่าบุรุษฝั่งตรงข้ามไม้กระดานมิได้โต้แย้ง ออเดรย์เริ่มมั่นใจว่าเป็นตามที่เธอกล่าว จึงใช้พลัง ‘ปลอบโยน’ อีกหนึ่งครั้งและเริ่มการ ‘ชี้นำ’
“ความกลัวที่เกิดขึ้นในความฝันส่วนมากมักเป็นผลจากห้วงอารมณ์ลึกๆ ในจิตใจ ตามปรกติแล้ว ต้นตอของความกลัวในจะมีอยู่สองประเภท หนึ่งคือความกลัวที่เกิดจากความไม่รู้ และอีกหนึ่งคือความกลัวที่เกิดจากการยอมสยบ… ภาพอันโหดร้ายที่คุณเห็นเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน ไม่ใช่ความจริง ความกลัวที่แท้จริงของคุณจะซ่อนอยู่ในความหมายที่แฝงมากับสัญลักษณ์”
กล่าวจบ ออเดรย์ถามทันที
“สิ่งนั้นคืออะไร?”
ไคลน์ที่นั่งฟังเสียงอันไพเราะของจัสติสพลันเกิดความผ่อนคลายและเคลิบเคลิ้ม จนกระทั่งได้ยินคำถาม จึงตอบกลับไปตามจิตใต้สำนึก
“ตัวตนที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา”
มันเว้นวรรคสักพัก เสริมด้วยความลังเล
“นอกจากจะไม่รู้จัก ผมยังต้องยอมสยบต่ออีกฝ่าย”
ทันใดนั้น ไคลน์เข้าใจทันทีว่าทำไมตนถึงฝันร้าย รวมถึงเหตุผลที่เกิดอาการทางจิต
สัญชาตญาณของมันหวาดกลัวต่อบางสิ่ง จนเกิดอารมณ์ด้านลบโดยไม่รู้ตัว
ความหวาดกลัวเกิดจากทั้งกลุ่มก้อนหนอนแมลงสีใส พฤติกรรมอันน่ากลัวของซาราธ รวมถึงเจตนาที่ไม่ชัดเจนของเทวทูต ‘นักลบ’ และเหตุผลที่สามารถใช้ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดในการเปิดประตูหลบหนี ทุกสิ่งล้วงสร้างความสิ้นหวังที่ทำให้ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน ส่วนความไม่รู้เกิดจากการที่ตนไม่รู้ว่า ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู และใครกำลังวางแผนแบบใด
ใช่แล้ว… เรากลัวกลุ่มหนอนแมลงสีใสที่น่าจะเป็นลำดับ 1 ของเส้นทางนักทำนาย ‘บริวารเร้นลับ’ … เรากลัวเพราะไม่รู้ว่าซาราธได้อะไรจากการหลอกให้เราเปิดประตู… เรากลัวเทพธิดาที่มีเจตนาไม่ชัดเจน เฉกเช่นเทวทูตนักลบตนดังกล่าว… ไคลน์หายใจเข้าออกเชื่องช้า ก้นบึ้งหัวใจยอมรับความหวาดกลัวที่เกิดขึ้น
ออเดรย์ใช้พลังปลอบโยนอีกครั้ง พบว่าจิตของเดอะเวิร์ลคลายความกังวลลงหลายส่วน หญิงสาวที่เริ่มความยินดีตัดสินใจพูดเข้าประเด็น
“สาเหตุหลักของความกลัวคือความไม่มั่นใจในตัวเอง ลองนึกดูให้ดีว่าคุณเคยทำตัวประมาทเลินเล่อ หรือละเลยสิ่งใดจนดวงวิญญาณต้องคอยตักเตือน คอยบอกใบ้และนำทาง จนกระทั่งพัฒนากลายเป็นส่วนหนึ่งของฝันร้าย”
ทำตัวประมาทเลินเล่อ ก่อความผิดพลาดจนดวงวิญญาณต้องคอยตักเตือน… ไคลน์นึกทบทวนคำพูดมิสจัสติส พยายามวิเคราะห์อย่างละเอียด
เพียงไม่นาน สีหน้าของมันเริ่มดำมืดขณะพบปัญหา
เราสาบานกับดาบศักดิ์สิทธิ์โดยมีเทพธิดาเป็นสักขีพยาน… แม้ในตอนที่ทำการสาบาน เรายังไม่ได้ตัวตลก พลังของสายหมอกยังมิได้แทรกแซงโลกความจริง ช่วยให้เล็ดลอดจากสายตาของเทพบางตน ครึ่งเทพ และสัตว์วิญญาณ แต่ในความเป็นจริง เรามิอาจเปลี่ยนแปลงหรือปกปิด ‘โชคชะตา’ ดังกล่าวได้ และพลังของ ‘โชคชะตา’ อยู่ในขอบเขตเส้นทางสัตว์ประหลาด…
แต่ต้องไม่ลืมว่า เทพธิดารัตติกาลยังมีสมญานาม ‘จักรพรรดินีแห่งหายนะและความอับโชค’ มีอำนาจในขอบเขตของ ‘โชคร้าย’ เป็นส่วนหนึ่งของพลังในขอบเขต ‘โชคชะตา’ !
ทำให้เราถูก ‘พระองค์’ จับตามองในภายหลัง?
จิตไคลน์เริ่มสงบลง ความกลัวที่มีบ่อเกิดจากความไม่รู้เริ่มบรรเทาลงหลายส่วน
ชายหนุ่มไม่ชอบคำถามหรือปล่อยให้จัสติสพูด ชิงถามตัดหน้า
“ถ้าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูหรือกลุ่มศัตรูที่ยากจะเอาชนะ เป็นคุณจะทำอย่างไร?”
ออเดรย์มิได้หงุดหงิดที่คนไข้ถาม กลับกัน เธอมองว่าเป็นสัญญาณที่ดี จึงมอบคำตอบหลังจากครุ่นคิด
“อันดับแรกก็ต้องซ่อนตัวให้มิดชิด พยายามพัฒนาตัวเอง”
“แล้วถ้าเวลาในการซ่อนตัวมีไม่มากพอจะพัฒนาฝีมือจนสามารถต่อกรกับอีกฝ่าย?” ไคลน์ถามจี้ “แล้วถ้าระยะห่างของทั้งสองฝ่ายมากเกินกว่าจะลดช่องว่าง?”
ออเดรย์ตอบกึ่งปลอบใจกึ่งสาระ
“มองหาตัวช่วย”
ตัวช่วย… หลากหลายชื่อผุดขึ้นในใจไคลน์ ช่วยให้จิตใจของมันเริ่มชุ่มชื่น ก่อนจะถามต่อ
“แล้วถ้าต่อให้มีผู้ช่วยมากมาย ศัตรูก็ไม่ใช่ระดับที่สามารถเอาชนะได้? แล้วถ้าผู้ช่วยบางคนมีเจตนาคลุมเครือ ยากจะคาดเดาว่ามีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน?”
ออเดรย์ผงะเล็กน้อย ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ
“สวดวิงวอนถึงเทพ”
เธอเกือบจะหลุดปากไปว่า มิสเตอร์เวิร์ล ทำไมถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล!
คำถามเมื่อครู่ช่วยให้ออเดรย์มั่นใจในหนึ่งเรื่อง นั่นคืออาการทางจิตของมิสเตอร์เวิร์ลมีบ่อเกิดจากตัวตนลึกลับและทรงพลัง ขณะเดียวกันก็ยังไม่ทราบเจตนาและจุดประสงค์ของ ‘ผู้ช่วย’ ฝ่ายตนดีพอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ